“เศรษฐา” ฝ่าด่านสำเร็จนั่งนายกฯคนที่ 30 โหวตผ่านฉลุย เห็นชอบท่วมท้น 482 เสียง ไม่เห็นชอบ 165 เสียง งดออก เสียง 81 เสียง เผยก๊วน 2 ลุงหักลำ สาย “ลุงตู่” กว่า 100 คนเทเสียงพรึ่บ ขณะที่กลุ่ม “ลุงป้อม” งดออกเสียงแถม “ประวิตร” ไม่มาร่วมประชุม ก๊ก สว.ตัวตึงอภิปรายขย่มปมเลี่ยงภาษีพอเป็นพิธี แล้วยึดจุดยืนไม่สนับสนุน “วิวรรธน์” ฉะอย่าใช้ประเทศมาเสี่ยง จับประชาชนเป็นตัวประกัน “คำนูณ” อ้างให้รัฐบาลสลายขั้วเริ่มนับหนึ่งปรองดอง ปชป.แตกเป็นเสี่ยง “เดชอิศม์-ชัยชนะ” วิ่งดีลเกาะขบวนขอร่วมรัฐบาล หอบ 16 เสียงแหกมติพรรคเติมเสียงหนุน “ชวน-บัญญัติ” ใช้เอกสิทธิ์ลงมติไม่เห็นชอบ “เศรษฐา” ยิ้มร่าหายเหนื่อย ลั่นขอทำหน้าที่ดีที่สุด โผ ครม.ยังไม่นิ่ง พท.ทิ้ง ก.มหาดไทยแลกคุมคมนาคม ให้ “เสี่ยหนู” นั่งรองนายกฯควบ มท.1 รทสช.สมใจนึกยึด ก.พลังงาน พปชร.ส่ง “พัชรวาท” เป็นรองนายกฯควบ รมว.ทส. “ธรรมนัส-สมศักดิ์” ชิงดำ รมว.เกษตรฯ “ชัยธวัช” ลั่นรอพบฝ่ายค้านเชิงรุกลุยสอบเต็มสูบ

ที่ประชุมร่วมรัฐสภาโหวตให้ความเห็นชอบให้นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย (พท.) ดำรงตำแหน่งนายกฯคนที่ 30 อย่างราบรื่นด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 482 เสียง ไม่เห็นชอบ 165 เสียง งดออกเสียง 81 เสียง แม้จะมี สว.บางคนอภิปรายท้วงติงกรณีข้อกล่าวหาเลี่ยงภาษีการซื้อขายที่ดิน

เศรษฐานายกฯ โหวตฉลุย ลั่นจะทำดีที่สุด ยกระดับความเป็นอยู่คนไทย จ่อควบขุนคลัง (คลิป)

...

“ดิเรกฤทธิ์” ชี้ “เสี่ยนิด” แจงดีไม่หักแต้ม

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 22 ส.ค.ที่รัฐสภา นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สว.ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีว่า มีทั้งฝ่ายสนับสนุนและคัดค้านชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย (พท.) คนที่ไม่เห็นด้วยอาจต้องอภิปรายว่าไม่เหมาะสมอย่างไร ต้องทำใจเป็นกลาง ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ได้เฉลยข้อสอบไปแล้ว การได้เสียงข้างมากในสภาฯเหมือนได้ 100 คะแนนเต็มไว้ก่อนอยู่แล้ว หากมีการอภิปราย ไม่แน่ใจว่า สส.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) จะอภิปรายนายเศรษฐาอย่างไร รวมถึง สว.บางคนได้รับข้อมูลเอกสารจากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ แม้กระทั่งนายศรีสุวรรณ จรรยา ที่ร้องเรียนการเก็บค่าผ่านทางสาธารณะ เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏและประชาชนยังสงสัย ส่วนตัวให้คะแนนร้อยไว้เบื้องต้นหากอธิบายเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ได้ชัดเจน จะไม่ตัดคะแนน ถ้าอธิบายได้ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ต้องแสดงเหตุผลที่มีประโยชน์กับประชาชน จะได้ไม่มีปัญหากับประเทศ จะไม่หักคะแนน

แว่วแจกกล้วย 7-30 ล้านยิ่งด่างพร้อย

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวการแจกกล้วยให้สว.ที่โหวตสูงสุดถึง 30 ล้านบาท โดยจ่ายล่วงหน้า 6-7 ล้านบาท นายดิเรกฤทธิ์กล่าวว่า เหมือนกับครั้งก่อนที่มีเรื่องกล้วยเข้ามา เป็นการชี้นำการลงคะแนน ไม่ทราบว่าการปล่อยข่าวนี้ใครจะได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ คนที่จะเลือกนายเศรษฐา อยู่แล้ว ถ้าถูกกล่าวหาว่ารับเงินรับทองก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกัน อาจเปลี่ยนใจหรือไม่ ไม่คิดว่าเป็นเรื่องจริง ความลับไม่มีในโลก เมื่อถามย้ำว่า สว.ซื้อได้หรือไม่ นายดิเรกฤทธิ์กล่าวว่า ไม่มีใครน่าจะทำอย่างนั้น ถ้าไปรับเงินรับทองโดยวิจารณญาณไม่สุจริต จะด่างพร้อย ทุกคนมีวุฒิภาวะและตำนานของตัวเองอยู่แล้ว เมื่อถามว่านายเศรษฐาขาดอีกแค่ 50-60 เสียง เป็นไปได้ที่จะโหวตผ่านหรือไม่ นายดิเรกฤทธิ์กล่าวว่า ตอนนี้ สว.มี 249 คน หลายคนอยากให้บ้านเมืองเดินต่อได้ เคารพกติกาประชาธิปไตยอะไรที่สนับสนุนได้ ให้กลไกรัฐสภาเดินได้ ให้เป็นที่เชื่อถือของพี่น้องประชาชนควรดำเนินการตามนั้น

ภาพรวมผ่าน รอหน่วยงานสอบต่อ

นายดิเรกฤทธิ์กล่าวอีกว่า ภาพรวมน่าจะผ่าน แต่ยังไม่อยากยืนยัน เพราะเป็นแค่หนึ่งเสียง และการฟังการอภิปรายอย่างน้อย 5 ชม.จะเป็นข้อมูลล่าสุดประกอบการตัดสินใจสุดท้าย ส่วนประเด็นที่นายชูวิทย์แฉหากนายเศรษฐาโหวตผ่านแล้วจะพิจารณาอย่างไรเป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ศาล ป.ป.ช. ไม่เกี่ยวกัน เพียงแต่เรื่องของนายเศรษฐากรณีที่นายเรืองไกร ยื่นต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภาว่า นายเศรษฐาไม่เหมาะสมอย่างไร กมธ.ได้ส่งหนังสือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกรมที่ดินได้ตอบมาแล้ว คาดว่านายเสรีสุวรรณภานนท์ สว.จะอภิปรายเรื่องนี้

“สุทิน” โต้ “ชูวิทย์” ร้องไม่มีมูล

นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค พท.กล่าวว่า การโหวตนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯว่า น่าจะบรรลุผลและได้นายกฯ เชื่อว่า สว.และ สส.คงตระหนักเห็นใจประชาชนมากขึ้น อยากได้รัฐบาลมาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเสียที เรื่องที่กล่าวหามีการชี้แจงหลายระดับแล้ว และอาจมีการชี้แจงเพิ่มเติมส่วนที่ยังติดใจ ที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ส่งข้อมูลหลักฐานการประพฤติมิชอบของนายเศรษฐามาให้ สส.และ สว. พิจารณา ข้อมูลไม่ได้ลึกลับอะไร นายเศรษฐาเป็นผู้บริหารบริษัทแสนสิริ เป็นบริษัทมหาชน อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ กระบวนการของบริษัท มีการตรวจสอบภายในอยู่แล้ว ตลาดหลักทรัพย์คงตรวจสอบ พรรคได้ตรวจสอบเช่นกัน เชื่อมั่นข้อกล่าวหาไม่มีมูลความจริงถึงขนาดนั้น ไม่ชอบและอาฆาตแค้นกันส่วนตัว สว.คงแยกแยะออก

