เสียบเข้าร่วมรัฐบาลเป็นพรรคล่าสุดถึงคิวพรรครวมไทยสร้างชาติโดดเกาะขบวนรัฐบาลพิเศษ เติมเสียงตั้งรัฐบาลให้พรรคเพื่อไทยอีก 36 เสียง
รัฐบาลใหม่หน้าตามอมแมม ผสมผสานขั้วประชาธิปไตย–อนุรักษ์นิยม เพราะหล่ออย่างเดียวตั้งรัฐบาลไม่ได้
เบ็ดเสร็จทัพนายใหญ่มีต้นทุนตัวเลขตั้งรัฐบาล 314 เสียง เหลือแค่ลุ้นหักด่านสำคัญ เกมโหวตนายกรัฐมนตรีวันที่ 22 ส.ค.นี้ จะได้เสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่ง ทะลุ 375 เสียงหรือไม่
แต่อย่างน้อยก็ได้คลายแรงเสียดทาน สัญญาณตอบรับมีทิศทางดีขึ้น ลดความเสี่ยงชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย จะถูกน็อกกลางสภา ไม่ได้รับความเห็นชอบเป็นนายกฯ
ภายหลังการเจรจาต่อรองเก้าอี้ ครม. “เพื่อไทย–ทีม 2 ลุง” และพรรคร่วมรัฐบาลต่างๆ เริ่มลงล็อก มีการพูดคุยจัดสรรปันส่วนผลประโยชน์ แบ่งเค้กการเมือง ตกปากรับคำให้สมน้ำสมเนื้อเป็นที่พอใจกันในระดับหนึ่ง
พรรคร่วมรัฐบาลขอเห็นของกันคร่าวๆ ใครจะได้จับจองกระทรวงใด ก่อนถึงวันโหวตนายกฯไม่ใช่ตีเช็กเปล่า โหวตให้ไปก่อน แล้วมาเกลี่ยเก้าอี้รัฐมนตรีในภายหลัง
...
กลัวเสียค่าโง่ซ้ำรอยพรรคก้าวไกลที่เสียรู้วืดเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายกรัฐมนตรีต้องกระเด็นเป็นฝ่ายค้าน
แต่ผลการแบ่งเค้กจะแฮปปี้เอนดิ้งไปตลอดรอดฝั่งหรือไม่ ต้องจับตาดูช่วง 2 วันก่อนถึงวันโหวตนายกฯ หากดีลต่อรองเก้าอี้ล่มตอนท้าย เกมโหวตนายกฯวันที่ 22 ส.ค.อาจยังไม่จบ
ความไม่แน่นอนยังมีซ่อนอยู่ เสียงโหวตนายกฯไม่นิ่ง บีบต่อรองตำแหน่ง ครม.ถึงนาทีสุดท้าย
อย่างที่เห็นอาการฟึดฟัดของ สว.รุมขย่มคุณสมบัติ “เศรษฐา” ปมถูกกล่าวหาเลี่ยงภาษีซื้อขายที่ดินที่ถูกขยายผลออกมาเป็นซีรีส์ยาว ไม่เลิกข้องใจแม้ “เสี่ยนิด” และทีมงานจะชี้แจงปากเปียกปากแฉะ การดำเนินการทุกอย่างทำอย่างโปร่งใส และยังเดินเกมเขย่าต่อเนื่องไปถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
แคนดิเดตนายกฯเพื่อไทยเจอทางวิบาก ไม่ใช่จะฝ่าด่านไปได้ง่ายๆ สถานการณ์ที่ยังไม่ชัวร์ 100% ชื่อ “เศรษฐา” จะม้วนเดียวจบ หรือม้วนเดียวจอดในสัปดาห์หน้า
ไฟต์บังคับเพื่อเก้าอี้นายกฯที่พรรคเพื่อไทยต้องแลกด้วยต้นทุนสูงลิบ กล้าเสี่ยงพลิกขั้วประชาธิปไตย ปล่อยมือพรรคก้าวไกลไปร่วมสังฆกรรมฝ่ายตรงข้าม
ยอมทนถูกตราหน้าทรยศเสียงประชาชน สูญเสียพันธมิตรในสภาและมวลชนนอกสภามหาศาล ยังไม่รู้จะคุ้มกับต้นทุนที่เสียไปหรือไม่ ในห้วงที่กระแสการเมืองพลิกคว่ำพลิกหงาย กลับตาลปัตรได้ตลอด
เพื่อไทยมีราคาที่ต้องจ่ายแพง เจอพรรคร่วมรัฐบาลขี่คอ ต่อรองยึดกระทรวงเกรดเอ หากต้องการความชัวร์ แลกเสียงผ่านโหวตนายกฯ
พรรคอันดับ 2 โดนพรรคอันดับ 3-4-5 ต่อรองหยิบชิ้น ปลามันสนุกมือ
อย่างที่ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ย้ำแล้วย้ำอีก ขอเฝ้าขุมทรัพย์กระทรวงเดิม กล้าใส่อารมณ์ “เศรษฐา” ที่หนุนหลักการห้ามอดีตพรรคร่วมรัฐบาลนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีตัวเดิม ป้องกันการสร้างอิทธิพลผูกขาด
แม้แต่กระทั่งพรรคเหนียมๆอย่างพรรคชาติไทยพัฒนา “เดอะท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคก็ยังเคืองๆ เมื่ออาจเสียโควตา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ไม่ต้องพูดถึงพรรค 2 ลุง “พลังประชารัฐ–รวมไทยสร้างชาติ” ตัวแปรสำคัญชี้ขาดเก้าอี้นายกฯ
ถึงจะต้นทุนต่ำ มี สส.แค่ 40 และ 36 เสียง แต่ออปชันสูงลิบ เพราะมีเสียง สว.เต็มไม้เต็มมือไว้ต่อรอง เป็นพรรคสถานะพิเศษ จ้องปาดหน้ายึดกระทรวงเกรดเอ
จุดชี้ขาดเกมโหวตนายกฯยังอยู่ที่พรรค 2 ลุง จะสั่งให้ สว.กดปุ่มไฟเขียวเต็มที่แค่ไหน แม้จะทำทีสนับสนุนเสียง สส. แต่หากไม่ส่งสัญญาณให้ สว.กดปุ่มโหวต เลือกนายกวันที่ 22 ส.ค.ก็ไปไม่รอด
พลังต่อรองเพื่อไทยอ่อนแรง ไม่มีอำนาจชี้นกเป็นนก ชี้ไม้ เป็นไม้ ถูกรุมบีบหน้าเขียว วืดกินรวบกระทรวงสำคัญ
สัญญาณทางลึกทีมนายใหญ่อาจหลุดคุมกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพราะเจอแรงกดดันพรรคร่วมรัฐบาลฉกเรียบ
ธรรมชาติการเมืองไทยกลับหัวกลับหาง คนชนะเลือกตั้งแต่ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล หรือแต้มต่อพรรคอันดับต้นๆกลับตกเป็นเบี้ยล่างพรรคลำดับรองๆลงไป
เพราะพรรคแกนนำตั้งรัฐบาล ไม่ใช่คนกุมดุลอำนาจตัวจริง!!!
ทีมข่าวการเมือง
คลิกอ่านคอลัมน์ "วิเคราะห์การเมือง" เพิ่มเติม