“ค่าเงินบาทอ่อน” เป็นประเด็นร้อนที่นายกฯเศรษฐา ทวีสิน ต้องติดตามตลอด 24 ชั่วโมง ล่าสุด ค่าเงินบาทอ่อนป้อแป้ไปถึง 37 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนปวกเปียกที่สุดในรอบสิบปี!!
ปัญหาเงินบาทอ่อนเป็นเรื่องใหญ่นะคุณ
“แม่ลูกจันทร์” หวังว่าปัญหาเงินบาทอ่อนจะเกิดขึ้นชั่วคราว
เพราะบ้านเราต้องนำเข้าน้ำมันดิบแพงยิ่งกว่าเดิม!!
แต่ค่าเงินบาทอ่อนลงจะส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าไทย และจะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้นอย่างแน่นอน
“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่า นายกฯเศรษฐา ซึ่งควบเก้าอี้ รมว.คลัง จะจัดการปัญหาค่าเงินบาทอย่างเหมาะสม ไม่แข็งเกินไป และไม่อ่อนเกินไป
เพราะนายกฯคนนี้เป็น “สายแข็ง” ด้านการเงินโดยตรง!!
ล่าสุด นายกฯเศรษฐา ประกาศจะคุมเข้มการใช้จ่ายงบรัฐบาล
ไม่ให้ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำอย่างที่ผ่านมา
ทุกโครงการที่ใช้งบประมาณแผ่นดิน ต้องมีเป้าหมายชัดเจน
โครงการที่ไม่จำเป็น ต้องยกเลิก เพื่อเอาเม็ดเงินไปใช้ ในโครงการที่เกิดประโยชน์คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์
แผนการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์กองทัพที่บรรจุไว้ในงบปี 2567
ต้องชะลอไปก่อนชั่วคราว
ยกเว้น...โครงการจำเป็นเร่งด่วนจริงๆ
รัฐบาลอาจพิจารณาทบทวนอนุมัติเป็นกรณีไป??
แต่ถ้าไม่ใช่วาระเร่งด่วน โครงการ จัดซื้ออาวุธที่บรรจุไว้ในงบปี 2567 ต้องถูกเก็บเข้าตู้เย็น!!
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า การที่นายกฯ เศรษฐาสั่งชะลอโครงการจัดซื้ออาวุธของกองทัพไว้ก่อนชั่วคราว
ทำให้ภาพนายกฯคนใหม่เจ๋งขึ้นอีก 20 เปอร์เซ็นต์
แต่จะห้ามการช็อปปิ้งอาวุธใหม่ได้จริงหรือไม่??
...
“แม่ลูกจันทร์” มองว่า คงหยุดการจัดซื้ออาวุธไม่ได้อย่างสิ้นเชิง
เพราะแผนการจัดซื้ออาวุธกองทัพส่วนใหญ่เป็น “งบผูกพัน” 3 ปี 4 ปี 5 ปี
เมื่อเป็นงบผูกพันก็ต้องเดินหน้าต่อไปตามเงื่อนไขสัญญา
“แม่ลูกจันทร์” ฟังคำพูดของ “นายสุทิน คลังแสง” รมว.กลาโหมป้ายแดง
ไม่ได้แข็งโป๊กเหมือนคำพูดนายกรัฐมนตรี
นายสุทิน แบะท่าจะผ่อนผันให้กองทัพจัดซื้ออาวุธ เท่าที่จำเป็น
อ้างว่าช่วงนี้เครื่องบิน รถถัง เฮลิคอปเตอร์ ส่วนใหญ่ก็บังเอิญหมดอายุใช้งานพร้อมกัน
การจัดซื้ออาวุธใหม่เพื่อทดแทนของเก่าที่ปลดประจำการ จึงเป็นเหตุผลที่รัฐบาลต้องยอมรับฟัง
สรุปว่าหากเป็นปัญหาเร่งด่วนจริงๆ รัฐบาลพร้อมพิจารณาให้ตามความจำเป็น
ผู้นำกองทัพฟังแล้วยิ้มกริ่มไปตามๆกัน.
“แม่ลูกจันทร์”