หนังสือพิมพ์ “ไทยรัฐ” ฉบับวันที่ 30 กันยายน พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งว่า “ถล่มเละ ก.ก.ถอยหลังเข้าคลอง ปมขับ “อ๋อง” ยื้อ รอง ปธ.” สะท้อนถึงความรู้สึกของนักการเมือง ทั้ง สส. และ สว. หลังจากที่พรรคก้าวไกลมีมติขับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ออกจากสมาชิกพรรค ฐานไม่ยอมทำตามมติพรรค

มติพรรคประกาศเดินหน้าต่อไป เพื่อเป็นฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์ ทำให้ สส.พรรคไม่สามารถดำรงตำแหน่งรองประธานสภา แต่นายปดิพัทธ์ต้องการทำหน้าที่รองประธานสภาผู้แทนราษฎรต่อไป เพื่อขับเคลื่อนนโยบายยกระดับสภาให้โปร่งใส มีประสิทธิภาพสูง และเป็นของประชาชน พรรคจึงต้องขับออกจากสมาชิก

มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นปาหี่การเมือง เป็นนิติกรรมอำพราง เพื่อให้นายปดิพัทธ์และพรรค ก.ก. รักษาตำแหน่งรองประธานสภาไว้ โดยเปิดทางให้หาพรรคใหม่สังกัด แต่ถ้าพรรคใหม่เป็นฝ่ายค้าน จะเป็นการทำลายเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ต้องการให้รองประธานสภาเป็นฝ่ายค้าน

เห็นได้ชัดว่ารัฐธรรมนูญ 2560 ทำให้บทบัญญัติเรื่องขับ สส.ออกจากพรรค เป็นเรื่องเละตุ้มเป๊ะ เหมือนกับที่ สส.บางกลุ่มของพรรคพลังประชาชน เคยร้องขอให้พรรคขับ เพื่อให้พวกตนไม่ขาดจาก สส. และสามารถหาพรรคใหม่อยู่ได้ ภายใน 30 วัน ทำให้การขับออกจากพรรค กลายเป็นคุณต่อ สส.มากกว่าเป็นโทษ

กลายเป็นการขับ สส.แบบหลอกๆ เป็นปาหี่การเมือง การขับ สส.ที่แท้จริงเป็นการลงโทษ ตามรัฐธรรมนูญ 2540 จะต้องเป็น สส.ที่กระทำผิดร้ายแรง ถ้า สส.ที่ถูกขับเห็นว่ามติพรรคขัดต่อสถานะ หรือการปฏิบัติหน้าที่ของ สส. หรือขัดต่อหลักการพื้นฐานประชาธิปไตย มีสิทธิร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ยกเลิกมติพรรคได้

มี สว.บางคนเห็นว่าการขับ สส. ที่กระทำกันอยู่ในขณะนี้ เป็นนิติกรรมอำพราง อาจจะไม่ขัดรัฐธรรมนูญเสียทีเดียว เพราะมีช่องว่างให้พรรคทำได้และบางพรรคก็ทำมาแล้วจนเละ อาจไม่ผิดรัฐธรรมนูญ แต่อาจขัดต่อหลักคุณธรรมหรือฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงดังที่บางคนถูกห้ามการเมืองตลอดชีพ

...

อาจกล่าวได้ว่าในปัจจุบัน พรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่ได้รับความนิยมสูงสุด หลักฐานที่ชัดเจนที่สุด คือผลการเลือกตั้งเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ที่พรรคก้าวไกลได้ สส.มากที่สุดถึง 151 คน พรรคก้าวไกลจึงมีชื่อเสียงอันดี ที่จะต้องรักษา เป็นพรรคคนรุ่นใหม่ที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ คิดใหม่ทำใหม่จริงหรือ.

คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม