นั่นแหละ...ที่ควรทำ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรค “ก้าวไกล” ประกาศลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้ สส.ในพรรคขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน

เหตุผลสำคัญก็คือ “ก้าวไกล” เป็นพรรคฝ่ายค้านที่มีเสียงมากที่สุด ก็มีตำแหน่งสำคัญคือ ผู้นำฝ่ายค้านในสภา

แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องมีเสียงมากสุด และต้องเป็น สส. เพื่อทำหน้าที่ในสภาได้ อีกทั้งจะต้องไม่มีตำแหน่งรองประธานสภา

นี่เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้

ปรากฏว่า “พิธา” ในฐานะหัวหน้าพรรคมีปัญหาที่ศาลรัฐธรรมนูญให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะถูกร้องว่าขาดคุณสมบัติในเรื่องการถือครอง “หุ้นสื่อ”

ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในสภาได้ ด้วยเหตุนี้ผู้นำฝ่ายค้านจึงไม่สามารถแต่งตั้งได้ ซึ่งจะต้องได้รับการโปรดเกล้าฯด้วย

“ก้าวไกล” จึงต้องเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่และต้องเป็น สส.เพื่อจะได้ดำรงตำแหน่งนี้ในการทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล

“ปดิพัทธ์ สันติภาดา” รองประธานสภาคนที่ 1 ก็ต้องลาออกจากตำแหน่งด้วย

ปัญหาก่อนหน้านี้ก็คือ “ก้าวไกล” มีความเห็นต่างว่าไม่จำเป็นต้องทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้าน โดยเห็นว่ารองประธานสภาสำคัญกว่า

ปรากฏโพลสำนักหนึ่งได้สำรวจความเห็นของประชาชนพบว่าต้องการให้เป็นผู้นำฝ่ายค้านมากกว่า

เพราะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีเกียรติและสมฐานะ

นั่นคงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ “ก้าวไกล” เลือกที่จะดำเนินการตาม ซึ่งก็เป็นไปตามกติกาที่เคยปฏิบัติกันมา

ตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 นั้นที่ได้มาก็เนื่องมาจากความจำเป็นเพื่อให้เกิดการโหวตนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อไม่ได้ก็สมควรที่จะคืนให้กับฝ่ายรัฐบาล

...

ไม่ใช่ดันทุรังฮุบเอาไว้เอง

ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านนั้นไม่ต่างไปจากนายกรัฐมนตรีเพียงแต่ทำหน้าที่ต่างกันและสามารถทำให้ฝ่ายค้านมีเอกภาพเป็นนํ้าหนึ่งอันเดียวกันได้

ดีกว่าต่างคนต่างทำพรรคใครพรรคมัน ยิ่งรัฐบาลมีเสียงสนับสนุนถึง 314 เสียง ถือว่ามีเสถียรภาพมาก

การตรวจสอบจึงต้องใช้ความสามารถสูงเป็นพิเศษ

หากสามารถรวมทีม อันประกอบไปด้วย “ก้าวไกล”-“ประชาธิปัตย์”-“ไทยสร้างไทย”-“เป็นธรรม” ย่อมทำให้ฝ่ายค้านมีความแข็งแกร่งน่าเกรงขามขึ้นมาทันที

การอภิปรายในวันแถลงนโยบายของรัฐบาลก็พอจะเห็นภาพแล้วว่า ทั้ง “ก้าวไกล”-“ประชาธิปัตย์” แค่ 2 พรรคนี้ก็แสดงพิษสงให้คร้ามครั้นได้อย่างชัดเจน

อย่าลืมว่าประชาธิปัตย์นั้นขึ้นชื่อว่าทำหน้าที่ฝ่ายค้านได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นจุดเด่นหากินมาอย่างยาวนาน

เพียงแต่ว่ายังมีปัญหาขัดแย้งภายในพรรค ซึ่งเมื่อมีความชัดเจนแล้วว่าเป็นฝ่ายค้านแน่นอน คงหันหน้ามาคุยกันได้

ก่อนที่พรรคจะแตกจนพังกันไปทั้งสองฝ่าย

มีทางเลือกเดียวที่ต้องแก้ไขให้เร็วที่สุด!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ "กล้าได้กล้าเสีย" เพิ่มเติม