เพื่อไทยสงวนท่าสังฆกรรมพรรค 2 ลุง “ภูมิธรรม” ยันยังไม่ตั้งโต๊ะเจรจา พปชร. ตั้งเงื่อนไขใครอยากหนุนนายกฯ พท.ให้โชว์ตัวส่วนใครที่ไม่ยกมือโหวตให้ตัดออกจากสมการ รับจ่ายต้นทุนสูงแต่เชื่อว่าคุ้มค่า ลั่นไม่เกิน 1 เดือนฟอร์ม ครม.จบ ปิดดีล 315 เสียง ขอเสียง สว.อีกแค่ 59 คน รอแบ่งโควตา รมต. สูตร 10 สส. ต่อ 1 เก้าอี้ “พีระพันธุ์” ตั้งแง่ขอดูหน้าตาพรรคร่วมก่อน กั๊กหนุน “เศรษฐา-อิ๊ง” ติดปม 112 “ตู่-ป๊อก” เบิร์ธเดย์78ปี “พี่ใหญ่ป้อม” “อนุทิน-โอ๋-ชาดา” ยกทีมอวยพร

แม้นายไผ่ ลิกค์ กรรมการบริหารพรรคพลัง ประชารัฐ ประกาศขนทีม สส. 40 คน โหวตสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย แต่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันยังไม่มีการ เจรจาดึงพรรค 2 ลุงเข้าร่วมรัฐบาล ถ้าใครอยากหนุนก็ให้โชว์ตัว ส่วนใครที่ไม่ยกมือโหวตให้จะถูกตัดออกจากสมการ

พท.ยังไม่ตั้งโต๊ะเจรจา พปชร.

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 11 ส.ค. ที่พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประกาศขนทีม สส.ทั้ง 40 คน ของ พปชร. โหวตสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยว่า ต้องขอบคุณนายไผ่และ สส.พปชร. ทั้ง 40 คน ได้ยินว่านายไผ่ไม่ได้มีเงื่อนไขอะไร เห็นว่าประเทศต้องเดินไปข้างหน้า สนับสนุนให้มีรัฐบาลโดยเร็ว ชัดเจนว่าไม่มีเงื่อนไข แต่ใครจะร่วมกับเราบ้างอยู่ที่ว่าจะทำอย่างไรให้ได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ เพื่อผลักดันนโยบาย การดำเนินการของเรายืนยันไม่มีงูเห่า เพราะไม่ได้เอากล้วยไปซื้อ แต่เอาวาระประชาชนเป็นที่ตั้ง เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยและ พปชร.ต้องมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเหมือนพรรคอื่นหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่าวันนี้ยังไม่ได้กำหนด เพิ่งได้ยินนายไผ่พูด ยังไม่ได้ตกลงว่าจะร่วมรัฐบาลหรืออะไร

...

แบะท่าใครอยากหนุนให้โชว์ตัว

ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มีการพูดคุยว่าจะมีการประกาศเช่นนี้หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับพรรค พปชร. และพรรค รทสช. หากเห็นว่าเราเป็นแกนนำสามารถแก้ปัญหาประเทศได้ก็แสดงเจตนารมณ์ช่วยสนับสนุนเรา ตอนนี้เราไม่ทราบว่าใครจะสนับสนุนเราบ้าง ได้หมดเลยทั้งพรรคประชาธิปัตย์ พรรค รทสช. พรรคไทยสร้างไทย พรรคเป็นธรรม สามารถสนับสนุนได้หมด เพราะเราเป็นรัฐบาลพิเศษเอาวาระประชาชนเป็นหลักรับจ่ายต้นทุนสูงแต่เชื่อว่าคุ้มค่า เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลระบุว่าหากเอาพรรค 2 ลุงร่วมจะไม่โหวตให้ นายภูมิธรรมตอบว่า เราพูดกับก้าวไกลแล้วว่าทุกพรรคไม่ปรารถนาจะร่วมด้วย หากเราอยู่ในวังวนนั้นก็ไม่สามารถก้าวไปได้ วันนี้หากยังจับกับก้าวไกลเหมือนเดิมก็จะได้ 312 เสียง ไม่สามารถบรรลุได้ ตอนไปคุยกับพรรคก้าวไกล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เป็นคนพูดว่าเราไม่ได้มีอะไรต่อกัน ความรู้สึกยังดีต่อกัน มีบ้างที่แฟนคลับจะทะเลาะกัน ถือเป็นความเห็นต่าง แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือการทำงานร่วมกัน และหากต้องไปที่พรรคเขาและต้องเชื้อเชิญเราก็ยินดีไป เพราะปรารถนาจะตั้งรัฐบาลได้ด้วย สส. จะแก้วิกฤติได้ แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นก็มีทางเลือกอีกหลายทาง พรรคเพื่อไทยต้องจ่ายต้นทุนมาก ทุกวันนี้เราตัดสินใจทำไปด้วยความรับผิดชอบ รู้ว่าแม้ต้องจ่ายต้นทุนสูงแล้วได้ผลอย่างที่เราหวังก็ถือว่าคุ้มค่า ส่วนจะผิดจะถูกอย่างไรอยู่ในดุลพินิจของประชาชน พร้อมรับผลที่จะเกิดขึ้น

