“พิชัย” ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี อดีต รมว.พลังงาน จี้ “ผบ.ตร.” ให้ สตช.เร่งแก้ประวัติอาชญากรรมผู้ได้รับผลกระทบทางการเมือง ที่อาจไม่เป็นธรรม ชี้ เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ต้องปกป้องสิทธิของประชาชน และคนรุ่นใหม่

วันที่ 17 ต.ค. 2566 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งแก้ไขประวัติอาชญากรรมของผู้แสดงความเห็นโดยสุจริต และได้รับผลกระทบทางการเมือง เพื่อไม่ให้มีประวัติที่ด่างพร้อย โดยจากการที่ตนเองได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี จึงต้องมีการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม ซึ่งปรากฏว่าตนเองยังคงมีประวัติที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ส่งคนมาฟ้องร้องตนในอดีต ในคดีทฤษฎี "กบต้ม" คดีนิตยสารไทม์ และ คดีข้อมูลการเสวนา ที่สำนักงานอัยการได้ยกฟ้องทั้งหมดแล้ว เพราะคดีไม่มีมูล แต่ประวัติอาชญากรรมกลับยังไม่ถูกลบ

ทั้งนี้ จากสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ย่ำแย่ ผลสืบเนื่องมาจากปัญหาเศรษฐกิจในอดีตที่ตนได้เตือนมาตลอด ทั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ต่ำเฉลี่ยตลอด 9 ปี เพียงปีละ 1% กว่าเท่านั้น การส่งออกที่ขยายตัวน้อยมากเฉลี่ยปีละ 1% กว่าเช่นกัน การลงทุนที่หดหาย และหนี้สินที่พุ่งสูงทั้งหนี้ภาคครัวเรือน หนี้ภาครัฐ รวมถึงหนี้เสียในระบบธนาคารและหนี้นอกระบบ ซึ่งเสื่อมถอยเป็นไปตามทฤษฎีกบต้มที่ตนได้เตือนไว้แล้วตามความจริง และด้วยความบริสุทธิ์ใจ รวมถึงเรื่องนิตยสารไทม์และการเสวนาวิชาการด้วย โดยต้องขอขอบคุณ นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ที่ช่วยว่าความแก้ต่างให้ และ สำนักงานอัยการสูงสุด ที่พิจารณาตามข้อเท็จจริง และได้สั่งไม่ฟ้องทั้งหมด

...

ทั้งนี้ไนขณะที่โดนฟ้องก็เป็นข่าวกระจายมาก เพราะขัดต่อความรู้สึกของประชาชน และเมื่อสำนักงานอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องก็เป็นข่าวกระจายมากเช่นกัน แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกลับไม่ได้แก้ไขเรื่องดังกล่าว จนกระทั่งตนต้องเรียกร้อง และแสดงหลักฐานการสั่งไม่ฟ้องของสำนักงานอัยการสูงสุด

"การที่ตนออกมาทักท้วงนี้เพื่อต้องการปกป้องสิทธิของประชาชน และคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่อาจโดนฟ้องร้องแบบไม่ยุติธรรมเหมือนตนเอง ขนาดตนเองยังต้องหาทางติดต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อแก้ไขประวัติอาชญากรรมให้ถูกต้อง แล้วประชาชน และคนรุ่นใหม่จะเป็นอย่างไร ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เร่งแก้ไขเรื่องนี้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะน่าจะมีประชาชน และคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่โดนเหมือนกับตน และอาจจะประสบปัญหาไม่สามารถจะแก้ไขได้ และอาจจะมีประวัติอาชญากรรมติดตัวไปตลอด ซึ่งจะมีปัญหาในการสมัครงาน และการเดินทางไปต่างประเทศได้ เป็นต้น และเห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนที่จะต้องได้รับความคุ้มครอง และแก้ไขให้ถูกต้อง ทั้งนี้โดยส่วนตัวแล้วเชื่อมั่นใน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ว่าจะสามารถแก้ไข ปรับปรุง และ พัฒนา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ได้มาตรฐาน และเป็นที่พึ่งพาของประชาชนได้อย่างแน่นอน" นายพิชัย กล่าว.