"ทนายอั๋น" ควง "ลุงศักดิ์" มือต่อยศรีสุวรรณ ยื่นเรื่องกองปราบ ตรวจสอบพฤติกรรม "หมอวรงค์" คัดค้านอภัยโทษทักษิณ เข้าข่ายความผิด ม.112 หรือไม่ พร้อมแนะหากมีข้อสงสัยเรื่องข้อกฎหมายการเมือง อยากให้ลองไปติดต่อ "ทนายตั้ม"

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 29 สิงหาคม 2566 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ พร้อมนายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล หรือ ลุงศักดิ์ ยูทูบเบอร์ช่องศักดินาเสื้อแดง เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.เกียรติบดินทร์ วงศ์งาม สว.(สอบสวน) กก.1.บก.ป. เพื่อยื่นหนังสือร้องขอให้ มีการตรวจสอบการกระทำของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี กรณียื่นค้านการขอพระราชทานอภัยโทษของอดีตนายกฯ ทักษิณว่า เข้าข่ายความผิด ม.112 หรือไม่

นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า เนื่องจากเมื่อวานที่ผ่านมา นพ.วรงค์ ในนามของพรรคไทยภักดี ได้ให้เหรัญญิกของพรรค พร้อมสมาชิกกว่า 10 คน ไปยื่นเรื่องให้กับกรมราชทัณฑ์ ในประเด็นที่อยากจะคัดค้านการขอพระราชทานอภัยโทษ ของนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งส่วนตัวมองว่า การทำฎีกาทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายเป็นเรื่องของพระราชอำนาจส่วนพระมหากษัตริย์ ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 259, 260 และ 261 กำหนดวิธีการที่ชัดเจน

“หมายความว่านักโทษทุกคนที่เป็นนักโทษเด็ดขาดทุกคดีมีสิทธิ์ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ เพราะฉะนั้นการที่ นพ.วรงค์ มีพฤติกรรมขัดขวางในการใช้พระราชอำนาจขององค์พระมหากษัตริย์แห่งนี้ อาจเป็นไปได้หรือไม่ว่า เข้าข่ายเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 การที่มาร้องที่กองปราบครั้งนี้หวังว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการตรวจสอบ เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน”

...

นายภัทรพงศ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังอยากฝากคำแนะนำถึง นพ.วรงค์ ด้วยความห่วงใย ถ้าจะออกมาเคลื่อนไหวกรณีของนายทักษิณ อยากให้ไปพิสูจน์ทราบว่าอดีตนายกฯ ท่านป่วยจริงหรือไม่จะเป็นประโยชน์มากกว่า แต่อย่ามาดึงสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้ในทางการเมืองเหมือนที่กำลังกระทำอยู่ 

“นอกจากนี้ยังฝากแนะนำ นพ.วรงค์ หากมีข้อสงสัยเรื่องข้อกฎหมายการเมือง อยากให้ลองไปติดต่อ ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด เป็นที่ปรึกษา เห็นว่าว่างงานอยู่ ประกอบกับมีทัศนคติทางการเมืองไปในทิศทางเดียวกัน เคยเป่านกหวีดเหมือนกัน จะได้ช่วยกันทำให้สังคมนี้น่าอยู่” 

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ร้องทั้งสอง เพื่อนำไปพิจารณาควบคู่กับหลักฐานต่างๆ ก่อนประสานส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป