“จาตุรนต์” อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ย้อนเล่า 17 ปี รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อบ้านเมือง ทำให้ประเทศไทยไม่เป็นประชาธิปไตยและล้าหลังจนทุกวันนี้ ชี้ สิ่งสำคัญคือต้องแก้รัฐธรรมนูญ
วันที่ 19 กันยายน 2566 นายจาตุรนต์ ฉายแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และอดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงการรัฐประหารเมื่อปี 2549 ว่า การรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน 2549 ถูกมองว่าเป็นเรื่องเสียของ เพราะเมื่อใช้แล้วผู้มีอำนาจไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะให้ใครเป็นรัฐบาล ต่อมาจึงเกิดการรัฐประหารอีกครั้งในปี 2557
แต่การรัฐประหารในปี 2549 ไม่ใช่เรื่องเสียของสำหรับผู้มีอำนาจไปเสียทั้งหมด ยังทำให้ผู้มีอำนาจได้ประโยชน์และมีผลเสียหายอย่างมากต่อบ้านเมือง คือการทำให้เกิดรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย อำนาจอธิปไตยไม่เป็นของประชาชน เช่น มีการกำหนดที่มาและอำนาจหน้าที่ขององค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรต่างๆ ที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน ให้มีอำนาจเหนือฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ อีกทั้งการรัฐประหารครั้งนั้นยังเป็นการตอกย้ำบทบาทของตุลาการภิวัฒน์ในการเข้ามาจัดการกับการเมือง ที่รวมถึงการยุบพรรคการเมืองตามอำเภอใจ และการล้มการเลือกตั้งของประชาชน
“การรัฐประหารปี 2549 จึงเป็นก้าวสำคัญของการฟื้นระบอบเผด็จการให้มีอิทธิพลและบทบาทในสังคมไทย และเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างระบบกติกาที่ไม่เป็นประชาธิปไตยจากการรัฐประหารครั้งต่อมาในปี 2557 ทำให้ประเทศไทยไม่เป็นประชาธิปไตยและล้าหลังมาจนทุกวันนี้”
...
นายจาตุรนต์ ระบุต่อไปว่า เมื่อนึกถึงการรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน 2549 เราก็ยังต้องย้ำเตือนกันอยู่เสมอว่า การรัฐประหารครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายใหญ่หลวงต่อบ้านเมืองที่มีผลต่อเนื่องมาจนทุกวันนี้ สร้างภาระให้คนรุ่นปัจจุบันและรุ่นลูกรุ่นหลานจะต้องหาทางแก้ไขกันต่อไป การจะทำให้ประเทศไทยพ้นจากความล้าหลังได้ มีเรื่องต้องทำหลายเรื่อง ที่สำคัญอันดับต้นๆ คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นมรดกของการรัฐประหารให้เป็นประชาธิปไตยให้จงได้.