ประชุม ครม.นัดเปิดสนามเมื่อวานซืน นายกฯเศรษฐา ทวีสิน จัดโปรโมชันลดค่าไฟฟ้า และลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ซื้อใจประชาชนตามสัญญา

1. กระชากค่าไฟฟ้าจากยูนิตละ 4.45 บาท เหลือยูนิตละ 4.10 บาท ทำให้ค่าไฟฟ้าถูกลงยูนิตละ 35 สตางค์
เป็นโปรโมชันระยะสั้น 3 เดือน ตั้งแต่งวดเดือนกันยายนจนถึงสิ้นปี

โดยรัฐบาลขอเลื่อนการชำระหนี้ค่าเอฟที 1.5 แสนล้านบาทที่ติดค้างการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ออกไปก่อนชั่วคราว

2. กัดฟันลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลจากลิตรละ 5 บาท เหลือลิตรละ 2.50 บาท ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลดจากลิตรละ 31.94 บาท เหลือลิตรละ 29.44 บาท

เป็นโปรโมชันระยะสั้น 3 เดือนเช่นเดียวกัน!!

แม้ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ดีเซลลง 50 เปอร์เซ็นต์ รัฐบาลยังต้องใช้เงินกองทุนน้ำมันไปอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลอีกลิตรละ 6.43 บาทอย่างเดิม

ทำให้รัฐบาลต้องแบกหนี้กองทุนน้ำมันเพิ่มขึ้นอีกเดือนละ 10,000 ล้านบาท หรือ 30,000 ล้านบาท ในช่วง 3 เดือนจากนี้ไป

ยังไม่รวมหนี้กองทุนน้ำมันอีก 50,000 ล้านบาท ที่เป็นมรดกตกทอดจากรัฐบาลนายกฯลุงตู่ จอมกู้แห่งลุ่มเจ้าพระยา

ส่วนราคาก๊าซหุงต้มที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยประกาศจะลดราคาให้ถูกลงเพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชน

สุดท้ายที่ประชุม ครม.ยังคงตรึงราคาเท่าเดิมคือ 423 บาทต่อถัง (15 กก.)

เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลต้องแบกส่วนต่างราคาก๊าซหุงต้มอยู่แล้ว 4 บาทต่อกิโล หรือถังละ 60 บาทโดยประมาณ

“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่า การลดราคาน้ำมันดีเซลถูกลงลิตรละ 2.50 บาท และลดค่าไฟฟ้าถูกลงยูนิตละ 35 สตางค์ จะเป็นที่ถูกใจพี่น้องประชาชนอย่างแน่นอน!!

ปัญหาคือ เมื่อพ้นช่วงโปรโมชัน 3 เดือน รัฐบาลจะตรึงราคาน้ำมัน ดีเซลและค่าไฟฟ้าต่อไปหรือไม่? อย่างไร?

...

นี่จะเป็นการบ้านข้อใหญ่ที่นายกฯเศรษฐาต้องหาคำตอบเอง!!

“แม่ลูกจันทร์” เรียกร้อง นายกฯเศรษฐา พิจารณาปรับลดราคาน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ลงบ้าง

เพื่อให้โครงสร้างราคาพลังงานของประเทศเกิดความสมดุล

และเพื่อคืนความเป็นธรรมต่อประชาชนที่ใช้น้ำมันเบนซิน–แก๊ส โซฮอล์

เพราะน้ำมันเบนซิน–แก๊สโซฮอล์ นอกจากถูกเก็บภาษีสรรพสามิตเต็มพิกัด

ยังถูกรีดค่าต๋งไปเข้ากองทุนน้ำมันอีกลิตรละ 2.80 บาท บวกค่าการตลาดอีกลิตรละ 3 บาท

ทำให้ราคาเบนซิน-แก๊สโซฮอล์แพงเว่อร์เกินความจริง

สรุปรัฐบาลเก่าและรัฐบาลใหม่มุ่งช่วยกลุ่มผู้ใช้น้ำมันดีเซล

แต่ไม่เคยเหลียวแลกลุ่มที่ใช้น้ำมันเบนซิน-แก๊สโซฮอล์บ้างเลย

ฝนตกไม่ทั่วฟ้า ดูแลประชาชนไม่ทั่วหน้ากัน

มันน่าน้อยใจมั้ยล่ะโยม??

"แม่ลูกจันทร์"

คลิกอ่านคอลัมน์ "สำนักข่าวหัวเขียว" เพิ่มเติม