“เศรษฐา” ลั่น พท.เทหมดหน้าตักตั้งรัฐบาลชุดนี้ กำชับรัฐมนตรีห้ามพูดว่า “ทำไม่ได้” กับปัญหาประชาชน ยันไม่รื้อรังนกกระจอก แค่ดูแลความเป็นอยู่สื่อ ขอโทษภาพโยนปากกา ไม่ได้ขี้โมโห พร้อมปรับปรุงตัว ย้ำดิจิทัลวอลเล็ตจ่ายงวดเดียว จ่อควง “บิ๊กอ๊อบ” ไปประชุมยูเอ็น เร่งตีปี๊บเรื่องดีๆกองทัพให้โลกรู้ จนท.ปัดกวาดทำเนียบรับ ครม.ชุดใหม่ รองนายกฯจับจองห้องทำงาน นัด ครม.รวมตัวก่อนเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณแล้วค่อยกลับมาชักภาพหมู่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า “สุทิน” เดินสายคารวะ “บิ๊กโอ๋” ขอคำชี้แนะ จัดคิวเข้าพบ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ต่อ โวเห็นสัญญาณทหารเปิดใจกว้าง ปรับลดกำลังพลตามพิมพ์เขียวกองทัพ แต่ยังกั๊กจะล้มไม่ล้มซื้อเรือดำน้ำจีน “องอาจ” แซะ ครม. “ฮั้วทั่วหน้า” สว.จองกฐินขย้ำเงินดิจิทัล ก.ก.บี้จอง กมธ.ตรวจสอบ
รัฐบาลเพื่อไทยลุยเต็มสูบ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง กำชับ 17 รัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยกลางวงอาหารมื้อเที่ยง ห้ามใช้คำว่า “ทำไม่ได้” กับปัญหาของประชาชน เป็นรัฐบาลของประชาชนต้องลดช่องว่างระหว่างฝ่ายบริหารและประชาชนลงให้ได้
...
“เศรษฐา” ไม่รื้อรังนกกระจอก
เมื่อเวลา 08.25 น. วันที่ 4 ก.ย. ที่พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 3 ก.ย.ว่า เข้าไปดูสถานที่ ดูห้องทำงาน ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมถึงห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรีแต่ละคน เมื่อถามถึงกระแสข่าวจะปรับปรุงรังนกกระจอก 1 ที่อยู่ติดกับตึกนารีสโมสรให้เป็นที่ทำงานข้าราชการ นายเศรษฐาตอบว่ายืนยันว่าจะไม่รื้อ แต่ต้องการปรับปรุงให้ดีขึ้น สอบถามสื่อมวลชนแล้วทราบว่ามีอยู่ 2-3 ที่ เพื่อให้ฝ่ายบริหารเข้าถึงสื่อมวลชนได้ดีขึ้น อาจต้องปรับรูปแบบบางอย่าง แต่ยืนยันความเป็นอยู่ต้องดีขึ้น คงไม่ได้ปรับปรุงเยอะ เมื่อวานนี้มีเวลาดูแค่ไม่กี่ชั่วโมง ต้องให้เข้าไปทำงานจริงๆก่อน เพราะลักษณะการทำงานของนายกฯแต่ละคนไม่เหมือนกัน
แค่ดูแลความเป็นอยู่ของสื่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการจัดระเบียบสื่อมวลชนใหม่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า “ผมไม่เคยใช้คำว่าจัดระเบียบ แต่ใช้คำว่าไปดูความเป็นอยู่ของสื่อมวลชน ยืนยันว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างต้องดีขึ้นไม่ใช่ไปจัดระเบียบ ไม่เคยใช้คำแบบนี้เลย ไม่ทราบว่าใครเป็นคนใช้แต่ไม่มีแน่นอน ขอให้พี่น้องสื่อมวลชนสบายใจได้ เพราะดูแล้วทั้ง 3 ที่ ยังไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ผมจะปรับปรุงให้สบายขึ้น รวมทั้งการทำงานร่วมกับฝ่ายบริหาร เพราะการจะเข้าถึงประชาชนได้ ส่วนหนึ่งต้องอาศัยสื่อมวลชน และอยากให้นายกรัฐมนตรี รวมถึงภาคส่วนต่างๆ มีพื้นที่ลงมาพูดคุยกับสื่อมวลชนได้”
ขอโทษโยนปากกาไม่ได้ขี้โมโห
เมื่อถามว่าก่อนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาจะมีการเดินสายพบใครอีกหรือไม่ เพื่อขอคำแนะนำประกอบนโยบาย นายเศรษฐาตอบว่า ขณะนี้เขียนนโยบายเสร็จแล้ว อยู่ในขั้นตอนส่งพิมพ์ หลังจากนี้จะมีการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลอีกครั้ง แต่ระหว่างนี้มีการพูดคุยหารือกับทุกภาคส่วนต่อเนื่อง เมื่อถามถึงโซเชียลมีเดียมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่านายกฯเป็นคนขี้โมโห หลังมีคลิปขว้างปากการะหว่างหารือกับกลุ่มจักรยานยนต์รับจ้างเมื่อวันก่อน นายเศรษฐาตอบว่า