แค่บังเอิญ “ทักษิณ” กลับวันโหวต

เมื่อถามว่ากรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯกลับประเทศไทย เชื่อว่าจะโหวตเลือกนายกฯได้สำเร็จใช่หรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ทราบว่านายทักษิณ มีกำหนดกลับวันที่ 22 ส.ค. ก่อนจะกำหนดวันโหวตนายกฯด้วยซ้ำ บังเอิญมากกว่า เชื่อว่าไม่ส่งผลกับการจัดตั้งรัฐบาล เพราะนายทักษิณกลับมาเข้าสู่กระบวนการ และอาจอยู่ในเรือนจำสถานที่ปลอดผู้คน การจัดตั้งรัฐบาล การอยู่ในที่ต้องอยู่คุมขัง เป็นเขตลมสงบ จะไปวิ่งเต้นให้นายทักษิณ ช่วยยากกว่าการที่นายทักษิณอยู่ข้างนอกหรืออยู่ต่างประเทศ การวิ่งเต้นต่อรอง ล็อบบี้ง่ายกว่า เชื่อว่าไม่มีผล ประเมินเบื้องต้นการโหวตเลือกนายกฯไม่น่าจะมีปัญหา มีข่าวเล็ดลอดออกมาบางคนแสดงเจตนาไม่โหวตให้ เช่น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.เพื่อไทย ได้ผู้ประสานงานและผู้ใหญ่ของพรรคไปพูดคุย อาจมีหลายท่านที่เห็นต่างอยู่ แต่ที่สุดแล้วความเป็นพรรคและวินัยของพรรค และครรลองของระบบสภาฯ ท่านจะตัดสินใจสอดคล้องกับพรรค คงไม่ต้องเตรียมแผนสำรองอะไรทุกอย่างเป็นไปตามกลไก หากเกิดเหตุนอกเหนือความคาดหมาย แคนดิเดตคนที่ 1 ไม่ผ่าน มีคนที่ 2 อยู่ดี แต่เชื่อว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น มั่นใจว่าจะได้เสียง สว.ครบและเกิน 70 เสียงด้วยซ้ำ

มือ สส.-สว.มีพอไม่จำเป็นต้องซื้องูเห่า

นายสุทินกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีกระแสข่าวซื้องูเห่าให้โหวตหนุนนั้น ขณะนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องไปทำอย่างนั้นเพราะจำนวน สส.ได้มาในระดับที่เกินครึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ส่วน สว.เราก็มีวิธีการที่จะอธิบายกับท่าน หลายส่วนตัดสินใจมาก่อนหน้านี้แล้วไม่น้อย ที่สำคัญทุกคนอยากให้บ้านเมืองมีรัฐบาล

เศรษฐานายกฯ โหวตฉลุย ลั่นจะทำดีที่สุด ยกระดับความเป็นอยู่คนไทย จ่อควบขุนคลัง (คลิป)

“จุรินทร์” ยันคน ปชป.งดออกเสียง

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมร่วมรัฐสภาว่า ความเห็นส่วนใหญ่จากที่ประชุม สส.ของพรรคคือจะงดออกเสียง มีบางท่านขอใช้เอกสิทธิ์ ที่ประชุมไม่ขัดข้อง ตนจะโหวตตามมติพรรค เสียงส่วนใหญ่คืองดออกเสียง แนวทางการปฏิบัติในสภาฯต่อไป ถ้าไม่เป็นรัฐบาลต้องเป็นฝ่ายค้าน ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรค ไม่เคยมอบหมายให้ใครไปเจรจาจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคไหน เพราะฉะนั้นเรายืนยันชัดเจนว่าเมื่อมีการตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้น เราพร้อมที่จะไปทำหน้าที่ของเรา เมื่อไม่เป็นรัฐบาลเราพร้อมเป็นฝ่ายค้าน ต้องมีหน้าที่ในการตรวจสอบรัฐบาล พร้อมเป็นฝ่ายค้านทำได้ทุกหน้าที่

เมื่อถามว่า จะมีการแบ่งการทำงานกับพรรคก้าวไกลอย่างไร นายจุรินทร์กล่าวว่า ตนยังตอบล่วงหน้าไม่ได้ เพียงแต่เราก็ทำหน้าที่ของเรา แล้วพร้อมที่จะยืนหยัดในสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดกับประเทศ และประชาชน ไม่ว่าเรามีหน้าที่อะไร พรรรคร่วมรัฐบาลเคยเป็น แกนนำตั้งรัฐบาลเคยเป็น พรรคแกนนำฝ่ายค้านเคยเป็น พรรคร่วมฝ่ายค้านเคยเป็น ฉะนั้นเราทราบดีและตระหนักดีในภารกิจที่ต้องทำหน้าที่แทนประชาชน ไม่ต้องกังวลเลย เมื่อถามว่าหากมี สส.ของพรรคโหวตสนับสนุนแคนดิเดต จะขัดมติพรรคหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่เกิด และไม่คิดว่าจะมี เพราะเมื่อวันที่ 21 ส.ค. พูดกันชัดเจน มติพรรคคืองดออกเสียง ไม่ให้ความเห็นชอบก็ไม่ต่างกัน แปลว่าไม่ได้เห็นชอบ

“โรม” โวยถูกถอนญัตติทบทวนมติรัฐสภา

ต่อมาเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมรัฐสภา มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุมเพื่อพิจารณา ให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นทักท้วงกรณีที่ประธานรัฐสภาไม่มีการบรรจุญัตติของตนเองที่ค้างอยู่ในการประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 4 ส.ค.66 กรณีการขอให้ที่ประชุมรัฐสภาทบทวนมติวันที่ 19 ก.ค.66 ที่ไม่ให้มีการเสนอชื่อบุคคลซ้ำในการโหวตเลือกนายกฯ เป็นการดำเนินการที่ถูกต้องหรือไม่ โดยนายรังสิมันต์กล่าวว่า เหตุใดไม่บรรจุญัตติ การตีความข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 41 เพื่อให้มีการตีความให้ชัดเจน การอ้างข้อบังคับการประชุม ข้อ 151 ว่า มติใดที่ประชุมมีความเห็นเป็นเด็ดขาดแล้ว ไม่สามารถทบทวนไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าต้องถือตามคำวินิจฉัยตลอดไป โดยไม่สามารถทบทวนได้ แต่หากรัฐสภาจะทบทวนสิ่งที่เคยวินิจฉัยไป ย่อมทำได้ เช่นเดียวกับที่ศาลฎีกาเคยมีคำวินิจฉัยทบทวนคำพิพากษาตัวเอง

ไม่เอา “พิธา” อย่าถึงขั้นเผาบ้านไล่หนู

“รัฐธรรมนูญระบุชัดว่าการเลือกนายกฯให้เลือกจากแคนดิเดตนายกฯที่พรรคการเมืองเสนอมา แม้เสนอชื่อใครไปแล้ว ถ้าลงมติไม่ผ่าน ไม่มีรัฐธรรมนูญระบุว่า บุคคลนั้นไม่นับเป็นแคนดิเดตอีกต่อไป ความเป็นแคนดิเดตยังมีอยู่ต่อไปเรื่อยๆ ขอให้กลับมาสร้างบรรทัดฐานที่ถูก พวกท่านอาจไม่อยากให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ แต่อย่าถึงขั้นเผาบ้าน เพื่อไล่หนูตัวเดียว เราจะวางบรรทัดฐานกันถึงขนาดนั้นเลยใช่ไหม “นายรังสิมันต์กล่าว

