พระราชทานอภัยลดโทษ “ทักษิณ ชินวัตร” ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว หลังจากเป็นนักโทษเด็ดขาดตามคำพิพากษาจำคุก 8 ปี ลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี “วิษณุ” ชี้ หลังจากนี้จะดำเนินการตามปกติเหมือนนักโทษทั่วไป เมื่อนายทักษิณหายป่วยจะกลับเข้าเรือนจำ ถ้าอาการป่วยไม่ดีขึ้นก็ต้องรักษาตัวต่อไป ด้าน “เศรษฐา” นายกรัฐมนตรี แสดงความยินดีกับครอบครัวชินวัตร คาดสภาพจิตใจน่าจะดีขึ้น

กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีเข้ารับโทษในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตามคำพิพากษา 3 คดีรวม 8 ปี ตรวจร่างกายเบื้องต้นพบมีโรคประจำตัว 4 โรค ระหว่างอยู่ในเรือนจำ 13 ชม. อาการป่วยกำเริบ แน่นหน้าอก ความดันสูง ประกอบกับ เป็นโรคหัวใจ ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่มีแพทย์เฉพาะทาง ตัดสินใจส่งรักษาตัวที่ชั้น 14 หอผู้ป่วยพิเศษระดับสูง อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจ จนมีกระแสต่อต้านกล่าวหาว่าไม่ได้ป่วยจริง นอกจากนี้ยังมีข่าวการขอพระราชทานอภัยโทษออกมาอย่างต่อเนื่อง ต่อมานายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยว่า นายทักษิณยื่นขอพระราชทานอภัยโทษแล้ว ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ความคืบหน้าจากทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.09 วันที่ 1 ก.ย. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ รมว.ยุติธรรม กล่าวให้สัมภาษณ์ก่อนหน้าจะโปรดเกล้าฯอภัยลดโทษนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า เรื่องนี้ขอไม่ตอบ มันไม่สมควรที่เราจะไปคอมเมนต์หรือไปพูดตรงไหนและการถวายฎีกาคือ การติดต่อระหว่างนักโทษกับพระเจ้าอยู่หัวเรา อย่าไปวิจารณ์ตรงนั้น ข้อความเขาไม่เอามาเปิดเผยกัน ธรรมเนียมของการขอพระราชทานอภัยโทษจะบอกเพียงว่า ขอพระราชทานอภัยโทษจะไม่เขียนอย่างอื่น การอภัยโทษมี 3 อย่างคือ ลดโทษ เปลี่ยนโทษ และปล่อยตัวจะมีเงื่อนไข ถามว่า จะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวทำให้สังคมเกิดความแตกแยกหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า เป็นสิทธิที่นักโทษพึงมี ถ้าป่วยจริงถือเป็นสิทธิธรรมดาไม่ใช่อภิสิทธิ์ นักโทษธรรมดาส่งไปโรงพยาบาลตั้งเยอะแยะ

...

ต่อมาเวลา 15.20 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชหัตถเลขาพระราชทานอภัยลดโทษความว่า ตามที่นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร ยื่นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาจำนวน 3 คดี คดีที่ 1 คดีหมายเลขแดงที่ อม.4/2551 ความผิดต่อหน้าที่ราชการ กำหนดโทษจำคุก 3 ปี คดีที่ 2 คดีหมายเลขแดงที่ อม.10/2551 ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ กำหนดโทษจำคุก 2 ปี ซึ่งคดีที่ 1 กับคดีที่ 2 นับโทษซ้อนกันรวมกำหนดโทษจำคุก 3 ปี และคดีที่ 3 คดีหมายเลขแดงที่ อม.5/2551 ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมกำหนดโทษจำคุก 5 ปี รวมกำหนดโทษจำคุก 8 ปี รับโทษมาแล้ว 10 วัน เหลือโทษจำคุก 7 ปี 11 เดือน 20 วัน อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

ความว่า เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อถูกดำเนินคดีและศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกดังกล่าว ด้วยความเคารพในกระบวนการยุติธรรม ยอมรับผิดในการกระทำ มีความสำนึกในความผิด จึงขอรับโทษตามคำพิพากษา ขณะนี้อายุมากมีปัญหาสุขภาพเจ็บป่วยต้องเข้ารักษาพยาบาลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนั้น ซึ่งความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว จึงพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร เหลือโทษจำคุกต่อไปอีก 1 ปีตามกำหนดโทษตามคำพิพากษา เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคมและประชาชนสืบไป พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหา วชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ต่อมาเวลา 16.00 น. นายวิษณุให้สัมภาษณ์อีกครั้งผ่านทางโทรศัพท์ภายหลังเว็บไซต์ราชกิจจา นุเบกษาเผยแพร่พระราชทานอภัยลดโทษนายทักษิณเหลือ 1 ปีว่า ขั้นตอนหลังจากนี้จะดำเนินการตามปกติเหมือนนักโทษทั่วไป เมื่อนายทักษิณหายป่วยจะกลับเข้าเรือนจำ ถ้าอาการป่วยไม่ดีขึ้นก็ต้องรักษาตัวต่อไป เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วบังคับใช้ได้ทันที ตั้งแต่วันที่โปรดเกล้าฯลงมา

ที่พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน นายก รัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษว่า เห็นบอกว่าลดโทษเหลือ 1 ปีใช่หรือไม่ ก็ยินดีกับครอบครัวด้วย ครอบครัวน่าจะสบายใจขึ้น เพราะเห็นว่านายทักษิณเป็นความดันสูงซึ่งน่าเป็นห่วง และสภาพจิตใจของนายทักษิณน่าจะดีขึ้น

นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เผยทางโทรศัพท์กรณีราชกิจจานุเบกษาลงประกาศพระบรมราชโองการพระราชทานอภัยลดโทษนายทักษิณ ชินวัตร เหลือจำคุก 1 ปีว่า ได้ทราบข่าวจากการประกาศราชกิจจา นุเบกษา วันนี้ทนายความยังไม่ได้เดินทางไปเยี่ยม แต่ผลที่ประกาศราชกิจจานุเบกษาดังกล่าวถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยเมตตาให้นายทักษิณ เรื่องดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนที่กรมราชทัณฑ์ต้องนำไปดำเนินการต่อไป หลังจากนี้ต้องขอร้องประชาชนคนไทยไม่สมควรวิพากษ์วิจารณ์ หรือออกมาโต้แย้งคัดค้านใดๆ เพราะอาจเป็นก้าวล่วงหรือละเมิดพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์

“ในส่วนคดีที่ยังค้างพิจารณาอยู่ ไม่ว่าเป็นชั้นสอบสวนหรือชั้นศาล ทางทนายความจะดำเนินการในฐานะจำเลยหรือผู้ถูกกล่าวหาตามสิทธิของกระบวนการยุติธรรมทางอาญา เรื่องใดในชั้นสอบสวน จะร้องขอความเป็นธรรม และขอให้สอบสวนต่อพนักงานอัยการ เนื่องจากต้องให้โอกาสผู้ต้องหาต่อสู้คดีอาญาอย่างเต็มที่ ส่วนคดีที่อยู่ระหว่างพิจารณาในชั้นศาล หากมีคดีที่สามารถถอนฟ้องหรือยอมความได้ต้องดำเนินการเพื่อหาข้อยุติตามกฎหมายต่อไป ผมจะเดินทางไปเยี่ยมนายทักษิณอีกครั้งต้นสัปดาห์หน้า” นายวิญญัติกล่าว

เย็นวันเดียวกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ข้าพเจ้า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และนายทักษิณ ชินวัตร จะใช้ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ ทั้งชีวิต ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคม ประชาชน และรับใช้สถาบันพระมหากษัตริย์สืบไป ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

วันเดียวกันสำนักข่าวต่างประเทศรายงานอ้างเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาว่า พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงมีพระมหากรุณาอภัยลดโทษนักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เหลือโทษจำคุกต่อไป 1 ปี จากเดิม 8 ปี เนื่องจากเคยทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติ ประชาชน และจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งแสดงให้เห็นว่า เคารพกระบวนการยุติธรรม ยอมรับความผิดและน้อมรับคำตัดสินของศาล นอกจากนี้ยังมีโรคประจำตัวที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์

สื่อต่างประเทศยังระบุด้วยว่า นายทักษิณ อดีตนายก รัฐมนตรี วัย 74 ปี ทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษเมื่อวันก่อน หลังจากเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว และถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ ต่อมาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจเนื่องจากอาการเจ็บหน้าอกและความดันโลหิตสูงจนถึงปัจจุบัน