ต้องขอโทษสำหรับภาพที่ออกไปอาจบ่งบอกถึงความไม่พอใจ แต่ยืนยันว่าไม่ใช่ไม่พอใจ แต่เนื่องจากมีหลายประเด็นที่เสนอแนะ เกรงว่าจะจดรายละเอียดไม่ทัน เพราะมีคำถามหลายประเด็นที่ต้องตอบคำถาม เพราะเป็นเรื่องการทำงาน เมื่อหมึกปากกาหมดก็ขอใหม่ ตนไม่ได้ขว้างแค่วางลง เข้าใจว่าเป็นบุคคลสาธารณการทำอะไรต่อไปนี้ต้องระมัดระวัง เพราะภาพที่ออกไปไม่ได้เป็นการสะท้อนความรู้สึกของเรา แต่คนที่ดูอยู่อาจเข้าใจผิดได้ ก็กราบขอโทษและจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น ต่อไปนี้คงต้องเตรียมปากกาไว้หลายๆด้าม
ย้ำดิจิทัลวอลเล็ตจ่ายงวดเดียว
เมื่อถามถึงการนัดรับประทานอาหารเที่ยงกับรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย มีประเด็นอะไรหารือเป็นพิเศษหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ไม่มีประเด็นอะไรพิเศษ เพียงแค่นัดกินข้าวกันให้รู้จักและเข้าใจถึงสไตล์การทำงานของแต่ละคน เพราะตนมาจากภาคธุรกิจมาทำงานในภาคการเมือง อาจยังมีความไม่เข้าใจ จึงต้องมีการพูดคุยกันให้ดี เมื่อถามถึงเรื่องงบประมาณปี 2567 ที่พิจารณาไม่ทัน นายเศรษฐาตอบว่า ยังไม่ได้ลงในรายละเอียด เพราะการจัดทำงบประมาณไม่ได้มีปัญหาแค่เรื่องล่าช้าออกไปเท่านั้น เมื่อเราอาสาเข้ามาบริหารจัดการประเทศแล้วเมื่อมีขีดจำกัดก็ต้องทำไปให้ได้ ยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบต่อโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และยืนยันว่าเงิน 10,000 บาทจะจ่ายในงวดเดียว ไม่มีการแบ่งจ่ายเป็นงวดๆ วันนี้จะพูดคุยกับรัฐมนตรีของพรรคในประเด็นนี้ด้วย จะมีการพูดคุยกันถึงเรื่องนโยบาย เพราะหลายท่านเจอกันแค่ผิวเผิน
ควง “บิ๊กอ๊อบ” ไปประชุมยูเอ็น
เมื่อถามถึงการหารือกับ ผบ.เหล่าทัพเป็นอย่างไรบ้าง นายเศรษฐาตอบว่า ก็ดี เป็นการเก็บข้อมูล และรับฟังความคิดเห็นของ ผบ.เหล่าทัพ ขาดว่าที่ ผบ.ทอ.ไปคนหนึ่ง ท่านมีภารกิจไปต่างประเทศ พูดคุยรับฟังความคิดเห็นกันเพื่อลดช่องว่างระหว่างทหารกับประชาชนได้รับการรายงานหลายเรื่องว่ากองทัพทำอะไรไปแล้วบ้าง ส่วนเรื่องนโยบายสมัครใจเกณฑ์ทหารของพรรคเพื่อไทย ขอให้เข้าบริหารราชการก่อน เมื่อรัฐมนตรีได้พบกับผบ.ทุกเหล่าทัพอย่างเป็นทางการ คงมีการพูดคุยกัน ตนก็ใหม่ อยากรับฟังว่าทางเหล่าทัพทำงานอะไรกันบ้าง รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) มีหลายเรื่องที่ไม่ทราบว่าขอบเขตการทำงานเป็นอย่างไร ทั้งนี้ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี หรือ “บิ๊กอ๊อบ” ว่าที่ผบ.ทหารสูงสุด จะเดินทางไปประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ร่วมกับตนด้วย เพราะต้องมีการเจรจาเรื่องความมั่นคงกับทางสหรัฐอเมริกา
ช่วยตีปี๊บเรื่องดีๆกองทัพให้โลกรู้
เมื่อถามว่าที่บอกว่าจะปรับการประชาสัมพันธ์ของกองทัพให้ประชาชนเข้าใจมากขึ้นมีอะไรติดขัด นายเศรษฐาตอบว่า ไม่อยากใช้คำว่าติดขัด เพียงแต่กองทัพทำอะไรดีๆที่เป็นประโยชน์กับประชาชน รวมถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีต ไม่มีการชี้แจงกันอย่างตรงไปตรงมา อยากเข้าไปช่วยดูว่าสามารถช่วยทำอะไรได้บ้าง อยากให้ความเป็นธรรมกับกองทัพ หากปรับการสื่อสารให้ดีขึ้นประชาชนจะได้ทราบเรื่องดีๆที่กองทัพทำ ตนไม่เคยเจอว่าที่ ผบ.ทบ. และว่าที่ ผบ.ทร. แต่ท่านติดตามการทำงานของเรามาตลอดไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ IUU การประมงท่านมีข้อมูลที่จะนำเสนอ หลังจากถวายสัตย์ฯและแถลงนโยบายแล้ว จะพูดคุยกันเป็นกิจจะลักษณะ หลังจากนั้นคงมีขั้นตอนที่ชัดเจนออกมาระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ
หวัง “ซิตี้แบงก์” หนุนนโยบาย รบ.
ต่อมาเวลา 11.30 น. นายเศรษฐาพร้อมนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ให้การต้อนรับ น.ส.นฤมล จิวังกูร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย ที่เข้ามอบกระเช้าแสดงความยินดีในโอกาสได้รับตำแหน่งนายกฯ นายเศรษฐากล่าวต้อนรับว่า จริงๆต้องแสดงความยินดีกับ น.ส.นฤมลมากกว่า เพราะได้เป็นคันทรีเฮดคนแรกของประเทศ และเป็นสุภาพสตรีด้วย เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจของประเทศไทย อยากให้ซิตี้แบงก์ที่มีคนรู้จักอาจจะมากที่สุดเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทย เติบโตคู่สังคมไทยไปอีกยาวนาน โดย น.ส.นฤมลยืนยันว่าซิตี้แบงก์พร้อมสนับสนุนนโยบายต่างประเทศเชิงรุกของรัฐบาลที่มีอยู่ 95 สาขาทั่วโลก
ลั่น พท.เทหมดหน้าตักตั้งรัฐบาล
จากนั้นเวลา 12.00 น. นายเศรษฐาร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับรัฐมนตรีของพรรค เพื่อไทยทั้ง 16 คน อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย มีเมนูเด็ดทั้งต้มข่าไก่ ไข่เจียวปู สลัดแซลมอน และผัดผักรวม รวมทั้งเมนูหวานลอดช่องวัดเจษฯ นายเศรษฐากล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่พบกันอย่างเป็นทางการน่ายินดีว่าวันที่ 5 ก.ย.นี้ มีกำหนดเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนหน้านี้เคยพูดว่าเราเป็นรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย จากนี้ไปจะระวังคำพูดเพราะเราเป็นรัฐบาลของประชาชน ที่มีพรรคร่วม 11 พรรค เพื่อให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาล นายภูมิธรรมพูดหลายหนว่าเราใช้ต้นทุนที่สูงในการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ แต่ตนอยากเปลี่ยนเป็นคำว่าเราเทหมดหน้าตัก เราที่นั่งอยู่ที่นี่ได้รับเกียรติพี่น้องประชาชนเลือกเข้ามาดูแลบ้านเมือง การเทหมดหน้าตักเป็นเรื่องที่เราต้องทุ่มเททำงานเพื่อพี่น้องประชาชน เชื่อว่าทุกคนตระหนักดีทั้งเรื่องการทำงาน ระยะเวลา และขีดจำกัดของงบประมาณ
กำชับ รมต.ห้ามพูดว่า “ทำไม่ได้”
นายเศรษฐากล่าวอีกว่า ไม่อยากให้ขีดข้อจำกัดงบประมาณเป็นขีดจำกัดไม่ให้เราทำงาน หรือบอกเข้ามาบริหารช้าไปนิด การใช้งบประมาณคาดว่าจะได้ใช้ต้นปีหน้า อะไรที่เป็น Quick Win (กลยุทธ์การเอาชนะ) ที่จะทำได้ก่อนก็ทำ เพื่อให้ประชาชนเห็นว่าเราทุ่มเททำงานเต็มที่ อยากให้เขียนออกมาให้ได้ก่อน และเวลาที่ไปพูดคุยกับประชาชนอย่าไปบอกว่าทำไม่ได้ เราถูกเลือกเข้ามาเพื่อให้ทำให้ได้ ดังนั้น รัฐบาลของประชาชนเราต้องลดช่องว่างระหว่างฝ่ายบริหารและประชาชนให้ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ อยากให้ประชาชนเข้าถึงผู้บริหารได้ อยากให้เป็นมิติใหม่ของการทำงานให้รัฐบาลนี้ ถ้าได้มีโอกาสคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลจะเน้นย้ำเรื่องนี้อีกครั้ง
ปัดกวาดทำเนียบรับ ครม.ใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนายเศรษฐาเข้ามาดูห้องทำงานและห้องประชุม ครม. ที่ทำเนียบรัฐบาล ล่าสุดเจ้าหน้าที่เริ่มเข้าจัดเตรียมห้องทำงานนายกฯ รองนายกฯ รมต.ประจำสำนักนายกฯ และเลขาธิการนายกฯ โดยที่ตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งเป็นห้องทำงานของนายกฯ และเลขาธิการนายกฯ เจ้าหน้าที่เข้าทำความสะอาดและขนย้ายสิ่งของที่ไม่จำเป็นออก แต่ยังไม่มีการนำเฟอร์นิเจอร์ใดๆเข้ามา ส่วนตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของรองนายกฯ และ รมต.ประจำสำนักนายกฯ เริ่มทยอยส่งทีมงานเตรียมห้องแล้ว เบื้องต้น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ จะใช้ห้องทำงานที่ชั้น 4 ที่เป็นห้องเดิมของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกฯ ขณะที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะใช้ห้องทำงานชั้น 1 ห้องทำงานเดิมของนายดอน ปรมัตถ์วินัย อดีตรองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ
รองนายกฯจับจองห้องทำงาน
ส่วนนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและ รมว.พลังงาน จะใช้ห้องทำงานชั้น 2 ห้องเดิมนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ อดีตรองนายกฯและ รมว.พลังงาน นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศ ใช้ห้องทำงานชั้น 2 ส่วนนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ ใช้ห้องเดิมของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตรองนายกฯและอดีต รมว.พาณิชย์ ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย จะใช้ห้องเดิมที่ชั้น 3 ขณะที่นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกฯ จะใช้ห้องเดิมนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ ที่ชั้น 2
ชักภาพหมู่หลังเข้าถวายสัตย์
ช่วงเช้าวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่คนสวนประจำทำเนียบรัฐบาลได้ทำความสะอาดและปรับปรุงตัดแต่งต้นไม้ทั้งหน้าตึกบัญชาการ 1 บริเวณศาลพระภูมิ และศาลตายาย ขณะที่การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ ในวันที่ 6 ก.ย.เวลา 09.00 น. จะใช้ห้องประชุม 501 ชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 และจะใช้เป็นห้องประชุม ครม.หลังจากนี้ได้มีการติดตั้งอุปกรณ์เครื่องเสียงและคอมพิวเตอร์แล้ว สำหรับวันที่ 5 ก.ย. ทำเนียบรัฐบาลได้นัด ครม. ถ่ายภาพติดบัตรประจำตัว จากนั้นเวลา 11.30 น. ครม.จะเดินทางด้วยรถตู้ออกจากทำเนียบรัฐบาล เพื่อเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เวลา 14.00 น. โดยจะมีการถ่ายภาพหมู่ ครม.ที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้าด้วย
“สุทิน” คารวะ “บิ๊กโอ๋” ขอคำชี้แนะ
ที่บ้านพักซอยพหลโยธิน 62/1 เมื่อเวลา 09.30 น. นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เข้าพบ “บิ๊กโอ๋” พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีต รมว.กลาโหม เพื่อขอคำแนะนำในการทำงาน นายสุทินได้มอบพวงมาลัยแสดงความเคารพอย่างนอบน้อม ระหว่างการหารือ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่พลเรือนแท้ๆมาคุมกระทรวงกลาโหม ถือเป็นโอกาสดีที่มาขอคำแนะนำ บางคนอยากทำก็ทำเลย ทำไปแล้วผิดก็ไปเลย ไม่บอก มันก็ไปเรื่อย เมื่อพลเรือนมาคุมทหารมีจิตใจที่ดี ทหารเองก็มีจิตใจที่ดีอยู่แล้ว ถือว่าจบ ถือว่าพบกันคนละครึ่งทาง นายสุทินตอบกลับว่า มาทำงานตรงนี้เลือกไม่ได้ วันนี้อยากมาขอคำแนะนำ แม้จะศึกษามาเยอะแต่ไม่สู้คนที่ทำมาก่อน โดยเฉพาะความเป็นรัฐมนตรี นักวิชาการก็ต้องฟัง นายสุรชาติ บำรุงสุข ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์ความมั่นคง คณะรัฐศาสตร์จุฬาฯ อย่างไรก็ตามทั้งคู่ใช้เวลาพูดคุยกันประมาณ 45 นาที
โวเห็นสัญญาณทหารเปิดใจกว้าง
นายสุทินให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่กำหนดว่าจะเข้ากระทรวงกลาโหมวันไหน คงเป็นหลังวันที่ 11 ก.ย. การเข้าพบ พล.อ.อ.สุกำพลวันนี้ได้ความมั่นใจ ความรู้ ได้กำลังใจ เชื่อมั่นว่าตนจะทำได้ พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์ความเป็น รมว.กลาโหม การวางตัวกับกองทัพ บรรยากาศการเดินสายในช่วงที่ผ่านมาถือว่าดี ได้คุยกับทหารทุกเหล่าทัพ คุยกันทุกวัน นัดทานข้าวหรือนอกรอบบ้าง มีกำลังใจทำงาน เราได้เห็นสัญญาณกองทัพเปิดใจกว้างรับพลเรือน ก็จับได้ว่าถ้าเราเข้าใจเขาแล้วเราก็ชัดเจนถึงแนวปฏิบัติ และเขาเชื่อมั่นว่าเราทำเพื่อชาติจริงๆ เชื่อว่าทหารไม่มีปัญหา ไม่ได้ลำบากใจอะไรแต่ไม่ถึงกับประมาท หมายถึงจะไปชิวๆไม่ได้ ถือคติน้ำไม่เต็มตุ่ม
จัดคิวเข้าพบ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ต่อ
เมื่อถามว่าที่ไม่ประมาทคือมีบทเรียนมา 2 ครั้งในช่วงพรรคไทยรักไทย และพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายสุทินตอบว่า คือไม่คิดว่าตัวเองชำนาญแล้ว รู้ดีแล้ว อันนี้ต้องระวัง เรายังเป็นน้ำไม่เต็มตุ่มมีอะไรที่ต้องเรียนรู้เยอะ หากมีโอกาสจะไปพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯและ รมว.กลาโหม รวมถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ด้วย ไม่ถือว่าเป็นฝ่ายไหน เมื่อถามถึงการตั้ง พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นผู้ช่วย รมว.กลาโหม นายสุทินตอบว่า ท่านประสงค์ที่จะนั่งตำแหน่งนี้คิดว่าน่าจะลงตัว ส่วนเลขานุการ รมว.กลาโหมก็เป็นทหารเช่นกัน กำลังคัดเลือก หลายคนมีคุณสมบัติ คงจบภายใน 2 วันนี้ เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้มีชื่อของ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ อดีตเลขาธิการ สมช.จะมาช่วยงาน นายสุทินตอบว่า ท่านมีความปรารถนาดีอยากมาช่วยงาน เพียงแต่ต้องดูว่าให้อยู่ตรงไหนอย่างไรถึงเหมาะสม
ปรับลดกำลังพลตามพิมพ์เขียว
นายสุทินกล่าวถึงนโยบายยกเลิกการเกณฑ์ทหารว่า มีการพูดคุยกับว่าที่ ผบ.เหล่าทัพเช่นกัน แต่ยังไม่ลงลึกในรายละเอียด กองทัพดำเนินการเป็นขั้นตอนมานานแล้ว เพียงแต่หากอยากให้รวดเร็วทันกับที่สังคมต้องการ รัฐบาลต้องเข้าไปกำกับสนับสนุน ปลัดกระทรวงกลาโหมแจ้งว่าศึกษาเรื่องนี้ไว้แล้ว รับสมัครได้เลย เมื่อถึงเดือน เม.ย.2567 หากมีคนสมัครเต็มก็ไม่ต้องไปเกณฑ์ทหาร ส่วนที่บอกว่าจะปรับลดกำลังพล หมายถึงการปรับโครงสร้างกองทัพ ที่เราชอบพูดกันว่านายพลเยอะไป กองทัพมีแผนอยู่แล้วทำมาเป็นขั้นตอน และมีเป้าหมายว่าปี 2570 ขนาดกองทัพจะเปลี่ยน จำนวนนายพลก็จะเปลี่ยนด้วย ในฐานะ รมว.กลาโหมต้องไปช่วยกองทัพให้ไปสู่เป้าหมายนั้น เราต้องยอมรับว่าต้องมีทหาร และทหารเขาประเมินแล้วว่ากองทัพต้องมีกำลังพลเท่าใด จะไปปรับลดกำลังพลโดยไม่คำนึงถึงความเข้มแข็งของกองทัพไม่ได้ เท่าที่ฟังก็ยินดีจะปรับลด เพราะยอดปัจจุบันเยอะไป
ชูสวัสดิการ-ลบภาพเชิงลบจูงใจ
นายสุทินกล่าวว่า คุยกันว่าการจะให้คนมาสมัครเยอะๆต้องสร้างแรงจูงใจ ในความคิดของตนต้องปรับ 2 ประการ คือ 1.ปรับสวัสดิการเพื่อเป็นแรงจูงใจ 2.ปรับทัศนคติที่สังคมมีในเชิงลบกับทหารเกณฑ์ ยังติดภาพเดิมว่าระบบการฝึกทารุณโหดร้าย เด็กเจ็บ เด็กตาย เราต้องปรับความเชื่อ ความจริงแล้วมันมีไม่กี่กรณีแต่เป็นข่าวไปทั่ว และยังมีความเชื่อว่าทหารเกณฑ์ได้เงินเดือนจริง แต่รับจริงได้ไม่ถึง เราต้องพูดให้ชัดเจนว่าคนที่มาเป็นทหารเกณฑ์จะได้รับเงินเดือนจริง ส่วนไหนที่ต้องหักต้องอธิบายได้ เท่าที่คุย ผบ.เหล่าทัพพูดถึงขนาดว่าต่อไปจ่ายเงินเดือนตรงเข้าบัญชี ทำให้เกิดความโปร่งใส หากปรับ 2 อย่างนี้ ดีไม่ดีคนจะสมัครเยอะจนเกินความต้องการ
ยังกั๊กล้มไม่ล้มซื้อเรือดำน้ำจีน
นายสุทินยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำจีนว่า หลังเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการแล้วจะให้ความชัดเจนเรื่องปัญหาเครื่องยนต์ว่าจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน หลังกองทัพเรือเสนอให้ใช้เครื่องยนต์จากจีน มีทางออกที่ดีอยู่ในใจแล้ว ส่วนจะเดินหน้าต่อหรือไม่ขอพูดหลังรัฐบาลแถลงนโยบาย คำว่าดีคือ 1.กองทัพต้องพอใจ 2.ประชาชนและสังคมรับได้ มีเหตุผลอธิบายได้ และต้องพูดคุยรายละเอียดกับกองทัพ เพราะเป็นหน่วยงานที่ต้องใช้งาน เมื่อถามว่ายังคงเป็นเรือดำน้ำจากจีนหรือไม่ นายสุทินตอบว่า ยังไม่ตัดสินใจว่าเป็นทางใด เมื่อถามต่อว่าจะมีข้อเสนอที่ดีกว่าให้กองทัพพิจารณาหรือไม่ นายสุทินตอบว่า ใช่ มีข้อเสนอที่ดีกว่า อาจลองคุยอีกทีก็ได้ เมื่อถามว่าจะเป็นเรือดำน้ำของเกาหลีใต้หรือไม่ นายสุทินตอบว่า ไม่หรอก คงไม่เป็นชาติอื่น เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่ายังคงเป็นของจีน นายสุทินตอบบ่ายเบี่ยงว่า อาจไม่ใช่จีน คนไทยอยากได้อะไร เมื่อถามถึงโอกาสจะเปลี่ยนมาเป็นเรือดำน้ำเยอรมัน นายสุทินตอบว่า ต้องนำมาประกอบการพิจารณา ตนก็ศึกษามาแล้วแต่ยังไม่พอ เมื่อถามว่าคณะเจรจาของกองทัพเรือเคยหยั่งเชิงแล้ว ถ้ายกเลิกโครงการดูเหมือนจะไม่คืนเงิน นายสุทินตอบว่า การเจรจาถ้าระดับหนึ่งก็อาจมีปัญหา แต่ถ้าคนอีกระดับหนึ่งไปเจรจาก็อาจจบ อาจเป็นระดับรัฐบาลก็ได้ เรากำลังคิดอยู่ มองเห็นทางที่ดีอยู่
“ผู้กอง” ยกโขยงแก้มังคุดราคาตก
ที่อาคารอเนกประสงค์เทศบาลตำบลพรหมโลก อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำคณะลงพื้นที่รับฟังปัญหาราคามังคุดตกต่ำเหลือเพียงราคากก.ละ 5 บาท จากเกษตรกรชาวสวนมังคุด มีนายอภินันท์ เผือกผ่อง ผวจ.นครศรีธรรมราช รอง อธิบดีกรมการค้าภายใน เจ้าหน้าที่พาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราช กลุ่มเกษตรกรชาวสวนมังคุดในพื้นที่ให้การต้อนรับ สำหรับพื้นที่ที่ประสบปัญหาราคามังคุดตกต่ำ ได้แก่ อ.เมืองนครศรีธรรมราช อ.พรหมคีรี อ.ชะอวด อ.ร่อนพิบูลย์ อ.พระพรหม และ อ.ลานสกา โดยกลุ่มเกษตรกรเสนอมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหา ดังนี้ 1.ส่งเสริมการขายตรง และขายผ่านระบบออนไลน์ ช่วยชาวสวนรายย่อย 2.เร่งเปิดจุดปลายทางเพิ่มขึ้น ทั้งห้างท้องถิ่นและโมบายพาณิชย์ ช่วยระบายผลผลิต 3.ให้มีการจัดการผลผลิตต่อเนื่อง แปรรูปมังคุดเพิ่มมูลค่า เช่น มังคุดกวน น้ำมังคุด ทำเครื่องสำอาง เป็นต้น 4.ส่งเสริมให้ชาวสวนทำมังคุดคุณภาพ ให้ตรงกับความต้องการของตลาด 5.ส่งเสริมการรวมกลุ่มแปลงใหญ่มังคุด ให้มีการประมูลผลผลิตของสมาชิก เพิ่มอำนาจต่อรองทางการตลาด
กันโควตา รมต. ไว้ให้ “ไผ่ ลิกค์”
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีไม่มีชื่อนายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร กรรมการบริหารพรรคพปชร.อยู่ใน ครม.เศรษฐา 1 หลังมีชื่อติดโผนั่ง รมช. พาณิชย์ว่า นายไผ่ยังไม่หลุด เพียงรอข้อกฎหมายให้ชัดเจน ยืนยันไม่มีการวางบุคคลอื่นมาแทน ตำแหน่งนี้เว้นว่างไว้ให้นายไผ่อยู่ ส่วนปัญหาการแบ่งโควตาประธานกรรมาธิการไม่ลงตัว ในตำแหน่งประธาน กมธ.เกษตรและสหกรณ์ ระหว่างพรรคพปชร. และพรรคก้าวไกล เชื่อว่าเดี๋ยวคุยกันได้ มอบหมายให้นายอนันต์ ผลอำนวย สส.กำแพงเพชร และนายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา ดำเนินการ อยู่ ไม่ได้ใส่ใจว่าต้องได้ กมธ.ที่ตนเป็นรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง ในฐานะฝ่ายบริหารต้องทำให้ดีที่สุด ฝ่ายตรวจสอบจะเป็นพรรคไหนไม่เป็นปัญหา
“พีระพันธุ์” จุดพลุนำเข้าน้ำมันถูก
ด้านนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายก รัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงแนวทางการลดราคา พลังงานตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯประกาศนโยบายออกมาชัดเจนว่า เป็นนิมิตหมายที่ดีทำให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน ไม่ใช่เฉพาะพลังงาน ยังรวมไปถึงค่าครองชีพอื่นด้วย นอกจากนี้ยังมีนโยบายหลักควรให้โอกาสหาน้ำมันสำเร็จรูปที่ไม่มีค่าการกลั่น ราคาทุกอย่างคำนวณจบแล้ว ถ้าใครสามารถนำพลังงานราคาถูกเข้ามาได้ ควรเปิดโอกาสให้ทำได้ ภาครัฐควรเป็นผู้กำกับดูแล จัดหาพลังงานเป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็ว ไม่ใช่วางกฎกติกาจนทำไม่ได้
“บุญสร้าง” เชื่อมือ “สุทิน” มีดีเยอะ
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ สว. อดีต ผบ. ทหารสูงสุด กล่าวถึงคุณสมบัติของนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม พลเรือนว่า คิดว่าทุกคนมีจุดอ่อนจุดแข็ง หากแก้ไขปัญหาได้มีสติปัญญา รู้จักรับฟังคนอื่น ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่อง หากดูท่าทีนายสุทินที่เดินสายรับฟังความเห็นจากอดีตนายทหาร อดีต รมว.กลาโหมแล้ว ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี ควรหาข้อมูลมากที่สุด ดูว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง เรื่องภูมิหลังไม่มีดีกว่ามีภูมิหลังแย่ๆ ไม่ได้รู้จักนายสุทินส่วนตัวแต่เห็นว่าเป็นคนที่มีอะไรดีในตัวเยอะ มีปฏิภาณ คุยสนุก เข้าสังคมดี สิ่งสำคัญเป็นคนติดดิน คิดว่าเป็นสิ่งดีไม่ใช่จุดอ่อน เชื่อว่า ผบ.เหล่าทัพยอมรับได้อยู่แล้ว ทหารต้องหูตากว้างขวาง ใจกว้าง คบคนได้ทุกอย่าง นายสุทินน่าจะเป็นกรณีพิเศษเป็นพลเรือนคนแรกที่ไม่ได้ควบตำแหน่งนายกฯ ไม่น่าห่วงเชื่อว่าฝากความหวังไว้ได้
ปชป.พร้อมซักฟอกนโยบาย
ที่กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมอภิปรายของพรรค ปชป. ในการแถลงนโยบายของรัฐบาลว่า พรรค ปชป.พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบนโยบาย โดยในวันที่ 5 ก.ย.นัดหารือกันว่าจะจัดสรรเวลาอภิปรายเท่าไหร่ จะได้สะท้อนความรู้สึกของประชาชนให้รัฐบาลรับทราบ การแถลงนโยบายถือเป็นข้อผูกมัดสำคัญของรัฐบาลที่จะบอกว่า รัฐบาลสัญญาว่าจะทำอะไรให้กับประเทศและประชาชนต่อไป และจะต้องรักษาคำมั่นสัญญานั้นไว้
“องอาจ” แซะ ครม. “ฮั้วทั่วหน้า”
ขณะที่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงภาพรวม “ครม.เศรษฐา 1” ว่า เมื่อดูองค์ประกอบของ ครม.ชุดนี้แล้ว ถือว่าเป็นรัฐบาลที่ฮั้วอำนาจ ฮั้วผลประโยชน์กันอย่างลงตัว ตอบสนองความต้องการของเจ้าของพรรค กลุ่มทุนที่สนับสนุนพรรค และกลุ่มอิทธิพลภายในพรรคได้ทั่วหน้า ถ้าประนอมอำนาจ และผลประโยชน์ในพรรคร่วมรัฐบาลกันได้ ไม่มีเรื่องกระทบ กระเทือนกันอย่างรุนแรง ถ้ายึดประโยชน์ประเทศชาติและประชาชนมากกว่าของตน พรรคพวก ญาติพี่น้อง เร่งแก้ปัญหาประชาชนทั้งปัญหาเฉพาะหน้าและระยะยาวได้ทันท่วงที บริหารโปร่งใสตรวจสอบได้อย่างแท้จริง ยึดความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นที่ตั้งจริงจัง เชื่อว่ารัฐบาลจะเดินหน้าทำงานได้ยาวตลอด รอดฝั่ง และเกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชนแน่นอน
สว.จองกฐินขย้ำเงินดิจิทัล 1 หมื่น