เศรษฐานายกฯ โหวตฉลุย ลั่นจะทำดีที่สุด ยกระดับความเป็นอยู่คนไทย จ่อควบขุนคลัง (คลิป)

“วันนอร์” ใช้อำนาจไม่รับญัตติ “โรม”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างนั้นนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้ตัดบทขอให้นายรังสิมันต์หยุดอภิปราย เพราะพูดมานานแล้ว ไม่ได้ขัดขวางการอภิปราย แต่นายรังสิมันต์ได้พูดครบประเด็น จนสมาชิกเข้าใจแล้ว ควรพอเท่านี้ อีกทั้งในการประชุมวิป 3 ฝ่าย มีการรับรองความเห็นฝ่ายกฎหมายรัฐสภา บอกว่ามติที่ประชุมรัฐสภาไม่สามารถทบทวนได้ เพราะเป็นความเห็นเด็ดขาดไปแล้ว ถ้าไปทบทวนอาจเกิดความลังเลได้ ดังนั้นในฐานะประธานรัฐสภาขอใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 80 ใช้อำนาจวินิจฉัย ไม่รับญัตติด่วนของนายรังสิมันต์ที่เสนอด้วยวาจา รวมถึงญัตตินายสมชาย แสวงการ สว.ที่เสนอญัตติคัดค้านญัตตินายรังสิมันต์ เมื่อวันที่ 4 ส.ค.66

ฉุนปะทะคารม สั่ง “ธีรัจชัย” นั่งลง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปรากฏว่า สส.ก้าวไกลหลายคน พยายามโต้แย้งคำวินิจฉัยของประธานรัฐสภา เสียเวลาไปร่วม 30 นาที โดยเฉพาะนายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กทม. ที่ระบุว่าประธานรัฐสภาวางตัวไม่เป็นกลาง รู้เห็นเป็นใจกับเสียงข้างมาก ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ไม่พอใจ กล่าวตอบโต้ด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ทันทีว่า ขอให้ถอนคำพูดว่าตนรู้เห็นเป็นใจ ถ้าไม่ถอนคำพูดจะไม่อนุญาตให้พูดต่อ เพราะเป็นการกล่าวหาตนอย่างรุนแรง ยืนยันว่าตนซื่อสัตย์ต่อตัวเอง แต่นายธีรัจชัยพยายามจะพูดต่อ ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวอย่างฉุนเฉียวพร้อมปิดไมค์ว่า “ขอให้นั่งลง คุณจะนั่งลงไหม คำสั่งประธานถือเป็นเด็ดขาด” ทำให้นายธีรัจชัยมีท่าทีอ่อนลง จากนั้นนายวันนอร์ได้ใช้อำนาจสั่งให้ดำเนินการประชุมตามระเบียบวาระต่อไป

สว.ขยี้แผลเลี่ยงภาษีขย่ม “เศรษฐา”

เมื่อเข้าสู่วาระการประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท. เสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ เป็นบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ ต่อที่ประชุมรัฐสภา โดยมี สส.เสียบบัตรแสดงตนรับรอง 287 เสียง ก่อนจะเปิดโอกาสให้สมาชิกรัฐสภาอภิปรายแสดงความคิดเห็น โดยนายวิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร สว. อภิปรายว่า สว.มีหน้าที่ต้องพิจารณาคัดเลือก แต่ สว.ยังไม่รู้จักคนที่จะเป็นนายกฯ พรรค พท.ไม่ได้ทำเอกสารแจ้ง สว.ว่านายเศรษฐาเป็นใคร มีประวัติอย่างไร เจอแต่ข่าวด้านลบตลอด เรื่องเลี่ยงภาษี ผิดจริยธรรม

ฉะอย่าใช้ ปท.เสี่ยงจับ ปชช.เป็นตัวประกัน

นายวิวรรธน์กล่าวอีกว่า นายเศรษฐาถูกโจมตีตลอดแล้วจะไปเลือกได้อย่างไร จะเอาประเทศมาเสี่ยง เอาประชาชนมาเป็นตัวประกันได้อย่างไร นายเศรษฐาถูกกล่าวหาเลี่ยงภาษีซื้อขายที่ดิน ซื้อที่ดิน 12 แปลง 12 วัน แต่เซ็นสัญญาซื้อขายวันละแปลง เจตนาเลี่ยงภาษี ให้เสียภาษีแค่ 59 ล้านบาท แต่ถ้าเสียภาษีรวมทีเดียว 12 แปลง จะเสียภาษี 581 ล้านบาท ไม่ใช่การวางแผนภาษี แต่เลี่ยงภาษีให้รัฐเสียหาย การเลือกนายกฯครั้งนี้เป็นสิ่งสำคัญ ขอให้เลือกคนซื่อสัตย์ มีจริยธรรม ได้ข่าวมาว่าจะแจกกล้วยให้ สว. เป็นคนดีๆ ไม่ชอบ อยากเป็นลิงมากินกล้วย ผิดคำสาบาน ระวังจะโดนลงโทษ

“วุฒิพันธ์” เร่งลงมติพา ปท.พ้นวังวน

นายวุฒิพันธ์ วิชัยรัตน์ สว. อภิปรายว่า ผ่านมา 100 วัน รัฐสภายังไม่บรรลุการลงมติเลือกนายกฯทำให้ประเทศตกอยู่ในวังวน วังเวง ประชาชนเคว้งคว้าง ขอให้ สว.ทำหน้าที่พาประเทศออกจากวังวน ใช้สัมมาสติใช้วิจารณญาณเลือกบุคคลที่เหมาะสมเป็นนายกฯ เพราะความล่าช้าการเลือกนายกฯคือต้นทุนที่สูงของประเทศที่ประเมินค่าไม่ได้ ต้องยุติความสูญเสียไม่ให้เรื้อรัง ความเนิ่นช้าการเลือกนายกฯคือความรับผิดชอบร่วมกันของ สว.

กก.ฉะ รบ.พิเศษพังศรัทธา ปชช.

นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า สส.ก้าวไกลไม่สามารถเห็นชอบนายเศรษฐาได้ ไม่ใช่เพราะไม่รู้จักนายเศรษฐา และไม่ใช่เรื่องคุณสมบัติผู้ถูกเสนอชื่อ แต่ไม่สามารถโหวตเห็นชอบได้ เพราะการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ขัดเจตจำนงประชาชนในการเลือกตั้งที่ต้องการยุติรัฐบาลสืบทอดอำนาจ คสช. การตั้งรัฐบาลขณะนี้ไม่ใช่สลายขั้วความขัดแย้ง แต่ต่อลมหายใจระบบการเมือง คสช.ให้มีสืบไป การตั้งรัฐบาลพิเศษที่บอกว่าเป็นความจำเป็นหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องกลืนเลือด แต่อยากให้คิดว่า มีราคาหรือต้นทุนที่ประชาชนต้องจ่ายให้การตั้งรัฐบาลพิเศษคือ 1.ความหวังประชาชนที่จะให้การเมืองเดินหน้าสู่อนาคต ไม่ใช่เดินกลับสู่อดีต 2.การใช้สิทธิเลือกตั้งพอเป็นพิธี แต่อำนาจไม่มีวันเป็นของประชาชนจริงๆ มีประชาชนเป็นไม้ประดับ ไม่ใช่เจ้าของอำนาจที่แท้จริง 3.ประชาชนสูญเสียความศรัทธาระบบรัฐสภา

