กรมราชทัณฑ์แถลงข่าวมาตรการดูแล "ทักษิณ ชินวัตร" ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เผยแยกให้อยู่คนเดียว เนื่องจากเป็นกลุ่มเปราะบาง มีโรคประจำตัว 

วันที่ 22 สิงหาคม 2566 มีรายงานว่า จากกรณี "นายทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาถึงท่าอากาศยานดอนเมืองแล้ว ด้วยเครื่องบินส่วนตัวจากนั้นได้เดินทางออกมาทักทายแกนนำ "พรรคเพื่อไทย" และมวลชนเสื้อแดงด้วยรอยยิ้ม ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้พาตัวไปยังศาลฎีกา จากนั้นเมื่อเวลา 11.24 น. เจ้าหน้าที่ได้พาตัวเข้าสู่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยศาลพิพากษาจำคุก 3 คดี นับรวม 8 ปี ตามที่ได้รายงานไปแล้วนั้น

ล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น. มีรายงานว่า นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม, ดร.อายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์, นายสิทธิ สุชีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์, นายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร, นายแพทย์วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ได้ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับมาตรการดูแล นายทักษิณ ชินวัตร

โดยนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ทางกระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ ได้ทำหน้าที่สมบูรณ์ในการรับตัว นายทักษิณเข้าสู่เรือนจำ โดยทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ดร.อายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ ได้ดำเนินการตามนโยบายที่ได้รับมอบไว้ 3 ประการ คือ ประการแรกดูเรื่องความปลอดภัยของอดีตนายกฯ เป็นหลัก เนื่องจากเรือนจำมีผู้ต้องขังหลายคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเป็นอยู่ อาหาร น้ำดื่ม การเข้าเยี่ยม

...

ประการที่ 2 เนื่องจากนายทักษิณ มีครอบครัวและเพื่อน รวมทั้งองค์กรต่างๆ ซึ่งมีจำนวนมาก ทางเรือนจำต้องจัดสถานที่ให้เพียงต่อการเยี่ยมเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน จึงต้องอะลุ่มอล่วย ซึ่งเรือนจำต้องนำเรื่องนี้ไปจัดการ ประการที่ 3 เนื่องจากนายทักษิณเป็นผู้สูงอายุ อายุ 74 ปี ทางเรือนจำจึงค่อนข้างต้องดูแลเรื่องสุขภาพอนามัยเป็นหลักเพื่อไม่ให้เกิดความเจ็บป่วย โดยทางกรมราชทัณฑ์ได้รับตัวนายทักษิณ มีการทำประวัติ และตรวจสุขภาพเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อย่างปลอดภัย

ด้านนายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ทางกรมราชทัณฑ์ โดยเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้ดำเนินการตามมาตรการรับตัวคนเข้าใหม่ โดยแพทย์ของทัณฑสถาน กรมราชทัณฑ์ พบว่านายทักษิณเป็นกลุ่มเปราะบาง อายุเกิน 60 ปี และจากประวัติทางการรักษาที่ผ่านมา ผลการตรวจเบื้องต้นมีโรคประจำตัวที่ต้องเฝ้าระวังต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง ที่ต้องดูแลโดยแพทย์เฉพาะทาง 

ในเบื้องต้นทางเรือนจำพิเศษได้แยกการคุมขังไว้ที่แดน 7 ซึ่งเป็นสถานพยาบาลของเรือนจำกรุงเทพมหานคร เฉพาะท่านคนเดียวและจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง 24 ชม.

