ด้วยข้อจำกัดทางการเมืองทำให้นายกรัฐมนตรี

“เศรษฐา ทวีสิน” ไม่สามารถที่จะจัดสรรรัฐมนตรีได้อย่างที่ต้องการได้ทั้งหมด

หรือจะพูดว่าไม่มีโอกาสเลือกเลยสักคนก็ว่าได้

แม้แต่ใน “เพื่อไทย” พรรคในสังกัดก็มีการชงชื่อส่งให้ครบทุกตำแหน่ง หากไม่ติดขัดเรื่องคุณสมบัติก็ผ่านไปได้ทุกคน

นับประสาอะไรกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆก็ทำนองเดียวกัน ยิ่งนายกรัฐมนตรีที่ดูแล้วมีบุคลิกค่อนข้างจะประนีประนอม

อย่างที่ชอบเปรยอยู่บ่อยๆว่า “ต้องให้เกียรติ” กัน

ก็เป็นเรื่องของแต่ละคนที่มีลักษณะนิสัยและวิธีทำงานที่ต่างกัน เมื่อสภาพเป็นไปอย่างนี้ก็ต้องยอมรับโดยดุษณี หากรัฐมนตรีบางส่วนจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา

ถ้ารับได้อย่างนี้ก็ไม่ต้องวิตกกังวลอะไรมากนัก

อยู่ที่การบริหารจัด “คน” เหล่านี้ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาให้ทำงานตามที่ปรารถนาได้มากน้อยแค่ไหน

จะใช้ศิลปะความเป็นผู้นำให้เกิดประโยชน์ต่อภารกิจเพื่อชาติบ้านเมืองได้อย่างที่ต้องการหรือไม่

นี่คือความคาดหวังของคนไทย 60 กว่าล้านคน

6 ก.ย.66 คือวันแรกที่มีนัดหมายประชุม ครม.นัดพิเศษเพื่อซักซ้อมความเข้าใจก่อนจะแถลงนโยบายรัฐบาลต่อสภาฯ

แน่นอนว่าเป็นการเริ่มต้นของรัฐบาลก็ว่าได้ ดังนั้น ในฐานะผู้นำรัฐบาลที่จะฉายแสงแห่งพลานุภาพให้ปรากฏ

ก็วันนี้แหละ...

อย่างหนึ่งคือการทำความเข้าใจถึงแนวทางการทำงานร่วมกัน ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดจะต้องเปิดเผยให้รับรู้กันตั้งแต่วันแรกไล่เป็นข้อๆไป

ต้องการอย่างไร และไม่ต้องการอย่างไร เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

มีข่าวว่านายกรัฐมนตรีจะเน้นย้ำเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันจะต้องไม่เกิดในรัฐบาลชุดนี้ถือเป็นนโยบายหลักอย่างหนึ่ง

...

หากมีเรื่องนี้เกิดขึ้นไม่ว่ารัฐมนตรีคนไหน สังกัดพรรคการเมืองไหน จะต้องพ้นจากตำแหน่งอย่างไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น

ถือเป็นการเตือนกันล่วงหน้าก่อนทำงาน

พูดถึงเรื่องนี้แล้วก็คิดย้อนกลับไปถึงรัฐบาล “ชาติชาย” ที่มีความพร้อมในการบริหารประเทศไม่ต่างไปจากรัฐบาลชุดนี้

“เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า” ที่ประสบผลสำเร็จเศรษฐกิจเฟื่องฟูราคาที่ดินสูงขึ้นทำให้เกิดเศรษฐีใหม่เป็นดอกเห็ด

ว่าไปแล้วทำให้ประเทศไปโลดในยุคนั้น

แต่ก็เกิดรอยด่าง เพราะปัญหาทุจริตคอร์รัปชันที่เอิกเกริกไม่ต่างกันทำให้รัฐบาลเกิดความเสื่อมลงทีละนิดๆ

ทำให้ทหารเริ่มไม่พอใจและใช้เป็นข้ออ้างทำการ “ยึดอำนาจ” โดยเรียกรัฐบาลชุดนั้นว่า “บุฟเฟ่ต์คาบิเนต”

ก็บันทึกไว้เพื่อเตือนความทรงจำ

เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีก!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ "กล้าได้กล้าเสีย" เพิ่มเติม