มท.1 ให้รอคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ พม. เคาะ ย้อนถาม คนอย่างผม ควรได้ด้วยไหม หลังสื่อถามดราม่าพิสูจน์ความจน ตอก “วิโรจน์” คุณเข้าใจผิด แซะลักไก่ทำช่วงรัฐบาลรักษาการ ยันตอนนี้ยังไม่ยุติ ตอบไม่ได้ว่าตัดไม่ตัด แต่ยืนยันคิดว่าต้องตัด 

วันที่ 14 ส.ค. 2566 พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการมหาดไทย ชี้แจงถึงกรณีการเปลี่ยนหลักเกณฑ์จ่ายเงินเบี้ยผู้สูงอายุ ว่า เรื่องเงินดูแลผู้สูงอายุ จริงๆ แล้วเป็นเรื่องของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. ที่เป็นเจ้าของเรื่อง โดยมีคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ เป็นผู้พิจารณาในเรื่องนี้ ตามหลักเกณฑ์

แต่งบประมาณส่วนนี้ นำมาให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นผู้จ่ายจึงเกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย เป็นที่มาว่าโดยกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะจ่ายได้นั้น กระทรวงมหาดไทยจะต้องออกระเบียบ เพื่อที่ให้เขาดำเนินการได้ แต่เคยมีปัญหาเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็จ่ายเงินตามปกติ ให้กับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปที่ลงทะเบียนแล้ว แต่เกิดประเด็นว่ากรมบัญชีกลางท้วง คนที่มีรายได้ ส่วนอื่นจากของรัฐจะรับอีกไม่ได้ ในช่วงนั้นก็มีการแก้ไขปัญหากัน สรุปว่าที่จ่ายไปแล้วก็ไม่เรียกคืน ที่เรียกคืนไปแล้วเราก็ไปจ่ายเงินคืนให้เหมือนเดิม

มาถึงตอนนี้จะจ่ายอย่างไรนั้น จึงอยู่ที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติเป็นคนกำหนด หลังจากนั้นมหาดไทยก็จะไปออกให้สอดคล้องกับที่กำหนดมา ขณะนี้ก็จะต้องบอกไปเพราะไม่ฉะนั้นเขาจะทำตัวไม่ถูก บอกว่าให้จ่าย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องรอ เกณฑ์ต่างๆ จากคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ

ส่วนที่บางคนไปเข้าใจผิดว่าตัดหรือไม่ตัดเบี้ย นั่นไม่ใช่ แต่เราบอกไปเพื่อที่จะให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้จ่ายได้ ส่วนจะจ่ายได้อย่างไรนั้นต้องรอดูจากคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเงื่อนไขเวลา เกี่ยวที่ว่าคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติจะกำหนดออกมาเมื่อไหร่อย่างไร

...

ส่วนที่ตอนนี้โซเชียล มีดราม่า ถึงการพิสูจน์ความจน พลเอกอนุพงษ์ ระบุว่า มันก็มีวิธีคิดได้หลายแบบ ก่อนจะย้อนถามว่าถ้าคนอย่างผมได้ด้วยเนี่ย คุณว่ายุติธรรมหรือไม่ ตนก็เป็นข้าราชการเกษียณแล้ว มีบำนาญ คุณคิดว่าผมควรได้ไหม ผมมีบำนาญ 60,000 กว่าบาทคุณคิดว่าผมควรได้ไหม นั่นแหละเป็นสิ่งที่เขาจะพิจารณาว่า คนแบบใดไม่ควรได้ คนแบบใดควรได้ จึงย้ำว่าเป็นเรื่องที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติเป็นคนกำหนดเรื่องนี้ มหาดไทย ก็ออกระเบียบ ให้สอดคล้องกับเขาเท่านั้นเอง อย่ามองด้านเดียวว่าไปตัดสิทธิ์ สรุปแล้วจะตัดไม่ตัดอย่างไร อยู่ที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ จะกำหนดเกณฑ์มา แต่ตนคิดว่าต้องตัด คนอย่างผมไม่ควรจะได้

ส่วนกรณีที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ออกมาแสดงความเห็นเรื่องนี้ว่าเป็นการลักไก่ทำช่วงรัฐบาลรักษาการ พลเอกอนุพงษ์ ระบุว่าตนก็บอกไปอยู่ว่า ตอนนี้ ยังไม่มี ยังไม่มีการทำอะไรเลย จนกว่าคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติกำหนดมา เพราะฉะนั้นที่พูดเนี่ยเข้าใจผิด ยังไม่มี ตอบได้หรือว่าจะให้หรือไม่ให้ ผมถามใหม่ว่า ถ้าให้เลย ผมได้ด้วยนะ ตนอายุ 70 ก็ได้ 700 ด้วย มันเหมาะสมไหม คนอย่างผมจะได้ เพราะฉะนั้นขอให้ดูผลของเขา ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ยุติ

ส่วนระหว่างนี้ก่อนที่จะมีระเบียบจากคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติออกมาท้องถิ่นจะทำอย่างไรนั้น พลเอกอนุพงษ์ ระบุว่าก็ต้องหารือไป ถ้าไปถึงวันนั้นแล้วยังไม่มีระเบียบออกมา ต้องหารือกันเพราะถ้าจ่ายไปแล้วไปเรียกคืนก็จะวุ่นอีก ถ้าบอกจ่ายหมด ผมได้ด้วยนะ ถึงวันนั้นคุณจะมาด่าอีกว่า คนอย่างผมไม่ควรจะได้