“ก้าวไกลการละคร” เป็นฉายาใหม่ ของพรรคก้าวไกล แต่ขอโทษเถอะ...ฝีมือการเล่นละครของพรรคก้าวไกลไม่เป็นสับปะรดเอาซะเลย
แม้แต่เด็กอมมือก็ดูออกว่ามติขับ “นายปดิพัทธ์ สันติภาดา” พ้นจากสมาชิกพรรคก้าวไกลเป็นละครฉากใหญ่ เพื่อเป้าหมาย 2 ประการ
1, เพื่อเปิดทางให้ “นายปดิพัทธ์” ยังคงสถานะเป็น สส.ต่อไป และยังเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรได้อย่างปลอดภัย
โดยไม่ขัดเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดว่า “รองประธานสภาฯ” กับ “ผู้นำฝ่ายค้าน” ต้องไม่สังกัดพรรคเดียวกัน
2, เพื่อเปิดทางให้ “นายชัยธวัช ตุลาธน” หน.พรรคก้าวไกล ได้ครองตำแหน่ง “ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ”
โดยไม่ขัดเงื่อนไขรัฐธรรมนูญที่กำหนดว่าผู้นำฝ่ายค้านต้องไม่สังกัดพรรคการเมืองที่มีสมาชิกพรรคเป็นประธานสภาฯ หรือรองประธานสภาฯ
สรุปว่าการลงมติขับนายปดิพัทธ์ออกจากสมาชิกพรรคก้าวไกลให้ไปสังกัดพรรคใหม่ภายใน 30 วัน ทำให้พรรคก้าวไกลได้ครบทั้ง 2 อย่างโดยไม่ต้องเลือก เพียงอย่างเดียว
การโชว์ลีลาสับขาหลอกของพรรคก้าวไกล ทำให้ สส.รัฐบาลและ สว.ลากตั้งออกมาเต้นแร้งเต้นกา โจมตีพรรคก้าวไกลว่าเล่นปาหี่การเมือง
ถึงขั้นขู่ฮึ่มๆจะเข้าชื่อยื่นคำร้องศาลรัฐธรรมนูญให้เช็กบิล สส.พรรคก้าวไกล ฐานสมคบคิดลงมติแหกตาประชาชน
ถ้ามองแง่หลักการ “แม่ลูกจันทร์” ไม่เห็นด้วยที่พรรคก้าวไกลเล่นละครตบตาเพื่อหลีกเลี่ยงเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ
แต่ “แม่ลูกจันทร์” เห็นด้วยว่าพรรคก้าวไกลควรได้ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ และรองประธานสภาฯ ทูอินวัน!!
เพราะหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านที่มี สส.มากที่สุดในสภาฯ ควรได้เป็น “ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ” ตามหลักประชาธิปไตย
...
ส่วน นายปดิพัทธ์ ได้รับเลือกตั้งจากประชาชนเป็น สส.ในสภาฯ
และได้รับเลือกจาก สส.ในสภาฯให้เป็นรองประธานสภาฯอย่างถูกต้องทุกขั้นตอน
การแบ่งโควตารองประธานสภาฯให้ฝ่ายค้าน 1 คน จะเป็นการถ่วงดุลที่เหมาะสมในระบอบประชาธิปไตย
“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่า ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลโดนเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียว
เมื่อถึงจุดที่พรรคก้าวไกลถูกไล่ต้อนจนติดมุม การจัดฉากเล่นละครเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก็อาจจำเป็นต้องทำ??
ป.ล. ตอนที่ประชุมใหญ่ พรรคลุงป้อมลงมติขับ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ออกจากพรรค ไม่เห็น มีใครไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ
แต่พอเป็นพรรคก้าวไกลขู่จะร้องศาลรัฐธรรมนูญขึ้นมาเชียว
สรุปว่า กติกาห่วยแตกก็ต้องเจอละครแหกตาอย่างนี้แหละโยม.
“แม่ลูกจันทร์”
คลิกอ่านคอลัมน์ “สำนักข่าวหัวเขียว” เพิ่มเติม