ธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธาน นปช.เห็นใจ เพื่อไทย แต่ไม่เห็นด้วย จัดตั้งรัฐบาลร่วมพรรค 2 ลุง ชี้ พรรคอาจถึงจุดจบที่ทิ้งธงประชาธิปไตย และอยากให้กำลังใจ "ณัฐวุฒิ" แนะ ไปขาย "ข้าวแกง" น่าจะรุ่งกว่า
วันที่ 12 ส.ค. นางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธาน นปช. ได้ให้สัมภาษณ์กับไทยรัฐทีวี กรณีการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ที่จะมีพรรค 2 ลุงร่วมด้วยว่า การที่พรรคเพื่อไทยทำแบบนี้ จะทำให้ส่งผลกระทบต่อพรรคเพื่อไทย อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะผลการเลือกตั้งปีนี้ แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ประชาชนฝ่ายเสรีประชาธิปไตย มีความมุ่งมั่นที่อยากจะไล่ทั้ง 2 ลุง และอยากให้สังคมก้าวเข้าสู่การเป็นประชาธิปไตยโดยแท้จริง
การที่พรรคเพื่อไทยไปร่วมมือกับพรรค 2 ลุง จะทำให้พรรคเพื่อไทยสูญเสียฐานคะแนนเสียงเป็นจำนวนมาก และอาจเป็นครั้งใหญ่ที่สุด จนอาจจะเหมือนพรรคประชาธิปัตย์ เพราะธงผู้นำของพรรคเสรีฝ่ายประชาธิปไตย คุณได้สลัดทิ้งไปแล้วไปให้พรรคก้าวไกลเป็นผู้ถือธงนี้แทนแล้ว และคุณกลับไปถือธงของผู้นำฝ่ายอนุรักษนิยม
ส่วนคำว่าสลายขั้ว พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายที่สลายขั้วเองเท่านั้น ประชาชนไม่ได้สลายด้วย เพราะประชาชนที่ยังโหยหาและต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยยังอยู่ขั้วเดิม ไม่มีใครสลายได้ เพราะฉะนั้นแล้วฐานแฟนคลับของพรรคเพื่อไทย ที่มีอุดมการณ์ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยก็จะหายไป เหลือเพียงแฟนคลับที่นิยมชมชอบในตัวบุคคลเท่านั้น
แต่ต้องยอมรับว่า มีสิ่งที่น่าเห็นใจพรรคเพื่อไทยเหมือนกัน เพราะพรรคเพื่อไทยถูกบีบคั้นอย่างหนักจากระบบที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย และจากหลายๆ เรื่อง จึงจำยอมให้ต้องเป็นรัฐบาลแบบนี้
ดังนั้นเมื่อหากถามว่า คิดเห็นอย่างไรกับกับการที่เพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลโดยไปร่วมมือกับ 2 ลุง คือ “เห็นใจ แต่ไม่เห็นด้วย”
...
และการที่พรรคเพื่อไทยให้เหตุผลว่า การไปร่วมมือกับพรรค 2 ลุง เพราะพรรคก้าวไกลไม่สนับสนุน ตนมองว่า เหตุผลนี้น่าจะฟังขึ้น สำหรับกลุ่มแฟนคลับพรรคที่เห็นใจ และตนมองว่า การที่พรรคก้าวไกลจะโหวตให้แบบที่ขอนั้น เป็นการเสียสละอย่างมาก และที่สำคัญคือเสียอุดมการณ์ ซึ่งพรรคก้าวไกลเสียตรงนี้ไม่ได้อยู่แล้ว
“และพรรคเพื่อไทยคงยอมรับแล้วว่า นี่คงเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้เป็นรัฐบาลแล้ว”
ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นก็ถือว่า ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย เพราะก่อนหน้านี้ก็ได้มีการนินทาจากบุคคลต่างๆ ว่า มีดีลลับเกิดขึ้นมามากมาย แต่ในความคิดเห็นของตน ตนมองว่าพรรคเพื่อไทยทำพลาดมาหลายรอบ และพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่บอกแล้วไม่ฟัง ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
พรรคเพื่อไทยไม่รู้เขา (คือไม่รู้ฝั่งอำนาจนิยม) และพรรคเพื่อไทยไม่รู้เรา (คือไม่รู้ฝั่งประชาชน) ซึ่งส่วนนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ ปัจจุบันประชาชนไม่ได้ต้องการที่อยากจะต่อสู้เพื่อเศรษฐกิจปากท้อง แต่ประชาชนอยากต่อสู้เพื่อแก้ระบบโครงสร้างของประชาธิปไตยเพราะหากการเมืองดีปากท้องก็จะดีตาม เพราะฉะนั้นพรรคเพื่อไทยผิดตั้งแต่การวางแผนหาเสียงตั้งแต่แรกแล้ว แล้วก็ไปตกหลุมพรางในการหาเสียงของตัวเอง จึงทำให้กลายเป็นคนเสียสัจจะ
สำหรับอนาคตของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลในอีก 4 ปีข้างหน้า แน่นอนว่า News Voter ฝ่ายเสรีประชาธิปไตยจะมากขึ้น และประชาชนจะต้องการการเปลี่ยนแปลงของประเทศ ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจะเสียฐานเสียงนี้ไป แต่สิ่งที่พรรคเพื่อไทยจะเหลืออยู่คือฐานเสียงแบบเดิมก็คือบ้านใหญ่ และฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยที่จะย้ายไปก็คือไปอยู่พรรคก้าวไกล เพราะพรรคก้าวไกลเป็นผู้ถือธงประชาธิปไตยอยู่แล้วในตอนนี้
ถึงแม้ว่าในอีก 4 ปีข้างหน้า พรรคเพื่อไทยจะทำเศรษฐกิจให้ดีขนาดไหนก็จะไม่สามารถลบล้างการปฏิรูปโครงสร้างนี้ไปได้ เพราะที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคลุงตู่ ที่การพัฒนากระตุ้นให้เศรษฐกิจดีขึ้นแต่ประชาชนก็ไม่เอาเหมือนเดิม การที่คุณจะให้เงินกับประชาชน ประชาชนก็จะรับไว้ แต่ไม่ได้สนใจอะไรต่อ เพราะคุณแก้ไขแค่ปัญหาเฉพาะหน้า แต่คุณไม่ได้จัดการโครงสร้างเศรษฐกิจและการเมืองที่แก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำอย่างแท้จริง และประชาชนตาสว่างรู้ว่านี่เป็นการขายผ้าเอาหน้ารอด
และจากกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดง ออกมาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นการเผาเสื้อ หรือแสดงออกซึ่งความถอดถอยจากพรรคเพื่อไทย และมีคนมาบอกว่า เป็นการสร้างสถานการณ์จากกลุ่มคนอีกฝั่ง ตนมองว่า คนที่คิดและพูดแบบนี้ ไม่ใช่คนเสื้อแดงจริงๆ แต่เป็นเพียงคนที่ใส่เสื้อสีแดงของพรรคเพื่อไทย ที่เพิ่งจะเอาสีแดงมาใช้เป็นสัญลักษณ์ในการเลือกตั้งครั้ง
สุดท้ายนี้ ซึ่งความหมายของเสื้อแดงจริงๆ แล้วคือการต่อสู้และต่อต้านการรัฐประหาร และเผด็จการตั้งแต่ปี 2549 ขอย้ำว่า สีแดงไม่ใช่สีของพรรคเพื่อไทย ซึ่งพรรคไทยรักไทยเดิมสีประจำพรรคคือ สีขาว และสีน้ำเงิน ซึ่งสัญลักษณ์ของคนเสื้อแดงเราต่อสู้มาตั้งแต่ปี 2549 ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยตั้งแต่แรกแล้ว ซึ่งการที่จะเอาสีแดงมาเป็นสัญลักษณ์ประจำพรรค ตนมองว่า ไม่ได้เป็นอะไร แค่อยากจะบอกให้รู้ถึงความหมายว่า กลุ่มคนเสื้อแดงที่แท้จริงไม่ได้เป็นแฟนคลับของพรรคเพื่อไทยและจะเห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทยเสมอไป
ซึ่งตอนนี้ตนก็เห็นใจคุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ว่า คงจะเจ็บปวดน่าดู ตนก็อยากจะให้กำลังใจ เพราะคุณณัฐวุฒิมี DNA ของนักต่อสู้อยู่ในตัวอยู่แล้ว จึงอยากแนะนำคุณณัฐวุฒิ ว่า ให้ไปขาย "ข้าวแกง" น่าจะรุ่งกว่า