ตั้ง รบ.ผสมพันธุ์ข้ามขั้วยิ่งขัดแย้งรุนแรง

“ปัญหาความขัดแย้งการเมือง คือความขัดแย้งระหว่างอำนาจประชาชนกับอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชน ที่ยังหาทางออกไม่ได้ ทางออกจากความขัดแย้ง ไม่ใช่การสลายขั้วขัดแย้ง ตั้งรัฐบาลผสมพันธุ์ข้ามขั้ว ยิ่งทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงทางการเมือง การเลือกตั้งที่ผ่านมาบ่งบอกสังคมเปลี่ยนไปแล้ว แต่อาจเปลี่ยนไม่มากพอ แม้ประชาชนจะข้องใจ แต่อย่าหันหลังให้การเมือง ต้องช่วยกันเปลี่ยนแปลงให้การเมืองเป็นประชาธิปไตย เป็นของประชาชนจริงๆ” นายชัยธวัชกล่าว

คาใจแก้ รธน.ล้างผิดคดีทุจริต

พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สว.อภิปรายว่า พรรคเพื่อไทยมีแนวคิดแก้รัฐธรรมนูญทันทีที่ประชุม ครม.นัดแรก อยากถามว่ารัฐธรรมนูญปี 60 มีปัญหาอะไรให้เร่งแก้ไข เป็นเพราะรัฐธรรมนูญนี้มีกลไกป้องกันนักการเมืองทุจริตเข้มงวด อาทิ ตัดสิทธิเลือกตั้งตลอดชีวิต การให้คดีทุจริตไม่มีอายุความ กลไกเหล่านี้ทำให้พรรคเพื่อไทยที่มักมีปัญหาทุจริต คนสำคัญบางคนต้องหลบหนีคดี เพราะไม่มีอายุความ จำเป็นต้องเดินทางกลับประเทศไทยมารับโทษตามกระบวนการยุติธรรม ดังนั้น หากมีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ กลไกขจัดนักการเมืองทุจริตจะหายไป สอดคล้องความต้องการบางพรรคการเมืองที่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญหมวดสถาบัน การแย่งแยกราชอาณาจักร การทำประชามติรัฐธรรมนูญใหม่จะยิ่งสร้างความขัดแย้งในสังคมมากขึ้น เพราะการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างอำนาจองค์กรอิสระลบล้างความผิดให้นักการเมืองทุจริต เพิ่มประเด็นความขัดแย้งมากขึ้น จะกระทบความมั่นคงชาติ ร้ายแรงมากกว่าการแก้มาตรา 112 ดังนั้น จะสนับสนุนนายกฯพรรคเพื่อไทยได้อย่างไร แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยจะเสียสัตย์ ให้ประเทศสงบ ยืนยันจะไม่เสนอแก้รัฐธรรมนูญทันที แต่จะเสนอในห้วงเหมาะสม เมื่อสังคมสงบสุข การเสียสัตย์ครั้งนี้จะได้รับคำสรรเสริญทำเพื่อประเทศ ถ้าทำเช่นนี้จะสนับสนุนนายกฯของ พท.

พรรคเล็กยก 10 ล้านเสียงข่ม สว.

นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังสังคมใหม่ อภิปรายว่า นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย มีความเหมาะสมเป็นนายกฯ ข้อครหาเรื่องการเลี่ยงภาษีที่ดิน โดยการแยกโอนการซื้อขายที่ดินเป็นรายวัน รายบุคคล 12 คน 12 วัน เพื่อภาษีที่ดิน 70 ล้านบาท ไม่ใช่ 580 ล้านบาท เป็นระเบียบของกรมที่ดินในการเสียภาษีให้ทำได้ ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ส่วนที่หลายคนบอกว่าไม่รู้จักนายเศรษฐาเป็นไปไม่ได้ เพราะตลอดการเลือกตั้ง แคนดิเดตนายกฯทุกพรรคได้แสดงวิสัยทัศน์มาตลอด จะไม่รู้จักได้อย่างไร พรรค พท.ได้รับคะแนนเลือกตั้งจากประชาชน 10 ล้านเสียง ถือว่าผ่านการตรวจสอบจากประชาชนมาแล้ว จึงมีความเหมาะสมเป็นนายกฯ

“คำนูณ” แนะ สว.ลดความเข้มลงมติ

นายคำนูณ สิทธิสมาน สว.อภิปรายว่า สว.ควรใช้อำนาจเลือกนายกฯอย่างมีขอบเขต การให้ความเห็นชอบนายกฯวันนี้ เห็นควรกลับคืนสู่หลักการทั่วไปคือ ให้เป็นไปตามเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎร เพราะแคนดิเดตนายกฯที่ได้รับการเสนอชื่อไม่มีหลักคิดเป็นอันตราย ส่วนการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญจะถือเป็นภยันอันตรายหรือไม่ เห็นว่าการแก้รัฐธรรมนูญเป็นนโยบายเกือบทุกพรรคการเมือง การจะให้ ครม.ทำประชามติในวันแรกการประชุม ครม.เป็นสิ่งที่ทำได้ เพราะการทำประชามติและการแก้รัฐธรรมนูญ ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่เคารพผลการลงประชามติ แต่เพื่อความสบายใจของรัฐสภาและประชาชน ควรชี้แจงให้ชัดเจนเพื่อสร้างความสบายใจว่าร่างแก้รัฐธรรมนูญ ควรรับฟังความเห็นจากทุกพรรค สว.ผ่านการพูดคุยให้มากสุด และรูปแบบ ส.ส.ร.ที่จะเกิดขึ้น ต้องผ่านความเห็นจากสภาฯก่อน รวมถึงทบทวนระยะเวลาทำประชามติจะเป็นประโยชน์ ถ้าทำได้จะให้ความเห็นชอบนายกฯตามเสียงข้างมาก

หนุน รบ.สลายขั้วนับหนึ่งปรองดอง

ต่อมาช่วงบ่าย บรรยากาศการอภิปรายเป็นไปอย่างราบเรียบ ส่วนใหญ่เป็นการอภิปรายแสดงความเห็นของ สว. ไม่มี สปส. ขึ้นมาอภิปรายแสดงความเห็น โดยนายวันชัย สอนศิริ สว. อภิปรายว่า ได้แสดงเจตจำนงมาแต่แรก ใครรวมเสียงได้เสียงข้างมากจะโหวตนายกฯให้พรรคนั้น บ้านเมืองเรากำลังเข้าสู่ประชาธิปไตย แม้อาจยังไม่เต็มใบ ขอสนับสนุนให้ตั้งรัฐบาลสลายขั้ว นำไปสู่การสร้างความปรองดอง การโหวตนายกฯวันนี้เป็นการนับหนึ่งปรองดอง ให้ประเทศเดินหน้ามีรัฐบาลโดยเร็ว จะดีหรือไม่ดีผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ เรามีฝ่ายค้านพรรค ก.ก. เป็นฝ่ายตรวจสอบที่เข้มแข็ง ส่วนตัวนายกฯที่ถูกกล่าวหาต่างๆ ตราบใดยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดหรือไม่มีองค์กรใดวินิจฉัย ต้องถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ยืนยันพร้อมโหวตนายกฯจากเสียงข้างมากตามความต้องการประชาชน

ขย่มเก็บเงินค่าข้ามสะพานพระโขนง

นายประพันธ์ คูณมี สว. อภิปรายว่า มองว่านายเศรษฐามีคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) กรณีที่บริษัทแสนสิริไปขออนุญาต กทม.ก่อสร้างสะพานข้ามคลองพระโขนง เชื่อมต่อที่ดินฝั่งอ่อนนุช ข้ามไปยังฝั่งพระโขนงเพื่อพัฒนาโครงการ The Base Park และ The Base Park East จำนวน 3,200 ยูนิต โดยนำที่ดินถนนภาระจำยอมมายื่นร่วมในการขออนุญาตก่อสร้างสะพาน มีข้อตกลงยินยอมให้ประชาชนสามารถใช้สะพานดังกล่าวในการสัญจรได้ฟรี กทม.จึงยินยอมให้สร้าง เมื่อสร้างเสร็จไปตั้งชื่อสะพานว่า “แสนสำราญ” มีการเก็บเงินค่าผ่านทางจากผู้ใช้ทาง ไม่เป็นไปตามข้อตกลงกับ กทม. มีการเก็บเงินมาตั้งแต่ปี 2558 กระทั่งนายศรีสุวรรณ จรรยา นำเรื่องไปยื่นต่อ กทม.ให้ตรวจสอบ ล่าสุดเดือน มี.ค.66 จึงยอมยกเลิกเก็บค่าผ่านทางดังกล่าว ดังนั้น จำเป็นต้องตรวจสอบนายเศรษฐา สมควรเป็นนายกฯหรือไม่

เศรษฐานายกฯ โหวตฉลุย ลั่นจะทำดีที่สุด ยกระดับความเป็นอยู่คนไทย จ่อควบขุนคลัง (คลิป)

พท.การันตีไม่พบ “เศรษฐา” ทำผิด

กระทั่งเวลา 14.50น. หลังจาก สว.อภิปรายเสร็จสิ้นแล้ว นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท.เป็นตัวแทนกล่าวอภิปรายชี้แจงข้อกล่าวหาแทนนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรค พท.ว่า ยืนยันได้ตรวจสอบข้อกฎหมายทุกอย่างเกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่มีต่อนายเศรษฐา พบว่า ไม่มีข้อเท็จจริงที่แสดงให้เห็นว่า นายเศรษฐาไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้ไม่มีความซื่อสัตย์ มีแต่การเอาข้อกล่าวหาทางธุรกิจที่โน้มเอียงเป็นลักษณะการเชื่อมโยงหลักฐาน แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ จึงยังถือว่านายเศรษฐาเป็นผู้ที่มีความบริสุทธิ์ ซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์ สมาชิกหลายคนระบุว่าไม่สามารถเห็นชอบนายเศรษฐาเป็นนายกฯได้ เป็นเพราะพฤติการณ์จัดตั้งรัฐบาลพรรค พท.เคารพเสียงประชาชนทุกเสียง ไม่ว่าจะเป็นเสรีนิยมหรืออนุรักษนิยม ล้วนแต่เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีระบบรัฐสภาที่ สส.จากการเลือกของประชาชน

อาสาสยบไฟขัดแย้งตั้ง รบ.ดับวิกฤติ

นพ.ชลน่านกล่าวว่า ที่ผ่านมาแม้มีความแตกต่างทางความคิด มีการต่อสู้ทางอุดมการณ์มาตลอด พรรค พท.มีประสบการณ์เรื่องนี้อย่างเจ็บปวด แต่คนที่เจ็บปวดสุดคือประชาชนจากการขัดแย้งทางการเมือง จะปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นต่อไปหรือ สิ่งดีสุดคือ การประนีประนอมอำนาจให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนสูงสุด พรรคเพื่อไทยจึงอาสามาสลายความขัดแย้ง ขณะนี้มี 11พรรค แต่มั่นใจจะมีพรรคที่ 12-13-14-15 ตามมา ถ้าไม่ทำอะไรจะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจและความขัดแย้งตามมา นี่คือจุดยืนของพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล เราเชื่อมั่นว่าแนวทางจัดตั้งรัฐบาลเพื่อแก้วิกฤติของประเทศ ถ้าจะสลายความขัดแย้งได้ต้องอาศัยกลไกนี้เท่านั้น

ลุยเปลี่ยนความเห็นต่าง

นพ.ชลน่านกล่าวว่า เรื่องนโยบายหาเสียงแต่ละพรรคจะมีการร่วมมือกันแถลงเป็นนโยบายของรัฐบาล ส่วนการแก้รัฐธรรมนูญจะยึดตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญทุกเรื่อง เมื่อถึงระยะเวลาหนึ่งต้องแก้ไข เราจะทำบนพื้นฐานไม่ให้เกิดความขัดแย้ง เราแก้ รธน.เพื่อจัดทำฉบับใหม่ ผ่านกระบวนการทำประชามติ จะแก้รัฐธรรมนูญควบคู่กับการแก้เศรษฐกิจ เพราะรอช้าไม่ได้ ถ้าได้รับมติจากประชาชน จะจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ มีสภาร่างรัฐธรรมขึ้นมา ทุกคนมีความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง ความเห็นต่างเป็นสีสันสวยงามในระบอบประชาธิปไตย แต่จะแปลงความเห็นต่างเป็นความเห็นร่วมอย่างไรขึ้นอยู่กับ 750 คน ที่จะให้ความเห็นชอบนายเศรษฐา เพื่อนำความเห็นต่างมาเป็นความเห็นร่วม

มติท่วมท้น 482 เสียง “เศรษฐา” นายกฯ

กระทั่งเวลา 15.10 น. หลังจากสมาชิกรัฐสภาทุกคนอภิปรายเสร็จสิ้นแล้ว นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ประธานที่ประชุม สั่งให้เช็กองค์ประชุมเพื่อเตรียมลงมติให้ความเห็นชอบนาย เศรษฐาเป็นนายกฯ หรือไม่ โดยมีสมาชิกรัฐสภาร่วม แสดงตนเป็นองค์ประชุม 705 คน จากสมาชิกที่สามารถ ปฏิบัติหน้าที่ได้ 747 คน จากนั้นให้สมาชิกกล่าวลงมติเรียงตามตัวอักษร ใช้เวลาร่วม 2.30 ชั่วโมง ก่อนที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม จะแจ้งผลการลงคะแนน ว่า นายเศรษฐาได้คะแนนเห็นชอบ 482 เสียง แบ่งเป็น สส. 330 เสียง สว. 152 เสียง ไม่เห็นชอบ 165 เสียง เป็น สส. 152 เสียง สว. 13 เสียง และงดออกเสียง 81 เสียง เป็น สส. 13 เสียง สว. 68 เสียง ถือว่านายเศรษฐาได้รับคะแนนเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งสองสภา เท่ากับว่ามติที่ประชุมเห็นชอบนายเศรษฐา เป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 วรรคหนึ่ง ทำให้สมาชิกภายในที่ประชุมปรบมือแสดงความยินดีลั่นห้องที่ได้นายกฯ คนที่ 30 จากนั้นนายพรเพชร แจ้งที่ประชุมว่าวาระอื่นๆขอเลื่อนออกไปก่อน และสั่งปิดการประชุมเวลา 17.40 น.

สส.วูบหมดสติกลางห้องประชุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการโหวตเลือก นายกฯ ช่วงท้าย ได้เกิดความแตกตื่นขึ้นในห้องประชุม เมื่อนายอานุภาพ ลิขิตอำนวยชัย สส.สมุทรสงคราม พรรคก้าวไกล อายุ 44 ปี วูบหมดสติกลางห้องประชุม หลังจากเพิ่งขานคะแนนลงมติไปไม่นาน สร้างความตกใจให้สมาชิกในห้องประชุม และ สส.พรรค ก.ก.ที่อยู่ในบริเวณนั้น จากนั้นมีเจ้าหน้าที่ทีมกู้ชีพของสภาฯ เข้าไปปั๊มหัวใจนายอานุภาพอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลวชิระ เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุการหมดสติ ระหว่างนั้นนายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุมขอให้สื่อมวลชนงดเผยแพร่ภาพผู้ป่วย เพื่อรักษาสิทธิของผู้ป่วย พร้อมเชิญสื่อมวลชนออกจากห้องประชุมไม่ให้บันทึกภาพ หลังนำตัวนายอานุภาพส่งโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว จึงเริ่มโหวตลงมติเลือกนายกฯ ส่วนที่เหลือต่อไป

เลขาฯ ก.ก.เผยพ้นขีดอันตรายแล้ว

ต่อมานายชัยธวัช ตุลาธน เปิดเผยว่า นายอานุภาพ ลิขิตอํานวยชัย สส.สมุทรสงคราม พรรค ก.ก. ที่หมดสติในห้องประชุมสภาฯพ้นขีดอันตรายแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจร่างกายอย่างละเอียดที่โรงพยาบาล พรรค ก.ก.ได้ประสานครอบครัวให้ทราบแล้วตั้งแต่ตอนที่อยู่ในห้องประชุมสภาฯ พรรคขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ และ สส.จากพรรคอื่นที่เป็นแพทย์ที่ช่วยกันดูแล สส.ของพรรค ก.ก.

พรรคร่วมฯปึ้ก “ป้อม-เหลิม” ไม่มา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคะแนนเสียงเห็นชอบ 482 เสียงที่ลงมติเห็นชอบนายเศรษฐาเป็นนายกฯเป็นเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล 11 พรรค ที่ลงมติไปในแนวทางเดียวกันอย่างพร้อมเพรียง ไม่มีใครแตกแถว ยกเว้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค พปชร.ที่ไม่ได้มาร่วมประชุมโหวตในรอบนี้ และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.ที่แจ้งขอลาป่วย รวมถึงกลุ่ม สว.อีก 152 คน เห็นชอบนายเศรษฐาเป็นนายกฯ ส่วนกลุ่มไม่เห็นชอบให้นายเศรษฐาเป็นนายกฯ เป็น สส.พรรค ก.ก. ขณะที่คะแนนงดออกเสียง 81 เสียง ส่วนใหญ่เป็นของ สว.บางส่วน และพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.)

ปชป.16 เสียงแหกมติหนุน “เศรษฐา”

ด้านพรรคประชาธิปัตย์ 25 เสียง ปรากฏว่ามีการแหกมติพรรคจากที่ให้โหวตงดออกเสียง เป็นลงมติสนับสนุนนายเศรษฐาถึง 16 เสียง ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค ได้แก่ นายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช ว่าที่ ร.ท.ยุทธการ รัตนมาศ ส.ส.นครศรีธรรมราช นายพิทักษ์เดช เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช นายจักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ นางสุพัชรี ธรรมเพชร ส.ส.พัทลุง นายศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา นายยูนัยดี วาบา ส.ส.ปัตตานี นายชาตรี หล้าพรหม ส.ส.สกลนคร นายทรงศักดิ์ มุสิกอง ส.ส.นครศรีธรรมราช นายสมบัติ ยะสินธุ์ ส.ส.แม่ฮ่องสอน น.ส.สุภาพร กำเนิดผล ส.ส.สงขลา นายกาญจน์ ตั้งปอง ส.ส.ตรังนายวุฒิพงษ์ นามบุตร ส.ส.อุบลราชธานี นางอวยพรศรี เชาวลิต ส.ส.นครศรีธรรมราช พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ส.ส.สงขลา

“ชวน-บัญญัติ” ใช้เอกสิทธิ์ไม่เห็นชอบ

ขณะที่ สส.พรรค ปชป.ที่ลงคะแนนงดออกเสียงตามมติพรรค มีเพียง 6 คน ได้แก่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อและรักษาการหัวหน้าพรรค นายประมวล พงศ์ถาวราเดช สส.ประจวบคีรีขันธ์ และประธาน สส. น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สส.พัทลุง นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลาและนายสมยศ พลายด้วง สส.สงขลา ขณะที่นายชวน หลีกภัย และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.บัญชีรายชื่อ ลงมติไม่เห็นชอบนายเศรษฐา ทั้ง 2 คน ขออนุญาตที่ประชุมพรรคเมื่อวันที่ 21 ส.ค.แล้วว่าจะขอโหวตไม่เห็นชอบ ขณะที่นายราชิต สุดพุ่ม สส.นครศรีธรรมราช ไม่ปรากฏว่าลงคะแนนใดๆ แจ้งลาประชุมเพราะมีปัญหาสุขภาพ

สว.สาย “ลุงตู่” เทคะแนนให้พรึ่บ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของ สว.ที่ลงมติเห็นชอบนายเศรษฐาเป็นนายกฯ 152 เสียง พบว่าส่วนใหญ่เป็น ส.ส.สายทหารในฝั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม อาทิ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา น้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึงบรรดาเพื่อนร่วมรุ่น ตท.12ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ลงคะแนนหนุนนายเศรษฐา อาทิ พล.ต.กลชัย สุวรรณบูรณ์ พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ พล.ท.จเรศักดิ์ อานุภาพ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ พล.อ.ดนัย มีชูเวท พล.อ.ฉัตรชัย สาลิกัลยะ พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร

เด็กสาย “บิ๊กป้อม” งดออกเสียง

ขณะที่ สว.สายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. ส่วนใหญ่ลงมติงดออกเสียง เช่น พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ พล.อ.อู้ด เบื้องบน พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ ขณะที่ พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ น้องชายพล.อ.ประวิตร ไม่มาร่วมประชุม นอกจากนี้ยังมี สว.สายวิชาการ สายอดีตข้าราชการ นักธุรกิจบางส่วนลงมติงดออกเสียงเช่นกัน อาทิ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล นายบุญทรง ไข่เกษ น.ส.ปิยฉัฏฐ์ วันเฉลิม นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ นางสุวรรณี สิริเวชชะพันธ์ นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ นายพีระศักดิ์ พอจิต พล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม ส่วน สว.ที่ลงมติไม่สนับสนุนนายเศรษฐา 13 คน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม สว.ที่แสดงเจตนารมณ์ตั้งแต่แรกไม่สนับสนุนนายเศรษฐา อาทิ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม นายสมชาย แสวงการ นายเสรี สุวรรณภานนท์

ก๊วน 16 สส.ดิ้นเป็นอะไหล่ร่วมรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรค ปชป.ว่า ก่อนโหวตแกนนำกลุ่ม สส.คือ นายเดชอิศว์ ขาวทอง และนายชัยชนะ เดชเดโช ได้ไปหารือกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหัวหน้าพรรค พท.ว่า เสียงยังก้ำกึ่งพวกตนพร้อมจะโหวตเติมให้ แต่ต้องได้ร่วมรัฐบาล เป็นที่มาของการโหวตสวนมติพรรค โดยกลุ่ม สส. 16 คนไม่ได้แสดงตนในที่ประชุม แต่ไปนั่งรวมตัวกันด้านนอกห้องประชุม จนเมื่อทราบว่าผลโหวตเสียงเกิน 375 เสียงไปแล้ว ได้คุยกันกับแกนนำพรรค พท.ว่าจะยังโหวตเห็นชอบให้ ขอเป็นอะไหล่ กรณีที่พรรค ภท.ต้องการเจรจาต่อรองขอกระทรวงเกรดเอจากพรรค พท. หากพรรค ภท.ไม่ได้และถอนตัวดึง 71 เสียงออกไปจะเหลือ 411 เสียง ถ้าบวกกับกลุ่มของตนมี 16 เสียงพร้อมเสียบทันที จะได้ 427 เสียงเสริมความแข็งแกร่งของรัฐบาล พท.โดยไม่ต้องพึ่งพรรค ภท. ทั้งกลุ่มจึงโหวตเห็นชอบให้นายเศรษฐา ทั้งที่ในที่ประชุมพรรคเมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ สส.สงขลา กล่าวในที่ประชุมพรรคเองว่าการโหวตครั้งนี้โหวตได้แค่ 2 อย่างคืองดออกเสียงหรือไม่เห็นชอบเท่านั้น

เศรษฐานายกฯ โหวตฉลุย ลั่นจะทำดีที่สุด ยกระดับความเป็นอยู่คนไทย จ่อควบขุนคลัง (คลิป)

“ชวน” กรีดพวกทรยศขัดมติพรรค

ขณะที่นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อและอดีตหัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า ไม่น่าเชื่อว่า สส.ของพรรค ปชป.ชุดนี้ จะโหวตออกมาอย่างนี้ ได้ชี้แจงที่ประชุมพรรคตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.ไปแล้วว่าต้องขออนุญาตโหวตไม่เห็นชอบ เพราะเราต่อสู้กับพรรค พท.มาตลอด 3-4 สมัย โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ที่เขากลั่นแกล้งตัดงบฯการพัฒนาพื้นที่ ต้องทำหนังสือหลายฉบับถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ให้จัดงบฯมาทดแทนชดเชยเพื่อให้ทัดเทียมภาคอื่น ตนโหวตไม่ใช่ขัดต่อมติพรรคเเต่ย้ำจุดยืน “ไม่ทรยศคนใต้” แต่ที่น่าตลกเพราะคนในกลุ่มนี้บางคนขู่ไว้ว่าตอนที่เขาจะไปร่วมว่าต้องทำตามมติพรรค หากใครไม่ทำตามมติพรรคต้องเอาออก วันนี้ผมไม่ได้ทำผิดมติพรรคขออนุญาตที่ประชุมพรรคแล้วว่าจะขอไม่โหวตให้ และพรรคได้มีมติงดออกเสียง แต่วันนี้สิ่งนี้กลับย้อนไปที่ตัวเขาเองด้วยการขัดมติพรรคเสียเอง

กลุ่ม 16 สส.ปิดปากปิดมือถือหนีสื่อ

ผู้สื่อข่าวได้โทร.หา สส.ในกลุ่มดังกล่าว เพื่อสอบถามถึงเหตุผลในการโหวตให้นายเศรษฐา ซึ่งสวนมติพรรค แต่ต่างปิดมือถือ และบางคนปฏิเสธให้สัมภาษณ์ อ้างว่าไม่สะดวก จากนั้นได้ตัดสัญญาณมือถือทิ้งทันที

“เศรษฐา” ยิ้มร่ามั่นใจนั่งนายกฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่า ภายหลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางกลับถึงประเทศไทย มีกลุ่มมวลชนเสื้อแดงทยอยเดินทางเข้าไปรวมตัวกันที่ทำการพรรค พท.อย่างต่อเนื่อง ต่างพูดคุยถึงการกลับมาของนายทักษิณไม่ขาดปาก รวมถึงมารอให้กำลังใจนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรค พท.อย่างคึกคัก กระทั่งเวลา 14.30 น.นายเศรษฐาเดินทางเข้าที่ทำการพรรคด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เมื่อเดินทางมาถึงได้ยกมือไหว้ทักทายสื่อมวลชน มวลชนเสื้อแดงต่างตะโกนเชียร์ “นายกฯเศรษฐา” และ “เรารักเพื่อไทย” ดังกึกก้อง เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ลุ้นหรือไม่กับการโหวตนายกฯ นายเศรษฐาตอบว่า “ลุ้นครับ” เมื่อถามว่า มีความมั่นใจหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า “สู้ๆครับ คอยผลโหวตครับ ก็มั่นใจ หวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี ยืนยันว่าสู้ครับ”

ผ่านครึ่งทางเส้นทางโล่งผ่านฉลุย

กระทั่งเวลา 15.30 น. นายเศรษฐาได้ลงมาทักทายสื่อมวลชนที่ปักหลักทำข่าวรอผลการโหวตจากรัฐสภาที่พรรค พท. โดยนายเศรษฐามีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เดินไปที่จอมอนิเตอร์ดูผลโหวตนายกฯแบบเรียลไทม์ที่พรรคเตรียมไว้ เมื่อถามว่าตื่นเต้นหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า “ไม่ครับ” เมื่อถามต่อว่าที่ไม่รู้สึกตื่นเต้นเป็นเพราะมั่นใจผลโหวตวันนี้ใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า “ไม่เกี่ยวกัน” เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าจะได้เป็นนายกฯ คนที่ 30 แล้ว เนื่องจาก สว.จะยกมือโหวตให้ นายเศรษฐากล่าวว่า “ไม่ทราบครับ รออีกนิด อีก 1 ชั่วโมงจะรู้ผลแล้ว ไม่ว่าผลออกมาเป็นอย่างไรจะแถลง” ทั้งนี้กลุ่มผู้สนับสนุนและกลุ่มคนเสื้อแดงยังคงปักหลักที่พรรค พท.ร่วมลุ้นผลการโหวตนายกฯ โดยส่งเสียงเชียร์ ปรบมือเฮลั่นดีใจ เมื่อได้ยินเสียง สส.และ สว.โหวตเห็นชอบให้นายเศรษฐา

จนท.ตั้งโต๊ะพิธีรับราชโองการฯ

เมื่อเวลา 18.20 น. มีรถของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีทั้งรถยนต์ รถตู้ รถหกล้อ มายังพรรคพท.เพื่อนำพระบรมฉายาลักษณ์ พุ่มเงินพุ่มทอง โต๊ะพิธี ธงชาติไทย ธงประจำนายกรัฐมนตรี พร้อมดอกไม้สดที่กองพิธีการจัดเตรียมมา เพื่อรอรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการเตรียมพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯนายกฯคนที่ 30 จากเจ้าหน้าที่พรรค พท.เนื่องจากมีกระแสข่าวจะได้รับการโปรดเกล้าฯ ลงมาในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่พรรค พท.ชี้แจงว่า ขณะนี้ประธานรัฐสภายังไม่ส่งเรื่องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ต้องรอพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯในวันต่อไป

“เศรษฐา” แถลงขอบคุณ สส.-สว.

จากนั้นเวลา 18.35 น. นายเศรษฐา ทวีสิน ว่าที่นายกฯ แถลงว่า วันนี้ตน นายเศรษฐารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับเลือกเป็นนายกฯ คนที่ 30 อยากขอขอบคุณประชาชนคนไทยทุกคน พรรคร่วมรัฐบาล สส. สว.ทุกท่านที่ร่วมในการโหวต จะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด จะลืมความเหน็ดเหนื่อยที่ผ่านมา ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทยทุกคน ทั้งนี้ ขั้นตอนต่อไปต้องรอพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯก่อน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีพรรคร่วมรัฐบาลโทรศัพท์มาแสดงความยินดีแล้ว เมื่อถามว่าพร้อมลุยกับงานใช่หรือไม่ นายเศรษฐายกกำปั้นแล้วตอบว่า “พร้อม”

เศรษฐานายกฯ โหวตฉลุย ลั่นจะทำดีที่สุด ยกระดับความเป็นอยู่คนไทย จ่อควบขุนคลัง (คลิป)

“อุ๊งอิ๊ง” ร่วมให้กำลังใจว่าที่นายกฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังแถลงเสร็จสิ้น นายเศรษฐาได้เดินทางไปพบมวลชนที่มารอกำลังใจอยู่ที่พรรค พท. โดยมวลชนต่างตะโกน “นายกฯ เศรษฐา” อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้เดินทางเข้าไปยังพรรค พท. และตรงเข้าไปแสดงความยินดีกับนายเศรษฐากลางวงมวลชนคนเสื้อแดงไปพร้อมๆกันอย่างคึกคัก

ครม.เศรษฐา 1 พท.ทิ้ง มท.คุมคมนาคม

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเจรจาต่อรองจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี ภายหลังที่ประชุมร่วมรัฐสภามีมติเห็นชอบให้นายเศรษฐา ทวีสิน ดำรงตำแหน่งนายกฯ โควตารัฐมนตรีเบื้องต้นพรรค พท.ได้แจ้งให้ พรรคร่วมรัฐบาลทราบในเบื้องต้น เมื่อช่วงดึกวันที่ 21 ส.ค. โดยคาดว่านายเศรษฐาจะควบ รมว.คลัง เพื่อผลักดันนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท. จะดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ กระทรวงคมนาคมมีชื่อนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สส.บัญชีรายชื่อ และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค เป็นคู่ชิง หากนายสุริยะได้นั่งตำแหน่งดังกล่าว อาจขยับนายประเสริฐไปนั่ง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่ตีตราจองนั่ง กระทรวงคมนาคมเช่นเดิม แต่พรรค พท.ต่อรองขอบริหารกระทรวงคมนาคมเอง ทำให้มีแนวโน้มสูง ที่ ภท.จะไปกำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย โดยนายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรค ภท. มีโอกาส นั่งรองนายกฯ ควบ รมว.มหาดไทย นอกจากนี้ พรรค ภท.ยังจะได้คุม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม

รทสช.ดูพลังงานสมใจ พปชร.ยึด กษ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จะได้ดูแล รมว.พลังงาน และจะได้โควตา รัฐมนตรีอีก 1 เก้าอี้ ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมหรือแรงงาน ส่วนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีแนวโน้มจะส่ง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธาน ที่ปรึกษาพรรค พปชร. ไปดำรงตำแหน่ง รองนายกฯควบ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ส่วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค พปชร.ลุ้นขึ้นชั้น รมว.เกษตรและสหกรณ์ โดยมีคู่แข่งคนสำคัญคือ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรค พท. ที่หมายมั่นปั้นมืออยากเข้ามาสานต่องานด้านเกษตรกรรม นโยบายหลักของพรรค พท.

จับตา “เสี่ยนิด” เขย่าโผเกลี่ยโควตาใหม่

ขณะที่นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ที่มี สส.10 เสียง แม้ต้องการนั่งเก้าอี้ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตามเดิม แต่มีโอกาสสูงจะถูกโยกไปนั่งกระทรวงอื่น โดยมีโอกาสจะไปนั่งตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ สำหรับพรรคประชาชาติ (ปช.) เตรียมส่ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง นั่ง รมว.ยุติธรรม อย่างไรก็ตาม มีกระแสข่าวว่าภายหลังการโหวตนายเศรษฐาขึ้นดำรงตำแหน่งนายกฯ เรียบร้อยแล้ว อาจมีการเกลี่ยโควตารัฐมนตรีใหม่กัน อีกรอบ เนื่องจากการต่อรองเก้าอี้ในหลายกระทรวง ยังไม่ได้ข้อยุติ ต้องหาข้อสรุปอีกครั้ง

“ปิยบุตร” ปลุก ก.ก.หัวหอกพลังใหม่

เมื่อเวลา 17.00 น. นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ทวีตข้อความว่า นี่คือมหกรรมการรวมหัวกันของชนชั้นนำจารีตประเพณี ชนชั้นนำทางการเมืองเดิมและชนชั้นนำทางเศรษฐกิจทำ Passive Revolution เพื่อรักษาสถานะและอำนาจนำของพวกตนไว้ และบั่นทอนบอนไซ ทำลายพลังใหม่ที่กำลังก่อตัว ท้าทายพวกเขา รอบนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ความคิดจิตใจของผู้คนเปลี่ยนไปมากแล้ว พรรคก้าวไกล “ต้อง” ปวารณาสถาปนาตนเป็นตัวแทนของพลังใหม่ และเป็นยานพาหนะของประชาชนคนส่วนใหญ่ผู้ถูกปกครอง การต่อสู้ทางประวัติศาสตร์หน้าใหม่เริ่มขึ้นอย่างเด่นชัดแล้ว เส้นแบ่งใหม่ถูกขีดขึ้นแล้ว ยืนตัวตรง ทะนง องอาจ นำการต่อสู้ให้สมกับที่ประชาชนมอบอาณัติและฝากความหวังไว้

“พิธา” ย้ำ ปชช.ไม่มีวันอยู่ดีกินดี

ขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก.โพสต์เฟซบุ๊กตอนหนึ่งว่า ตลอด 3 เดือน ทุกองคาพยพทางการเมือง พร้อมใจกันปิดสวิตช์ก้าวไกล จนได้รัฐบาลผสมพันธุ์ข้ามขั้ว ขัดความรู้สึกพี่น้องประชาชน เมื่อติดกระดุมเม็ดแรกผิด ไม่มีวันที่รัฐบาลผสมพันธุ์ข้ามขั้วจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมได้ ไม่ว่าจะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี หรือมีเกียรติศักดิ์ศรีใดๆได้ ก้าวไกลภายใต้การนำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะเป็นตัวแทนพลังใหม่ ตรวจสอบการทำงานของผู้มีอำนาจอย่างเต็มที่ เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน ไม่มีวันทรยศหักหลังต่อความไว้วางใจที่พี่น้องให้มาแน่นอน

“ต๋อม” ลั่นเตรียมพบฝ่ายค้านเชิงรุก

นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ก.ก.แถลงว่า การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ มิใช่การสลายขั้วความขัดแย้ง โดยเอาวาระของประชาชน วาระประเทศเป็นตัวตั้ง แต่เป็นการสยบยอมต่อลมหายใจให้ระบบการเมืองของคณะรัฐประหารปี 57 พยายามสถาปนาขึ้นทำลายความหวังความศรัทธาอำนาจของประชาชน ตามระบอบประชาธิปไตย จากนี้พรรค ก.ก.จะเป็นฝ่ายค้านเชิงรุกสุดความสามารถ รวมทั้งทำงานกับประชาชนนอกสภาฯ สร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมร่วมกันอย่างไม่ท้อถอย สักวันหนึ่งเราจะมีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง มีระบบเศรษฐกิจก้าวหน้า เท่าทันโลกและเป็นธรรม มีสังคมที่เคารพสิทธิเสรีภาพพื้นฐาน ยึดความมั่นคงประชาชนเป็นความมั่นคงของชาติ

“เสรี” ส่งไม้สอบปมเลี่ยงภาษี

นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว.ในฐานะประธาน กมธ.พัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวถึงการตรวจสอบคุณสมบัตินายเศรษฐา ทวีสิน ที่ได้รับเสียงเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภาให้เป็นนายกฯกรณีการเลี่ยงภาษีซื้อขายที่ดินว่า ในการประชุม กมธ.เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่ประชุมมีมติส่งเรื่องให้ กมธ. เศรษฐกิจ การเงิน การคลัง วุฒิสภา ตรวจสอบกรณีการเลี่ยงภาษีซื้อขายที่ดินของนายเศรษฐาต่อไปเพราะมีความเชี่ยวชาญตรวจสอบมากกว่า กมธ.พัฒนาการเมือง ไม่ได้เกี่ยวกับการที่นายเศรษฐาได้เป็นนายกฯแล้วจะไม่ตรวจสอบ เรื่องนี้ยังต้องว่าไปตามกระบวนการ