“เศรษฐา” ถกผู้ว่าการ ธปท. อัปเดตข้อมูลเศรษฐกิจ-การเงิน ย้ำไร้ข้อขัดแย้ง นัดหม่ำข้าวทุกเดือนชงรายชื่อคณะ ก.ก.ศึกษาประชามติเข้า ครม. “ภูมิธรรม” คาดสิ้นปีได้ข้อสรุปแนวทางประชามติแก้ รธน. พท.แท็กทีมพรรคร่วมฯรุมขยี้ “ก้าวไกล” “วิปรัฐบาล” ริบคืน 1 เก้าอี้ประธาน กมธ. “อดิศร” ขึงขังดันญัตติวิปรัฐบาลสอบมติ ก.ก. ขับ “หมออ๋อง” อ้างเพื่อความ สง่างาม ไม่ได้จ้องยึดตำแหน่ง สุดท้ายเปลี่ยนช่องยื่นองค์กรอิสระไล่บี้ “เด็จพี่” ขย่มปาหี่ขับสมาชิก จี้ กกต.ยุบพรรคสีส้ม “อัครเดช” กดดันยึด ปธ.กมธ. 1 คณะเพิ่มให้ รทสช. พรรค ก.ก. ตั้ง 15 ทีมฝ่ายค้าน เชิงรุกตรวจการบ้านรัฐบาล “หมออ๋อง” จวก พท.เล่นใหญ่จ่อร้องศาลรัฐธรรมนูญ เหน็บเลิกคิดปฏิรูปองค์กรอิสระไปแล้ว

จากกรณีที่มีกระแสข่าวความขัดแย้งระหว่างนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง กับนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการดำเนินการตาม นโยบายที่พรรคเพื่อไทย (พท.)หาเสียงไว้ โดยเฉพาะนโยบายแจกเงินดิจิทัล ล่าสุดนายกฯได้เชิญผู้ว่าการ ธปท.มาหารือ โดยระบุไม่มีความขัดแย้ง เพียงแต่ได้คุยเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านเศรษฐกิจและการเงิน

...

นายกฯปิดห้องหารือผู้ว่าแบงก์ชาติ

เมื่อเวลา 09.25 น. วันที่ 2 ต.ค.ที่ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ชั้น 1 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานพิธีเปิดโครงการประชุมสัมมนาการมอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2567 ถึงการเชิญนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หารือช่วงเที่ยงวันเดียวกันว่า เป็นการพูดคุยกันธรรมดา ยังไม่ได้พบกันอย่างเป็นทางการ จะหารือกันทุกเรื่อง ไม่ใช่เฉพาะเรื่องของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

นัดหม่ำข้าวอัปเดตประจำทุกเดือน

ต่อมาเวลา 12.00 น. นายเศรษฐพุฒิเดินทางเข้าพบนายกฯ จากนั้นนายเศรษฐาโพสต์ข้อความผ่าน X ระบุว่า “วันนี้ผมเชิญ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านเศรษฐกิจและการเงิน เป็นการประชุมที่มีประโยชน์มากครับ และหลังจากนี้จะมีการนัดพบปะหารือในลักษณะนี้เป็นประจำทุกเดือนครับ”

คุยกันแบบผู้ใหญ่ปัดไร้ความขัดแย้ง

จากนั้นนายเศรษฐาเปิดเผยภายหลังเรียกนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท.ว่าเป็นการหารือเรื่องสภาพเศรษฐกิจโดยรวม พร้อมรับฟังข้อเสนอข้อกังวลระหว่างกัน ส่วนรายละเอียดการหารือไม่สามารถเปิดเผยได้ เป็นการพูดคุยระหว่างผู้ใหญ่สองคน เปิดเผยรายละเอียดไม่ได้ เป็นการพูดคุยกันด้วยดี และจากนี้ไปจะพบกันอย่างต่อเนื่อง ส่วนประเด็นเรื่องความขัดแย้งไม่มีแน่นอน เมื่อหารือแล้วจะมีการทบทวนนโยบายใดๆหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า มีแน่นอน ไม่เช่นนั้นจะเรียกมาทำไม ไม่ได้เป็นการเรียกมาจัดฉาก แต่เพื่อการหารือเรื่องที่จะเป็นประโยชน์กับประเทศชาติซึ่งกันและกัน ผู้ว่าการ ธปท.จะดูแลสภาพการเงินการคลังของประเทศ “เมื่อผมเชิญผู้ว่าการมา ต้องให้ความสำคัญกับผู้ว่าการ ส่วนข้อกังวลเงินบาทอ่อน ตลาดหุ้น ผมกังวลทุกเรื่องที่เกี่ยวกับปากท้องของประชาชน”

เล็งต่อสายตรงถามความเห็น

นายเศรษฐากล่าวต่อว่า การหารือร่วมกันเป็นไปด้วยเหตุและผล ไม่ได้เห็นด้วยกันทุกเรื่อง แต่ต้องรับฟังข้อเสนอซึ่งกันและกัน จากนี้ไปจะหารือพูดคุยอย่างต่อเนื่อง “ก็ฟังครับ มีทั้งเรื่องที่เห็นด้วยไม่เห็นด้วย เราต่างคนต่างเป็นผู้ใหญ่ จะเห็นด้วยกันทุกเรื่องไม่ได้ คุยกันด้วยเหตุและผล เราต้องรับฟังซึ่งกันและกัน และต้องพูดคุยกันต่อเนื่อง เดี๋ยวเย็นวันนี้ (2 ต.ค.) จะโทรศัพท์คุยกันอีก ส่วนนัดหารือครั้งต่อไป 2-3 อาทิตย์หรืออาจจะเร็วกว่านี้ หากมีความต้องการ แต่จะมีการคุยกันบ่อยขึ้น” ทั้งนี้ผู้ว่าการ ธปท.ได้ฝากนโยบายหลายเรื่อง ซึ่งตนไม่ได้คิดไว้เลย เมื่อฝากมาก็น่าจะทำส่วนนี้นะ และนโยบายอนาคตหลายเรื่องจะได้สอบถามไปยังผู้ว่าการ ธปท. เมื่อตนคิดแบบนี้ แล้วผู้ว่าการมีความเห็นอย่างไร จากนี้ไปถ้าจะทำอะไรจะคุยกันบ่อยขึ้น”

กำชับน้ำเกษตร-อุตสาหกรรมอย่าขาด

ต่อมาเวลา 15.30 น. ที่กระทรวงการคลัง นายเศรษฐา เป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์การบริหารจัดการน้ำในภาคตะวันออก เพื่อกระตุ้นการลงทุนจากภาคเอกชน มี รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทานและหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าร่วม โดยนายกฯกล่าวในที่ประชุมว่า รัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องการให้นายกฯช่วยเหลืออะไรบ้าง ตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่บ้าง และให้ชัวร์ว่าภาคอุตสาหกรรมจะไม่ได้รับผลกระทบหรือมีปัญหา ถือเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้ที่จะกระตุ้นการลงทุนจากต่างประเทศ หากกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่ดีๆ มีข่าวออกไปว่าประเทศไทยขาดแคลนน้ำ ไม่ต้องพูดถึงผลกระทบจะเจอมโหฬาร ต้องฝากตรงนี้ไว้ด้วย

สั่งกรมชลฯทำแผนเสนอจันทร์หน้า

ต่อมาเวลา 17.45 น.นายเศรษฐา โพสต์ X ถึงการประชุมบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออกว่า ได้หารือการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ EEC เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านการลงทุนจากภาคเอกชนร่วมกับ ร.อ.ธรรมนัส และผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สิ่งหนึ่งที่ให้ความสำคัญมากเป็นอันดับต้นๆ คือเรื่องน้ำ ปัจจัยสำคัญในภาคการเกษตรและอุตสาหกรรม เป็นการวางแผนการบริหารจัดการน้ำช่วงปลายฤดูฝน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการในภาคการผลิตว่า ประเทศไทยจะมีน้ำใช้ตลอดช่วงฤดูแล้งที่จะมาถึง และต้องดูแลเกษตรกรไม่ให้ได้รับผลกระทบด้วย ได้มอบหมายให้กรมชลฯทำแผนการผันน้ำเข้าพื้นที่อ่างเก็บน้ำมานำเสนอวันจันทร์หน้า พร้อมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามารับฟังและให้ความเห็น ตั้งเป้าว่าเราจะวางแนวทางการแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ผมจะเป็นเจ้าภาพคณะทำงานชุดนี้ เพื่อให้การทำงานระหว่างกระทรวงทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายกฯคุมเองบริหารน้ำอีอีซี

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯให้สัมภาษณ์ว่า น้ำสำหรับภาคอุตสาหกรรมในเขตพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) จ.ชลบุรีและ จ.ระยอง กรมชลประทานเป็นแม่งานแก้ปัญหา พยายามทำงานร่วมกับภาคเอกชน เพื่อไม่ให้มีปัญหาเรื่องน้ำ มั่นใจว่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้ ที่ผ่านมาไม่ได้คุยกันแบบบูรณาการต่างคนต่างทำ นายกฯจึงได้เรียกกรมทรัพยากรน้ำและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาวางแผนบูรณาการร่วมกัน และบริษัทอีสต์วอเตอร์ และบริษัท วงศ์สยามก่อสร้าง จำกัด มาด้วยเพื่อสะท้อนปัญหาการบริหารจัดการน้ำ ไม่ใช่ใครคิดจะส่งก็ส่ง หรือคิดจะหยุดก็หยุด นายกฯจะเป็นประธานเอง ให้กรมชลประทานเป็นแม่งานดูแล ที่ผ่านมาไม่มีเจ้าภาพ จึงต้องมีเจ้าภาพกำกับดูแล สัปดาห์หน้าวันจันทร์จะประชุมต่อ ปริมาณน้ำภาคการเกษตร อุปโภคบริโภคต้องทำควบคู่กันไป จ.ชลบุรีและระยองต้องคุมน้ำสำรองเพื่อไว้ใช้ จากนี้ไปต้องไม่มีอีก ต่างคนต่างทำ

ลั่นกรมชลฯต้องไม่มีเซ็งลี้ตำแหน่ง

เมื่อถามถึงกรณีกระแสการซื้อขายตำแหน่งในกรมชลประทาน ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า มีพี่น้องในกรมชลประทานเดือดร้อนเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์ในการแต่งตั้ง ผอ.สำนักที่ว่าง วันที่ 2 ต.ค. จะเซ็นหนังสือแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ยืนยันว่าเรื่องนี้ต้องไม่มีในยุคตนแน่นอน แต่ในยุคอื่นไม่รู้ หากตรวจสอบว่าผิดดำเนินคดีทันที ตอนนี้ ผอ.สำนักยังไม่มีการแต่งตั้ง แต่เป็นวัฒนธรรมของกรมชลประทานที่จะตีฆ้องร้องป่าวก่อน เรื่องที่จะมีการซื้อขายตำแหน่งย้ำว่าต้องไม่มีในยุคตน ใครทำต้องรับผิดชอบ

ชงรายชื่อ คกก.ประชามติเข้า ครม.

เมื่อเวลา 17.30 น. ที่กระทรวงการคลัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้ สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์การบริหารจัดการน้ำ โดยผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการพูดคุยเรื่องนโยบายเงินดิจิทัลหรือไม่ โดยนายกฯกล่าวว่า ได้พูดคุยทุกเรื่อง และมีการเชิญพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขานุการ รมว.กลาโหม มาพูดคุยด้วย รวมถึงได้เรียกกรมชลประทานมาพูดคุยเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งในวันเดียวกันนี้ได้มีการเรียกหลายคนมาพูดคุย ทั้งนี้ทุกเรื่องมีความคืบหน้าหมด เมื่อถามว่าได้มีการส่งรายชื่อคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติเพื่อแก้ไข รัฐธรรมนูญส่งมาแล้วหรือยัง นายกฯกล่าวว่า เห็นแล้ว วันที่ 3 ต.ค.มีแน่นอน จากนั้นนายกฯเดินขึ้นรถ โดยลดกระจกลงมาตอบอีกว่า “ได้ชื่อแล้ว วันที่ 3 ต.ค.มีแน่นอน เสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)” ก่อนรถออกจากกระทรวงการคลัง

“อ้วน” คาดสิ้นปีได้แนวทำประชามติ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติแก้ไขรัฐ ธรรมนูญ เปิดเผยว่า จากเดิมตั้งใจให้มีคณะกรรมการ 30 คน แต่ขณะนี้ได้รายชื่อมา 35 คน เพราะกดไม่ลงแล้ว ซึ่งจะส่งให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง พิจารณาในวันที่ 3 ต.ค. และถ้าลงนามเห็นชอบก็จะมีการเริ่มประชุมทันที ส่วนคนที่ไม่ได้เข้าร่วมคณะกรรมการ ก็จะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากทั้งตัวแทนสื่อมวลชน ตัวแทนที่ประชุมคณบดีแห่งประเทศไทย รวมถึงตัวแทนนักศึกษา และจะใช้ทำเนียบรัฐบาลเป็นสถานที่หลักในการประชุม แต่ปรับเปลี่ยนสถานที่อื่นได้ตามสถานการณ์ คณะกรรมการมีตัวแทนจากทุกพรรคการเมือง รวมถึงพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ที่ตอบรับแล้ว แต่ยังไม่ส่งรายชื่อเข้ามา เมื่อถามว่าคณะกรรมการชุดนี้จะใช้เวลาเท่าใด จึงจะได้ข้อสรุปการทำประชามติ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ต้องหารือกันก่อน แต่วางคร่าวๆ ให้ได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้ ประเด็นหลักที่จะพูดคุยกันคือการทำประชามติกี่ครั้ง ส่วนคำถามประชามติจะเป็นเช่นไร ขอให้คณะกรรมการคุยกันก่อน รวมถึงกำหนดกรอบเวลาการทำงานทุกอย่าง เมื่อลงตัวจะแจ้งให้ทราบต่อไป

พท.ซัด “ราเมศ” ค้านให้สร้างสรรค์

น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รักษาการรองโฆษกพรรค พท. กล่าวถึงกรณีนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) วิจารณ์นายกฯและ รมว.คลัง อ้างนายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯเป็นคนริเริ่มการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิว่า อยากให้นายราเมศไปดูตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันว่าสนามบินสุวรรณภูมิสำเร็จได้ด้วยการเอาจริงเอาจังเร่งรัดติดตามโดยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและสนามบินสุวรรณภูมิไม่ได้ริเริ่มโดยรัฐบาลนายชวน แต่ริเริ่มมาตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เมื่อปี 2503 จากนั้นมาหยุดชะงักไม่มีรัฐบาลไหนผลักดันจริงจัง กระทั่งรัฐบาลนายทักษิณ และนายเศรษฐาไม่จำเป็นต้องพูดเอาใจนายทักษิณ เพราะความจริงคือความจริงวันยังค่ำ สื่อมวลชนที่ทำข่าวการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ และข้อมูลบันทึกในอดีตยืนยันได้ พรรค ปชป.ควรแสดงบทบาทพรรคฝ่ายค้านให้สมศักดิ์ศรี ค้านอย่างสร้างสรรค์ ไม่ตีสำบัดสำนวนเพื่อความสะใจ

“เสี่ยตุ๊” จ่อยื่นญัตติสอบ ก.ก.ขับ “หมออ๋อง”

นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า ในการประชุมสภาฯสัปดาห์นี้ วิปรัฐบาลจะเสนอญัตติด่วนกรณีความเหมาะสม การดำรงตำแหน่งของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก พรรค ก.ก.และรองประธานสภาฯคนที่ 1 ที่ถูกมติพรรค ก.ก.ขับพ้นสมาชิกพรรค โดยตนและนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพท.พบว่าไม่เป็นไปตามข้อบังคับพรรค ก.ก.ข้อ 64(5) ที่ระบุเหตุการขับสมาชิกให้พ้นพรรคคือ ผิดวินัย ผิดจรรยาบรรณ หรือเหตุอื่นร้ายแรง การยื่นญัตติด่วนไม่มีเจตนาร้ายส่วนตัว ตนเป็นคนเลือกนายปดิพัทธ์ให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯคนที่ 1 ผลการเสนอญัตติด่วนจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับการอภิปรายของที่ประชุม ไม่ใช่การใช้เวทีสภาฯแทรกแซงกิจการพรรค ก.ก. กรณีนี้ไม่ใช่เรื่องภายในพรรค ก.ก.เพราะข้อบังคับพรรคการเมืองเผยแพร่โดยทั่วไป

อ้างเพื่อสง่างามไม่ใช่จ้องยึดเก้าอี้

นายอดิศรกล่าวต่อว่า ไม่ใช่ว่าพรรค พท.ต้องการตำแหน่งรองประธานสภาฯคนที่ 1 แต่เป็นประเด็นความสง่างามการปฏิบัติหน้าที่รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ที่ถูกพรรคต้นสังกัดขับออกจากสมาชิกพรรค การอ้างว่าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญนั้นมองว่าไม่ถูกต้อง เพราะการขับสมาชิกพรรคไม่เป็นไปตามข้อบังคับพรรค การอ้างนายปดิพัทธ์ขัดมติพรรคเพราะต้องการนั่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เชื่อว่าคนแยกแยะได้ว่าคือการละครคือหมอลำ ไม่ใช่เรื่องจริงเหมือนตอนขับ สส.ที่เป็นงูเห่า คนที่ถูกพรรคขับออก ถือว่าถูกประหารทางการเมือง การจะทำหน้าที่ประธานที่ประชุมจึงเป็นสิ่งที่เคารพได้ยาก ทุกคนมองออกไม่มีเจตนาขับออกจริง นายปดิพัทธ์ต้องชี้แจง ขอพรรคก้าวไกลอย่าชี้แจงช่วยเหลือนายปดิพัทธ์ เพราะถือว่าไม่ใช่คนของพรรคก้าวไกลแล้ว

“เด็จพี่” จี้ กกต.ยุบ ก.ก.ปาหี่ขับพ้นพรรค

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อและอดีตโฆษกพรรค พท.กล่าวว่า การที่พรรคก้าวไกลขับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯคนที่ 1 พ้นจากสมาชิก พรรค ก.ก.กับนายปดิพัทธ์น่าจะได้ตกลงกันลักษณะให้นายปดิพัทธ์อยู่ในตำแหน่งรองประธานฯคนที่ 1 ต่อไปและพรรค ก.ก.จะขับนายปดิพัทธ์ออกจากสมาชิกโดยที่ไม่ได้เกิดจากการกระทำผิดขัอบังคับพรรค แต่เกิดจากการสมยอมกัน เพื่อให้พรรค ก.ก.ได้ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านและได้ตำแหน่งรองประธานสภาฯไปพร้อมกัน เพียงแต่ให้นายปดิพัทธ์ไปสังกัดพรรคอื่นเท่านั้น อาจถือได้ว่าพรรค ก.ก.กระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เข้าเงื่อนไขที่ กกต.จะพิจารณาเพื่อขอให้มีการยุบพรรค ก.ก.ได้ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองมาตรา 92(1) ประชาชนยื่นคำร้องต่อ กกต.ได้เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องนี้

รุมกดดันหั่น ปธ.กมธ.โควตาค่ายสีส้ม

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในฐานะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า หลังพรรค ก.ก.ขับนายปดิพัทธ์ออกจากพรรค ทำให้สัดส่วน สส.ที่นำมาคำนวณเป็นประธาน กมธ.สามัญคณะต่างๆของพรรค ก.ก.ต้องลดลงจาก 11 คณะเหลือ 10 คณะ จะเสนอในที่ประชุมวิปรัฐบาลหารือเรื่องนี้ต้องฟังมติวิปรัฐบาลอีกครั้ง เบื้องต้นการหารือที่ประชุมตัวแทนพรรคการเมืองที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯคนที่ 2 เป็นประธานเจรจาจัดสรรโควตาประธาน กมธ.บันทึกไว้ว่า หากการตั้ง กมธ.ยังไม่เกิดขึ้นเป็นทางการ สัดส่วนประธาน กมธ.เปลี่ยนแปลงได้ เพราะยังไม่มีมติจากสภาฯ จึงต้องยึดตามรายละเอียดดังกล่าวก่อนหน้านี้ การจัดสรรโควตาประธาน กมธ. พรรค ก.ก.ขอให้รอผลการเลือกตั้งซ่อม สส.ระยอง เมื่อพรรค ก.ก.ชนะได้ สส. 1 คนจึงได้โควตาประธาน กมธ.เพิ่ม 1 คณะเป็น 11 คณะ แต่ตอนนี้ สส.พรรรค ก.ก.ลดลง 1 คน สัดส่วนประธาน กมธ.ต้องลดลง พรรค รทสช.ต้องได้ประธาน กมธ.เป็น 3 คณะ ไม่มีการแบ่งครึ่งวาระดำรงตำแหน่งประธาน กมธ. ขณะที่นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่ สส.พรรคลดไป 1 คน จะต้องลดประธาน กมธ.ลง 1 คณะ เหมือนตอนเรียกร้องขอเพิ่มพรรค รทสช.และพรรค ก.ก.ต้องหารือกันเอง

ก.ก.ยันไม่คืนโควตา ปธ.กมธ.ศาลฯ

นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีรองโฆษกพรรครทสช.ระบุพรรค ก.ก.ควรคืนตำแหน่งประธาน กมธ. 1 คณะหลังขับนายปดิพัทธ์ออกจากพรรคว่า ก่อนหน้านี้ได้ตอบตกลงการแบ่งคนละครึ่งไว้กับตัวแทนพรรค รทสช.จึงตัดสินใจว่าเราควรรักษาคำพูดและได้แจ้งข้อตกลงเป็นทางการในห้องประชุมว่า คณะกมธ.ศาล องค์กรอิสระฯ พรรค ก.ก. และ รทสช.จะแบ่งกันเป็นประธานพรรคละ 2 ปี ให้พรรค ก.ก.เป็นประธานก่อน เนื่องจาก ณ วันที่สรุปกันโควตาคณะนี้เป็นของพรรค ก.ก. และข้อตกลงเพิ่มเติม คือเพื่อความราบรื่นในการทำงาน หากการเปลี่ยนแปลงจำนวน สส.ไม่ได้เปลี่ยนแปลงระดับที่กระทบจำนวนประธาน กมธ.หลายคณะ ให้ยึดถือไปตามนี้ไม่ต้องมาคำนวณกันใหม่ เนื่องจากจะยุ่งยากหลายประการ เข้าใจดีว่าตัวแทนแต่ละพรรคต้องพยายามรักษาผลประโยชน์ของพรรคตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่เป็น ไปได้ แต่ ณ จุดนี้ยืนยันว่าพรรค ก.ก.ขอยึดตามข้อตกลงที่ทุกฝ่ายรับทราบร่วมกันอย่างเป็นทางการแล้ว และยืนยันว่า สส.พรรค ก.ก.ที่เป็นประธานคณะนี้ พร้อมจะลาออกทันทีเมื่อถึงเวลาที่กำหนดตามที่ตกลงกันไว้ เพื่อหลีกทางให้ตัวแทนพรรค รทสช.เป็นประธานต่อ

วิปรัฐบาลริบ ปธ.กมธ.ก้าวไกล

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่รัฐสภามีการประชุมวิปรัฐบาล ภายหลังการประชุม นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรค รทสช.ในฐานะวิปรัฐบาล กล่าวว่า ที่ประชุมพิจารณาจำนวนประธานคณะกรรมาธิการสัดส่วนพรรค ก.ก. ที่มี สส.ลดลง 1 คน จึงเห็นว่าการคำนวนตามสัดส่วนคณิตศาสตร์ พรรคก.ก. มี สส.ลดลง ทำให้จำนวนประธาน กมธ. จาก 11 คณะ เหลือ 10 คณะ พรรค รทสช.จะได้เพิ่มจาก 2 คณะเป็น 3 คณะ รวมถึงสัดส่วน กมธ. พรรค ก.ก. จาก 159 คน เหลือ 158 คน เนื่องจากพรรค ก.ก.ขับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก ออกจากพรรคและไปเพิ่มให้พรรคประชาชาติจาก 9 คน เป็น 10 คน เมื่อถามว่ามีการพูดคุยกับพรรค ก.ก.บ้างหรือไม่ นายอัครเดชกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องพูดคุยกัน ได้คุยกันไปแล้ว ถ้าพรรค ก.ก.ไม่ยินยอมจะไปโหวตจำนวน กมธ.กันในที่ประชุมสภาฯใหญ่ ไม่อยากให้ถึงขั้นโหวต ให้ตกลงกันได้ด้วยดี ส่วนประธาน กมธ.จะไปโหวตในที่ประชุมกมธ.แต่ละคณะ วันที่ 5 ต.ค.

ไฟเขียวเปลี่ยนชื่อ กมธ. 3 คณะ

นายอัครเดชกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในที่ประชุมวิปรัฐบาลยังพิจารณาการแก้ข้อบังคับสภาฯ เนื่องจากทางพรรค พปชร.ขอเสนอเปลี่ยนชื่อ กมธ. โดยแก้ไข กมธ.ปัญหาหนี้สินแห่งชาติ เป็น กมธ.การลดความเหลื่อมล้ำและสร้างรายได้ และ กมธ.การแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตเกษตรกรรม เป็น กมธ.จัดการน้ำ ในส่วนพรรค ก.ก.เสนอขอเปลี่ยนชื่อจากกมธ.การวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรม เป็น กมธ.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม ให้สอดคล้องกับกระทรวงการอุดมศึกษาฯ โดยจะเสนอให้ที่ประชุมสภาฯพิจารณาสัปดาห์นี้