นายแพทย์วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาล กล่าวว่า โรคที่เฝ้าระวังคือ โรคหัวใจ คือภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อยู่ระหว่างการติดตามการรักษา ทานยาละลายลิ่มเลือด มีปัญหาทางปอด เนื่องจากมีประวัติเป็นปอดอักเสบรุนแรงจากการติดเชื้อโควิด-19 แม้จะหายแล้วแต่ยังมีพังผืดในปอด ทำให้มีอาการเหนื่อยง่าย โดยทั้ง 2 โรคจำเป็นต้องเฝ้าระวังและการดูแล 3. ความดันโลหิตสูง รักษาโดยการรับประทานยา มีความดันโลหิตที่ผิดปกติ 4.ภาวะเสื่อมตามอายุ มีภาวะกระดูกสันหลังเสื่อมในหลายระดับ มีการกดทับเส้นประสาท ทำให้มีการปวดเรื้อรัง การเดิน ทรงตัวผิดปกติ ทั้งนี้นายทักษิณเป็นกลุ่มเปราะบาง ดังนั้นจึงต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของเรือนจำ ที่ต้องจำเป็นต้องอยู่พื้นที่เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดปลอดภัย หากเจ็บป่วยสามารถเข้ารักษาได้ทันท่วงที

นายนัสที ทองปลาด กล่าวว่า ในส่วนของการปฏิบัติ เมื่อมีการรับตัว หลังจากรับตัวเสร็จก็จะจำแนกไปอยู่ตามลักษณะของผู้ต้องขัง หากเป็นกลุ่มเปราะบางจะต้องมีแดนสถานพยาบาล สำหรับกิจกรรมอื่นๆ จะเป็นเช่นเดียวกับคนอื่น ไม่ว่าเป็นอาหาร การทำกิจกรรมต่างๆ รวมไปถึงสิทธิในการพบทนาย การเยี่ยมญาติ ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ 

สำหรับมาตรการดูแลในกลุ่มเปราะบางจะยึดหลักของความปลอดภัย มีอาหารของเรือนจำ อาจจะไม่เหมาะกับคนที่อยู่ข้างในอาจจะใช้ระบบของการสงเคราะห์ เช่น ระบบร้านค้า ซึ่งจะมีรายการอาหารที่เหมาะสมต่อสุขภาพ อาจจะใช้เงินซื้อได้วันละ 500-600 บาท คนข้างในทุกคนสามารถเลือกบริโภคได้ เพราะเราไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อลิดรอนเรื่องสุขภาพ

ทั้งนี้ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า อาการของนายทักษิณนั้นปกติ ไม่มีอาการวิตกกังวล ไม่ได้ร้องขออะไรพิเศษ ในส่วนของทรงผมถ้าไม่ยาวก็จะไม่ตัด ไม่ใช่กล้อนผมอย่างนักโทษทั่วไป เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ และเป็นผู้สูงอายุ การขั้นตอนการกักตัวจะอยู่ในอาคารสถานพยาบาลของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จัดให้อยู่คนเดียว ไม่ปะปนกับคนอื่น เมื่อครบ 10 วันตามกำหนด ต้องดูว่า ผบ.เรือนจำจะจัดอย่างไร แต่จะต้องดูเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก ต้องดูว่าต้องอยู่เดี่ยว หรือผู้ต้องขังที่เป็นอาสาสมัครเข้ามา ซึ่งทางเรือนจำจะต้องพิจารณาอีกครั้ง รวมทั้งต้องเฝ้าระวังไม่ให้ติดโควิด-19 อีกครั้ง 

นายสิทธิ สุชีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า มาตรการเยี่ยมของทางเรือนจำ เบื้องต้นตามมาตรการกักตัวจะต้องกักตัว 10 วัน โดย 5 วันแรกจะเป็นแบบเข้มข้น จะอยู่ในห้อง มีแต่ทนายความตามกฎหมายเท่านั้นที่จะพบได้ แต่ในช่วง 5 วันหลังจะเป็นการผ่อนปรน อนุญาตให้ญาติเยี่ยมได้ผ่านทางแอปฯ ไลน์ 

สำหรับในเรื่องของการยื่นเอกสาร สามารถยื่นได้ตั้งแต่วันแรก ซึ่งทางเรือนจำมีหน้าที่พิจารณา แล้วส่งไปยังกรมราชทัณฑ์ แล้วส่งไปกระทรวงยุติธรรมแล้วส่งไปยังนายกรัฐมนตรีเพื่อลงนาม จะเป็นการยื่นเฉพาะรายบุคคล โดยทั่วไปจะใช้กระบวนการไม่เกิน 1-2 เดือน หลังจากเรื่องออกจากนายกรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งความช้าจะอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมเอกสาร