แนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ และกลุ่มเสรีมวลชนเพื่อสังคม ออกแถลงการณ์ร่วมกัน ชวนส่องไฟฉาย ณ ที่ทำการเพื่อไทยทุกสาขา จนกว่าจิตวิญญาณประชาธิปไตยจะหวนกลับคืน หลังจับมือพรรคการเมืองที่เคยเป็นนั่งร้านเผด็จการ
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 14 สิงหาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นำโดย น.ส.กัลยกร สุนทรพฤกษ์ หรือ จิ๊บ นัดหมายมวลชนแนวร่วมจัดกิจกรรม “ส่องไฟให้ทางประชาธิปไตย” ในเวลา 17.00 น. โดยจะเริ่มจากแยกปทุมวัน ไปยังแยกราชประสงค์ เพื่อแสดงออกถึงการคัดค้าน กรณีที่พรรคเพื่อไทยจับขั้วกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมเพื่อจัดตั้งรัฐบาล
ทั้งนี้ มีกลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ นำโดย นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายของประชาชน หรือ ไอลอว์ นำโต๊ะมาตั้งเพื่อล่า 50,000 รายชื่อ เปิดแคมเปญรณรงค์ “เขียนใหม่ทั้งฉบับ เลือกตั้ง 100%” โดยมีเป้าหมายที่จะให้การลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ที่จะเกิดขึ้น มีขึ้นภายใต้ข้อเรียกร้องของประชาชน
...
ขณะที่ก่อนการชุมนุมจะเริ่มขึ้น ได้เกิดฝนตกหนักลงมา ทำให้กิจกรรมต้องชะงักชั่วคราว มวลชนเข้าหลบฝนบริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร อีกทั้งมีกลุ่มศิลปินของราษฎร นำโดย นายโชคดี ร่มพฤกษ์ หรือ อาเล็ก มาบรรเลงเพลงขับกล่อมมวลชนช่วงระหว่างรอฝนหยุด จากนั้นเวลา 17.00 น. เมื่อฝนหยุดตก มวลชนทยอยเข้ามาที่จุดนัดหมายเพิ่มเติม เพื่อเตรียมร่วมกิจกรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และกลุ่มเสรีมวลชนเพื่อสังคม ออกแถลงการณ์ร่วมกัน โดยมีเนื้อหาว่า หลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้น ผลสรุปว่าฝ่ายประชาธิปไตยได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย แต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เนื่องด้วยกลยุทธ์ของเผด็จการที่วางเหล่า สว. ไว้เป็นเครื่องมือขวางมติของประชาชนผู้รักประชาธิปไตย โดยรัฐธรรมนูญที่ถูกสร้างมาเพื่อสืบทอดอำนาจเผด็จการ มิหนำซ้ำพรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายประชาธิปไตยอื่นๆ ก็เริ่มไปเห็นดีเห็นงาม และมีแนวโน้มที่จะผสมพันธุ์กับพรรคการเมืองที่ฝักใฝ่รับใช้เผด็จการ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่ผลลัพธ์ที่จะได้กลับมาคือผลลัพธ์ที่ไม่น่าพึงประสงค์ การที่พรรคการเมืองที่เคยเป็นนั่งร้านเผด็จการ จะได้กลับมามีอำนาจในการบริหารประเทศอีกครั้ง อันขัดกับเจตจำนงของประชาชนที่แสดงออกผ่านการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา สิ่งหนึ่งที่สำคัญต่อการลงคะแนนเลือกตั้งครั้งนี้ คือจุดยืนของพรรคการเมืองนั้นๆ ยืนอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยหรือเผด็จการ ผลออกมาชัดเจนว่าประชาชนเลือกพรรคฝ่ายประชาธิปไตย
แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายประชาธิปไตยอื่นๆ เริ่มมีแนวโน้มที่จะตระบัดสัตย์ หักหลังประชาชนจากคำพูดที่ว่า “มีเราไม่มีลุง” กลายเป็นเพียงเทคนิคการหาเสียง สังคมเริ่มตั้งคำถามว่า อะไรกันทำให้ฝ่ายประชาธิปไตยหน้ามืดตามัว จนลืมสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นทำไว้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นประชาชนที่สูญเสียทรัพย์สินหรือชีวิต ในช่วงสถานการณ์โควิด-19, คนที่จบชีวิตตัวเอง เพราะไม่สามารถหาเลี้ยงชีพได้, 99 ชีวิตที่สูญเสียไปในเหตุการณ์เรียกร้องประชาธิปไตยของพี่น้องคนเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์ ตอนปี 2553, ผู้ที่ถูกบังคับสูญหายอย่าง วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์, การจับกุมคุมขังเยาวชนที่เรียกร้องประชาธิปไตย, ผู้ที่ต้องลี้ภัยทางการเมือง และเรื่องเลวร้ายอีกมากมาย เหตุการณ์ทั้งหมดทั้งมวลล้วนแล้วมาจากฝีมือเผด็จการและนักการเมืองที่รับใช้เผด็จการทั้งสิ้น
“แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และกลุ่มเสรีมวลชนเพื่อสังคม จึงมีความคิดเห็นว่า มันถึงเวลาของประชาชนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่จะออกมาอีกครั้ง และร่วมกันส่องแสงสว่างให้ถึงหัวใจของสมาชิกพรรคเพื่อไทย เพื่อเรียกขานมโนธรรม ความยึดมั่นในจิตวิญญาณประชาธิปไตย และคำสัญญาที่ให้ไว้แก่ประชาชน ด้วยความหวังที่ต้องการให้ 8 พรรคฝ่ายประชาธิปไตยกลับมาจับมือกันอีกครั้ง เพื่อลบล้างผลพวงรัฐประหารทั้งหมดที่ทำร้ายประชาชนมามากกว่าสิบปี”
ดังนั้น แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และกลุ่มเสรีมวลชนเพื่อสังคม ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนและทุกกลุ่มองค์กรทั่วประเทศ มาร่วมแคมเปญส่องไฟให้ทางประชาธิปไตย ด้วยการร่วมกันทำกิจกรรมรวมตัวส่องไฟฉาย ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทยทุกสาขา หรือสถานที่สาธารณะต่างๆ จนกว่าจิตวิญญาณประชาธิปไตยจะหวนกลับคืนสู่พรรคเพื่อไทย
ล่าสุด เวลา 17.30 น. มีการประกาศจากรถติดเครื่องขยายเสียง เตรียมตั้งขบวนเพื่อเคลื่อนไปยังแยกราชประสงค์ ซึ่งความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป.
(ภาพ : ศรันย์ พงษ์สวัสดิ์)