พท.กลับลำยื่นองค์กรอิสระไล่บี้

จากนั้นเวลา 15.20 น. ที่รัฐสภา นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. ในฐานะประธานวิปรัฐบาล แถลงว่า จากเดิมมติพรรค พท.ที่จะเสนอญัตติด่วนให้พิจารณาถึงความเหมาะสมการดำรงตำแหน่ง รองประธานสภาฯคนที่ 1 ของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก หลังถูกพรรคก.ก.ขับออกจากพรรค ที่ประชุมวิปรัฐบาลเห็นว่าไม่ควรนำเรื่องนี้มาพูดคุยในที่ประชุมสภาฯ อาจโดนครหาเสียงข้างมากลากไปได้ วิปรัฐบาลจึงมีมติว่าฝ่ายรัฐบาลจะใช้ช่องทางยื่นไปยังองค์กรอิสระแทน เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ เบื้องต้นให้พิจารณาว่าการขับนายปดิพัทธ์ ไม่เป็นไปตามข้อบังคับของพรรคก.ก.ข้อ 64(5) ที่กำหนดว่าจะขับออกได้ต่อเมื่อทำผิดวินัยร้ายแรง หรือผิดจรรยาบรรณ หรือมีเหตุการณ์ร้ายแรงอื่น ไม่ได้เข้าเงื่อนไขใด ส่วนจะยื่นคณะกรรมการป้องกันการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)เรื่องจริยธรรมหรือไม่ ขอศึกษาข้อกฎหมายก่อน แต่คิดว่าน่าจะเป็นประเด็นนี้จะให้นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.ศึกษา รวมถึงเรื่องนิติกรรมอำพรางด้วยเช่นกัน ต้องไปศึกษาข้อกฎหมาย เพราะทำจากเรื่องที่ไม่ผิดให้เป็นเรื่องผิด ส่วนการยื่นศาลรัฐธรรมนูญต้องดูข้อกฎหมายก่อน จะดำเนินการให้เร็วที่สุด

ก.ก.ผุด 15 ทีมค้านเชิงรุก-ไม่ใช่ ครม.เงา

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่พรรค ก.ก.นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรค ก.ก.ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการทำงานฝ่ายค้านเชิงรุกว่าจะเป็นการผลักดันการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เราอยากจะเห็นหนึ่งในวิธีการแบ่งคือการแบ่งทีม สส.และทีมงานพรรคออกเป็น 15 ทีม เชิงประเด็น อาทิ การพัฒนาเศรษฐกิจ การศึกษา การพัฒนาการเมือง เป็นต้น อีกกลไกหนึ่งที่ทีมเชิงประเด็นใช้ขับเคลื่อน คือกลไกล policy watch ในการพยายามจับตานโยบายการทำงานของรัฐบาล เพื่อวิเคราะห์ว่ามีนโยบายใดบ้างที่ตอบโจทย์ หรือยังขาดบางส่วนเพื่อทำเป็นข้อเสนอแนะแก่รัฐบาลครอบคลุมวาระทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม เราแบ่งตามประเด็นไม่ใช่กระทรวงเพราะวาระบางครั้งต้องอาศัยการขับเคลื่อนหลายกระทรวงร่วมกัน เมื่อถามว่าทีมทำงานของ ก.ก.ทั้ง 15 ทีมที่กล่าวมามีลักษณะการทำงานคล้าย ครม.เงาหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า อาจจะไม่เรียกว่า ครม.เงา ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแค่เงาตามไล่บี้ว่ารัฐบาลทำอะไรแล้วบ้าง ตอบโจทย์แค่ไหน แต่เราต้องการเป็นเสมือนแสงด้วยเช่นกัน เพื่อพยายามนำทางให้รัฐบาลเห็นในประเด็นที่ยังไม่ขยับหรือยังไม่มีการวางแผน

โวย “อดิศร” จ้องยึดรอง ปธ.สภาฯ

ช่วงบ่าย ที่พรรค ก.ก. น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรค ก.ก. กล่าวถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ร้อง ป.ป.ช.สอบพรรค ก.ก.และนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 ใช้กลฉ้อฉลกอดเก้าอี้รองประธานสภาฯและผู้นำฝ่ายค้าน ผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ว่า ชัดเจนที่สุดตั้งแต่แถลงการณ์ของพรรคแล้วนายศรีสุวรรณไม่ใช่สมาชิกพรรค ก.ก.อาจไม่ได้รู้ข้อบังคับดีพอ ไม่มีการละคร ไม่มีตระบัดสัตย์ ไม่มีการทรยศประชาชนใดๆ นี่คือการกระทำที่โปร่งใสตรงไปตรงมาที่สุดแล้ว เราไม่ห่วง ถ้าได้อ่านแถลงการณ์ของพรรค ไม่มีอะไรซับซ้อน มีการชี้แจงตรงไปตรงมาที่สุดแล้วว่าพรรคต้องการตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน และทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างสมบูรณ์ กรณีประธานวิปรัฐบาลจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมวิปฯและหารือในสภาฯ มองไม่ยาก ทั้งคนร้องและคนวิพากษ์วิจารณ์ มีวัตถุประสงค์ทางการเมือง พยายามแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้บ่อยๆหรือต้องการตำแหน่งรองประธานสภาฯอีกตำแหน่งเลยหรือไม่ ประธานสภาฯจะเอา รองประธานสภาฯก็จะเอา เรามองประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่ต้องคิดว่าเราจะทรยศประชาชน จะผิดสัญญากับประชาชน อันนี้ไม่ต้องห่วงเรา

“อ๋อง” แซะเล่นใหญ่ พท.จ้อร้องศาล รธน.