นายวันชัย สอนศิริ สว. กล่าวถึงการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาวันที่ 11 ก.ย.ว่า คาดว่าวันที่ 6 ก.ย.จะมีการประชุมวิปวุฒิสภา เท่าที่แลกเปลี่ยนพูดคุยกันในแต่ละคณะกรรมาธิการ ทราบว่าเรื่องที่ สว.ให้ความสนใจอภิปรายกันมากคือ เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท รวมถึงนโยบายปรองดอง การทหาร ยิ่งเป็นการทำหน้าที่วาระสุดท้ายในสภาฯ ทำให้ สว.กระตือรือร้นจะอภิปรายกันมาก โดยเฉพาะสว.ต่างจังหวัดที่ได้รับการร้องเรียนปัญหาเศรษฐกิจ พืชผลการเกษตร อยากรู้ช่วง 3-6 เดือนแรกของการบริหารงานโดยรัฐบาลใหม่ จะสร้างความเปลี่ยนแปลงแก่ประชาชนตามที่หาเสียงได้หรือไม่ ประเด็นเหล่านี้ สว.จะไม่ปล่อยให้รัฐบาลแถลงนโยบาย แล้วกลับไปเฉยๆ ต้องหาคำยืนยันให้ชัดเจนว่านโยบายที่พูดแต่ละเรื่องทำได้จริงหรือไม่ อาทิ ลดค่าไฟ ค่าครองชีพ และนโยบายพักหนี้ต่างๆ รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ต้องถูก สว.จี้ขอคำมั่นให้ ชัดเจนในแต่ละนโยบาย คาดว่าจะใช้เวลา 2 วัน ในการอภิปรายแถลงนโยบาย นานกว่าสมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เตือนสติทุจริตเท่ากับฆ่าตัวตาย
นายวันชัยกล่าวอีกว่า ส่วนนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญ สว.จะขอคำมั่นว่าจะแก้หมวดสถาบันหรือไม่ รวมถึงประเด็นที่จะแก้ไขมีอะไรบ้าง การมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มายกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ มีที่มาอย่างไร เกรงว่าหากให้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดจะเกิดการครอบงำจากพรรคการเมือง ทำให้ไม่เป็นรัฐธรรมนูญจากความต้องการของประชาชนจริงๆ อาจเป็นความต้องการของพรรค การเมือง ส่วนเรื่องหน้าตา ครม. คิดว่าผลงานเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะลบข้อครหาของคนเป็นรัฐมนตรีได้ ถ้าทำงาน 3-6 เดือน หรือ 1 ปี มีผลงานดีจะลบข้อตำหนิได้หมด แต่หากไม่มีผลงานยิ่งกว่าถูกตำหนิ รัฐบาลจะอยู่ได้ยาวหรือไม่มาจากเหตุ 3 ประการ คือ 1.มีผลงานหรือไม่ 2.พรรคร่วมรัฐบาลขัดแย้งหรือไม่ 3.ผลงานที่ปรากฏระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว จะเป็นตัวกำกับสำคัญ โดยเฉพาะไม่โกง หรือทุจริตคอร์รัปชัน หากเอื้อประโยชน์ให้พรรคพวกบริวารตัวเอง เท่ากับรัฐบาลฆ่าตัวตายเอง
ก.ก.บี้จอง ปธ.กมธ.ตรวจสอบ
ที่รัฐสภา นาย พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมตัวแทนพรรคการเมือง เพื่อพิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญ สภาผู้แทนราษฎร มีตัวแทนพรรค การเมืองเข้าร่วมประชุมพร้อมเพรียง ต่อมาเวลา 15.40 น. นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคก้าวไกลให้สัมภาษณ์หลังประชุมว่า พรรคใดจะได้ประธาน กมธ.ชุดใด ยังต้องใช้เวลาเจรจา เป็นเรื่องปกติที่พรรครัฐบาลอยากได้กมธ.ที่ตรงกับกระทรวงของตนเอง แต่พรรค ก.ก.พยายามบอกว่า ต้องมี กมธ.สำคัญที่เป็นบทบาทฝ่ายค้านเข้าไปตรวจสอบฝ่ายบริหาร เลยต้องใช้เวลาพูดคุยกัน เช่น กมธ.งบประมาณ และ กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบหรือ กมธ.ป.ป.ช. ควรอยู่ฝ่ายค้านเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบ ตอนนี้ยังไม่มีข้อยุติ คิดว่าน่าจะตกลงกันได้ แต่เนื่องจากพรรคการเมืองส่วนใหญ่ตอนนี้เป็นรัฐบาล ภาระจึงตกมาที่พรรค ก.ก.ที่ต้องไปเจรจากับทุกฝ่าย
สว.ตีตกชื่อ “สมบัติ” ชวด ป.ป.ช.
วันเดียวกัน มีการประชุมวุฒิสภา มี พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่คณะกรรมการสรรหาฯเสนอชื่อนายสมบัติ ธรธรรม ให้ดำรงตำแหน่ง ป.ป.ช. โดยการพิจารณาใช้วิธีลงมติแบบลับ ปรากฏว่า ที่ประชุมให้ความเห็นชอบ 110 เสียง ไม่ให้ความเห็นชอบ 84 เสียง ไม่ออกเสียง 26 เสียง ดังนั้น นายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม แจ้งต่อที่ประชุมว่า นายสมบัติได้คะแนนน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสว.ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา คือ 125 เสียง ถือว่าไม่ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา