"รังสิมันต์ โรม" ชง 5 ข้อ ขอนายกฯกล้าหาญ ปฏิรูปตำรวจ "วิโรจน์" อัด ตร.เอี่ยวอาชญากรรมร้ายแรง แต่นายกฯ ไม่ให้พูดสังคายนา หยัน "แบล็กลิสต์" เป็นแค่เครื่องมือเจ้าพ่อตัวจริงใช้ ตร.ลูกกะจ๊อก จับคู่แข่ง

วันที่ 28 ก.ย. ที่รัฐสภา การประชุมสภา ที่มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้พิจารณาญัตติด่วนเกี่ยวกับปัญหาของตำรวจ ซึ่งเสนอด้วยวาจา โดยนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย  และนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล

นายรังสิมันต์ กล่าวเรียกร้องให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง ฐานะประธาน ก.ตร. ใช้ความกล้าหาญเพื่อแก้ปัญหา โดยเริ่มจากการปฏิรูปตำรวจ ซึ่งมีข้อเสนอ 5 ข้อ คือ 1.เลือก ผบ.ตร.ตามความสามารถ ด้วยวิธีการเปิดรับสมัคร รองผบ.ตร.ที่ต้องการรับตำแหน่ง ผบ.ตร. พร้อมกับพิจารณาแฟ้มผลงาน ให้มีการแสดงวิสัยทัศน์ รวมถึงการโหวตหยั่งเสียงจากตำรวจทั่วประเทศ เพื่อให้มีข้อยุติเรื่องตั๋วช้างหรือการเลือกที่ไม่ชอบธรรม

2.แก้ไข พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ให้เกิดการกระจายอำนาจให้ประชาชนมีบทบาทตรวจสอบ รวมถึงโต้แย้งนายตำรวจที่มีประวัติไม่ดีซึ่งถูกย้ายเข้าไปในพื้นที่ รวมถึงให้ประชาชนมีส่วนกำหนดแนวทางปราบอาชญากรรมในพื้นที่

3.ปรับฐานเงินเดือนที่เหมาะสมให้กับตำรวจทุกตำแหน่ง เพื่อลดปัญหารับส่วย

4.ให้ตำรวจชั้นประทวนมีโอกาสเติบโต ให้เข้าถึงการศึกษาระดับปริญญาตรี และได้สิทธิถูกพิจารณาทำในตำแหน่งที่ต้องการในหน่วยงานแทนการรับบุคคลภายนอก

และ 5.เลิกสิ่งที่ไม่จำเป็น เช่น ตำรวจติดตามผู้บังคับบัญชา รวมถึงยกเลิกบังคับทรงผมตำรวจ

ขณะ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงความผิดปกติในวงการตำรวจ อาทิ แทนที่จะจับโจร แต่เล่นไล่จับกันเอง คอมมานโดอาวุธครบมือเข้าไปค้นบ้าน รอง ผบ.ตร.เรื่องที่อยู่ทุกคนรู้หมด แต่อดีต ผบ.ตร. และผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ ไม่รู้ แต่เอาอาวุธครบมือไปค้น ขณะที่บ้านผู้มีอิทธิพลใน จ.นครปฐม ตำรวจระดับผู้การชั้นยศสูงๆ ไปกุมเป้าร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ ภาพสะท้อนความผิดปกติ ต้องใช้คำว่าแรงกว่าคำว่าสังคายนาด้วยซ้ำ แต่นายกฯบอกว่า หลีกเลี่ยงคำนี้ก่อน ให้แก้ไปทีละเรื่อง ณ วันนี้ ประชาชนหน่ายใจ อาชญากรรม การพนันออนไลน์ ยาเสพติด ค้ามนุษย์ แรงงานข้ามชาติ แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเงินผู้สูงอายุ ส่วยรถบรรทุก ส่วยสถานบันเทิง และเรื่องน้ำมันเถื่อน ที่ จ.สมุทรปราการ กำลังสืบสาวราวเรื่องกันอยู่ ปรากฏว่าทั้งหมด อาชญากรรมร้ายแรงต่างๆ มีตำรวจบางนายเข้าไปเกี่ยวข้อง

...

นายวิโรจน์ อภิปรายว่า ณ วันนี้ ผู้มีอิทธิพลแปลเปลี่ยนสภาพกลายเป็นสปอนเซอร์ให้ตำรวจระดับบังคับบัญชา พอเป็นสปอนเซอร์ให้ไปซื้อขายตำแหน่ง "เลี้ยงดูปูเสื่อ" ก็ได้ตำรวจคนนั้นมาเป็นลูกน้อง คำว่าปราบปรามคิดว่านายกฯ อย่าใช้คำนี้บ่อยนัก อย่าเรียกว่าต้องมานั่งทำแบล็กลิสต์ มันดูเหมือนขึงขังซึ่งไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่เป็นการเรียกให้เจ้าพ่อ นายพล เจ้าพ่อผู้มีอิทธิพล เข้ามาศิโรราบ และเป็นการเชื่อมให้ผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นเข้ามาที่อำนาจส่วนกลาง ทีนี้ ตำรวจดีๆที่เคยเอาอยู่ จะเอาไม่อยู่ จะมีการใช้ตำรวจที่เป็นลูกกะจ๊อกเหล่านั้นไปจับเจ้าพ่อที่เป็นคู่แข่ง จนแบล็กลิสต์ เต็มไปด้วยเจ้าพ่อที่เป็นคู่แข่งของเจ้าพ่อตัวจริง พอเจ้าพ่อที่เป็นคู่แข่งถูกล้างบาง จังหวัดนั้นจะถูกครอบงำโดยเจ้าพ่อคนนั้น และตำรวจที่เป็นลูกสมุน รายงานที่สภาฯจะส่งให้รัฐบาลอย่างเดียวไม่พอ หวังว่า เพื่อน สส.จะเห็นด้วยกับการที่คณะ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ และการปฏิรูปประเทศ จะเข้ามาจัดการกับปัญหานี้ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก สส.อภิปรายเสร็จสิ้นแล้ว ในเวลา 17.57 น. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม ระบุว่า เมื่อการอภิปรายเป็นไปในทิศทางเดียวกัน จึงอาศัยอำนาจตามข้อบังคับ ที่ 88 ส่งญัตติด่วน 2 ญัตตินี้ ที่เกี่ยวกับปัญหาของตำรวจให้รัฐบาลพิจารณาดำเนินการต่อไป