ช่วงเย็นนายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก ในฐานะรองประธานสภาฯคนที่ 1 ให้สัมภาษณ์ถึงนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรค พท.ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล เปิดเผยผ่านรายการ “อยากมีเรื่องคุย”ทางข่าวสดออนไลน์ตอนหนึ่งถึงกรณีวิปรัฐบาลหยิบยกเรื่องคุณสมบัตินายปดิพัทธ์ที่ถูกพรรค ก.ก.ขับออกมาพูดคุย เชื่อว่าเรื่องนี้ถึงศาล รธน. แน่นอนว่าจะยื่นตีความต่างๆหรือไม่ ไปถามพรรค ก.ก.ดีกว่า ส่วนกรณีถูกยื่นร้อง ป.ป.ช.สอบ ขอดูสำนวนที่เขายื่นก่อน ยังไม่รู้ว่าผิดจริยธรรมข้อไหน แต่ไม่ได้ตื่นตกใจจนเกินไป นายศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นทุกเรื่องอยู่แล้ว แต่การที่มีวิปรัฐบาลอะไรต่างๆมาร่วมด้วยหรือว่าจะไปใช้องค์กรอิสระ ดูจะ เล่นใหญ่ไปนิดนึง

เหน็บเลิกคิดปฏิรูปองค์กรอิสระแล้ว

เมื่อถามว่าดูเหมือนขณะนี้ฝ่ายนิติบัญญัติไปดึงองค์กรอิสระให้มาล้วงลูกฝ่ายนิติบัญญัติเอง นายปดิพัทธ์ตอบว่า พรรค พท.เขาคงไม่ได้มีความคิดไปในทางเดียวกับเราแล้ว เรื่องการปฏิรูปองค์กรเหล่านี้ เมื่อถามย้ำว่า หวั่นหรือไม่ถ้าองค์กรนิติบัญญัติถูกล้วงจนทำให้จากนี้ 3 อำนาจไม่คานกันเหมือนเดิม นายปดิพัทธ์ตอบว่า “ตรงนี้ชัดเจนว่าทำไมต้องมีผม” เพราะว่าถ้าเรามีสภาฯที่ทำตัวแบบนี้ เป็นพวกเดียวกับฝ่ายบริหารแล้วเป็นพวกเดียวกับตุลาการทุกอย่างหมดไม่ได้ เห็นชัดเจนว่าแยกกันที่ฝ่ายรัฐบาลกำลังตรวจสอบพรรค ก.ก.และตนอย่างหนัก รวมถึงโควตาประธาน กมธ.จะดึงคืน 1 คณะ ไม่เป็นไรตราบใดที่เราไม่ได้ผิดอะไร เราไม่ได้คอร์รัปชัน เราไม่ได้แทรกแซงกระบวนการราชการอย่างที่เป็นเรื่องใหญ่ๆในอดีตที่นักการเมืองโดนกันยังเดินต่อได้ ส่วนจะย้ายไปสังกัดพรรคเป็นธรรมหรือพรรคไทยสร้างไทย ยังไม่มีเวลาพูดคุยกับทั้ง 2 พรรค แต่ต้องไปคุยกับ กก.บห.พรรคเขาก่อน ไปดูข้อบังคับพรรคเขา ตอนนี้มีเรื่องราวต่างๆเข้ามาหามากขนาดนี้ ต้องไปถามเขาว่าพรรคเขาไหวไหม จะเริ่มพูดคุยกันสัปดาห์นี้ทั้งแบบทางการและไม่ทางการ ถ้าต้องตัดสินใจอย่างไรจะไม่รอให้ยืดเวลาออกไปมาก เพราะการไม่มีพรรคสังกัดคือเรื่องใหญ่ ถ้าคุยแล้วทุกอย่างลงตัวตัดสินใจเร็วได้

“หมอพรทิพย์” เตือน สว.ระวังด้อม

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สว.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีถูกไล่ออกจากร้านอาหารที่ประเทศไอซ์แลนด์ว่า ส่วนตัวเจอแบบนี้มาเยอะมาก สำหรับความเกลียดที่เราไม่รู้จักกัน รู้สึกเห็นใจเขาจึงไม่พูดอะไร ไม่คิดว่าจะมีอะไร แต่ประเด็นใหญ่เพราะเอาคลิปไปลง แต่เมื่อสื่อเอาไปเปิดเผยก็เป็นเรื่องสังคม ยืนยันเหมือนเดิมใดๆในชีวิตทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะเราเคยทำ ฉะนั้นไม่ตอบโต้ จะมุ่งหน้าทำความดี เราไม่สามารถพูดทำให้คนเกลียดเปลี่ยนใจได้ แค่ไม่รับมันเข้ามาให้ทุกข์ ตอนแรกเขาพูดถึง สส. สว. ตอนหลังเจาะจงที่ตนเลย หากอยู่ต่ออาจมีการทำร้ายร่างกายได้เพราะเขาชี้หน้าแล้วไล่ตนเหมือนหมูหมาต่อหน้าคนรับประทานอาหารในร้าน แต่ไม่ได้ตกใจ อายุ 69 ปีแล้ว ผ่านอะไรแบบนี้มาเยอะ คำสอนของพระที่จำเสมอ คือพัสดุถ้าส่งแล้วไม่มีคนรับจะกลับไปสู่คนส่ง ไม่คิดฟ้อง ไม่ทำอะไร แต่ส่วนที่ สว.อาจต้องระมัดระวัง คือเขาไม่แยกเรื่องพวกนี้แล้ว

ผงะคลิปขู่ฆ่า กมธ.สว.ชงให้ฟ้อง

นายสมชาย แสวงการ สว.ในฐานะประธานกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา เปิดเผยว่า ที่ประชุม กมธ. วันที่ 2 ต.ค.ที่มี พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สว. เข้าร่วมประชุมด้วย ได้นำที่ถูกคุกคามที่ไอซ์แลนด์ โดยนำคลิปที่ถูกเผยแพร่ 3 คลิปมาพิจารณา รวมถึงคลิปที่พบการข่มขู่จะฆ่า พญ.คุณหญิงพรทิพย์ได้เห็นคลิปก็ตกใจ ทั้งนี้ กมธ.มีมติส่งหนังสือถึงปลัดกระทรวงการต่างประเทศ, ทูตไทยในกรุงโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก ที่ดูแลพื้นที่ไอซ์แลนด์ รวมถึงกงสุลกิตติมศักดิ์ ประธานรัฐสภาไอซ์แลนด์ บอร์ดการท่องเที่ยวไอซ์แลนด์ ให้พิจารณา กมธ.ยังเตรียมร่างหนังสือร้องทุกข์ให้ พญ.คุณหญิงพรทิพย์พิจารณา ยื่นดำเนินคดีตามกฎหมายไทย เพราะเห็นว่ากรณีนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแน่นอน เนื่องจากชายคนดังกล่าวกระทำสะท้อนถึงความเชื่อทางการเมือง กมธ.ห่วงกังวลประเด็นที่จะมีนักการเมืองบางพรรคสนับสนุนการกระทำคุกคามผู้เห็นต่าง

ผบ.เกษียณ สว.หดเหลือ 244 คน

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภามีการประชุมวุฒิสภา มีนายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิ สภาคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธาน ก่อนเข้าสู่วาระ นายศุภชัยแจ้งที่ประชุมว่า พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร.พล.อ.อ.อลงกรณ์ วรรณรท ผบ.ทอ.และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สว.โดยตำแหน่งเกษียณอายุราชการในวันที่ 1 ต.ค.ถือว่าพ้นจากตำแหน่ง สว.ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 269(4) ทำให้ปัจจุบันมี สว.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ 244 คน ดังนั้น องค์ประชุมต้องใช้ 122 คนขึ้นไป ตามขั้นตอน สว.โดยตำแหน่งนั้นจะมีขั้นตอนประสานไปยังผู้ที่เข้ารับตำแหน่งแทนผู้เกษียณ ก่อนแต่งตั้งประมาณ 2 สัปดาห์ ขณะที่ก่อนหน้านี้น.ส.เรณู ตังคจิวางกูร ลาออก เมื่อ 12 ก.ค.ยังไม่แต่งตั้งบุคคลใดแทน

ผบ.ทบ.ปิดปากโยกเจ้ากรมน้ำมันหาย

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถนนราชดำเนิน พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ.เป็นประธานในพิธีแสดงความยินดีแก่นายทหารชั้นนายพล ที่ได้รับพระราชทานเลื่อนยศสูงขึ้นประจำปี 2566 จำนวน 211 นาย จากนั้น พล.อ.เจริญชัย เปิดเผยว่า เจ้ากรมจเรทหารบกในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบหาข้อเท็จจริง กรณีน้ำมันเชื้อเพลิงจากคลังกองโรงงานซ่อมสร้างรถยนต์ทหาร ศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธ ทบ.ในพื้นที่จ.สระบุรี สูญหายกว่า 2 แสนลิตร เตรียมสรุปข้อเท็จจริงและรายงานผลให้ได้รับทราบ ภายในวันที่ 6 ต.ค. ทั้งนี้ ผบ.ทบ.ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดหลังสื่อมวลชนสอบถามถึงกรณีที่ ทบ.เตรียมส่งรายชื่อกำลังพลที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบเพิ่มเติม รวมถึงการเตรียมเสนอให้นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ลงนามคำสั่งให้ พล.ท.สุธา อดุลย์ฐานานุศักดิ์ เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก ไปช่วยราชการในสำนักงานเลขา นุการกองทัพบก เพื่อเปิดทางให้คณะกรรมการตรวจสอบ

ป.ป.ช.เผยน้ำมันทหารค้างอยู่ 1 เคส

ด้านนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า เหตุน้ำมัน ทบ.สูญหาย ทบ.ยังไม่ได้ส่งเรื่องมาให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ แต่ก่อนหน้านี้ ทบ.ได้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบกรณีการเบิกจ่ายน้ำมันจากโรง งานผลิตกระสุนปืนเล็ก จ.นครราชสีมา หลังทำเรื่องเบิกจ่าย 3 แสนลิตร แต่กลับใช้จริง 7.5 หมื่นลิตรเท่านั้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบกำลังพลที่เข้าไปเกี่ยวข้อง และตามขั้นตอนจะตรวจสอบตามข้อเท็จจริง หรือใครเป็นผู้รับผิดชอบในช่วงเวลาการเก็บรักษาน้ำมัน หรือช่วงเวลาที่น้ำมันหายไป ส่วนการใช้เวลาตรวจสอบขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่ ทบ.ยื่นเรื่องมา หากครบสามารถพิจารณาวินิจฉัยได้เลย ถ้ามีมูลต้องสั่งให้ไต่สวนต่อไป หากวินิจฉัยแล้วผิดอาจต้องคดีอาญาตามมาตรา 147 ฐานยักยอกทรัพย์สินทางราชการ


อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่