ลั่นไม่เกิน 1 เดือนฟอร์ม ครม.จบ

นายภูมิธรรมกล่าวว่า การที่เราไปพบพรรคก้าวไกลไม่ใช่ละครเหมือนที่หลายคนตั้งข้อสังเกต เราเดินไปอย่างเปิดเผย ไปถึง น.ส.แพทองธารเป็นคนเริ่มพูดคุย ต่างฝ่ายต่างเล่าเรื่องให้กันฟังว่าเราทำอะไรไปบ้าง การไปพบเราต้องการอะไร และมอบหมายให้ทีมเจรจาเป็นคนชี้แจง เมื่อถามว่าพรรค 2 ลุงที่จะมาโหวตให้เพื่อไทย จะดึงมาร่วมเพื่อเพิ่มเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่าทุกคนมีสิทธิยกมือให้พรรคเพื่อไทย แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องได้เป็นรัฐบาลร่วมกันทั้งหมด เมื่อนายกฯเป็นเพื่อไทยแล้ว การจัดตั้งรัฐบาลต้องมีหลายเงื่อนไข ทั้งเรื่องนโยบาย ตัวบุคคลที่จะมาเป็นรัฐมนตรี และอีกหลายอย่าง ถ้าศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าโหวตไปได้ พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย และให้โหวตผ่านไปเลยก็เดินหน้าต่อไปได้ ภายในหนึ่งเดือนอย่างช้าพรรคเพื่อไทยจะจัดตั้งคณะรัฐมนตรีเสร็จ นโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภาจะเสร็จก่อนเดือน ต.ค.

ใครไม่ยกมือตัดออกจากสมการ

เมื่อถามว่าการที่พรรค พปชร.จะร่วมโหวตให้เพื่อไทย เป็นการส่งสัญญาณว่า สว.จะร่วมโหวตให้ด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า วันนี้เราขอทุกภาคส่วนทั้ง สว. สส. เราต้องการการแสดงออก เมื่อถามว่าตัวเลขรัฐบาลที่มีเสถียรภาพควรอยู่ที่เท่าไหร่ นายภูมิธรรมตอบว่า เสถียรภาพที่มั่นคงแต่ละคนไม่เท่ากัน เป็นเรื่องที่พูดยาก แต่ต้องเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพถึงจะผลักดันนโยบายได้ เมื่อถามว่าดีลกับพรรค 2 ลุงจบแล้วใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่มีดีล ดีลคือเลือกนายกฯให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ไม่มีเงื่อนไข ไม่มีข้อตกลง เมื่อเลือกได้แล้วเราถึงจะดำเนินการ ใครเลือกเราก็อยู่ในเงื่อนไขที่ต้องคุยกันว่าจะมีส่วนร่วมกันได้ขนาดไหน ไม่เลือกก็ชัดเจนว่าไม่เอาเรา ไม่เป็นไร ถือว่าเราไม่มีพรรคเหล่านั้นในสมการ เมื่อถามย้ำว่าสรุปแล้วเสถียรภาพต้องมี 2 ลุงอยู่ในสมการหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่าคณิตศาสตร์การเมืองชัดเจนอยู่แล้วลองไปดู เป็นเกณฑ์บังคับให้เราต้องเดิน

ย้ำแค่เตือนตั้ง ขรก.ให้รอ รบ.ใหม่

นายภูมิธรรมยังกล่าวกรณี น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการได้ตามกฎหมายว่า ไม่ได้คัดค้านหรือบีบบังคับอะไร แต่ที่ออกคำแถลงไป 2 เรื่อง คือต้องการให้รัฐบาลรักษาการเข้าใจในกฎระเบียบ ข้อบังคับและธรรมเนียมปฏิบัติ และเสนอปลัดทุกกระทรวง หากมีรัฐบาลใหม่เกิดขึ้นก็ควรรอรับนโยบายรัฐบาลใหม่ ที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ ไม่ได้ไปสั่งปลัดกระทรวงหรือสั่งใคร เพียงแต่เสนอปลัดทุกกระทรวงว่าวันนี้รัฐบาลใหม่กำลังจะมาแล้ว ต้องมีนโยบายใหม่ที่แถลงต่อสภาฯ พวกท่านคือหัวขบวนของกลไกใหญ่ สามารถชะลอเพื่อให้กลไกนั้นสอดรับกับนโยบายรัฐบาลชุดใหม่

พท.เอาแน่ “ดิจิทัลวอลเล็ต”

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และโฆษกคณะกรรมการเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย แถลงถึงการเดินหน้านโยบายดิจิทัลวอลเล็ตว่า วันนี้พรรค พท.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จึงมาพร้อมความรับผิดชอบในนโยบายที่หาเสียง คือต้องดูแลประชาชน อยากประกาศอย่างเป็นทางการในการเดินหน้านโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ใช้ระบบการชำระเงินแบบใหม่เทคโนโลยีบล็อกเชน เงื่อนไขรับเงินคือต้องใช้ในรัศมี 4 กิโลเมตร แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามภูมิประเทศ และต้องถูกใช้ภายใน 6 เดือน ส่วนคนที่เข้าไม่ถึงแอปพลิเคชันนี้ ไม่มีปัญหา สามารถใช้บัตรประชาชนและโค้ดส่วนตัวได้ ส่วนกรณีที่มีความกังวลเรื่องเงินเฟ้อนั้น ยืนยันว่าทีมเศรษฐกิจทำความเห็นอย่างถี่ถ้วน ไม่ให้เกิดเงินเฟ้อ รวมถึงคำนึงผลกระทบทั้งทางบวกและลบในด้านความมั่นคงทางการคลัง ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางการคลังของประเทศ

ปิดดีล 315 เสียงรอแบ่งโควตา รมต.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า จากการเดินหน้ารวบรวมเสียงของพรรคเพื่อไทย ร่วมกับพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อโหวตเลือกนายกฯ ได้แก่พรรคภูมิใจไทย 71 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง พรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง พรรคชาติพัฒนากล้า 2 เสียง รวมถึงพรรคเสรีรวมไทย พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคท้องที่ไทย พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคละ 1 เสียง รวมเป็น 239 เสียง ล่าสุดพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แสดงความชัดเจนว่าจะยกทั้ง 40 เสียงสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ทำให้มีเสียงรวมกันอยู่ที่ 279 เสียง และมีกระแสข่าวว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ จะมายกมือโหวตให้กับแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย หากเป็นเช่นนั้นจะเพิ่มอีก 36 เสียง ทำให้รวบรวมเสียงได้ 315 เสียง จึงต้องการเสียง สว.เพิ่มเติมอีก 59 เสียง เพื่อให้ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด คือ 374 เสียง ส่วนโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีของแต่ละพรรคที่เข้ามาร่วมรัฐบาล ขณะนี้ยังไม่มี การหารือว่าแต่ละพรรคจะได้คนละกี่เก้าอี้ เพราะต้องเอาตัวเลขพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดมาคำนวณ โดยจะนำจำนวน 315 เสียงเป็นตัวตั้ง หารด้วยเก้าอี้รัฐมนตรี 35 เก้าอี้ ตกเฉลี่ย 8.9 เสียงต่อ 1 เก้าอี้ ทำให้อาจปัดเศษเป็น 10 ที่นั่ง สส.ต่อ 1 เก้าอี้รัฐมนตรี โดยจะมีความชัดเจนว่าพรรคไหนได้กระทรวงใดหลังเลือกนายกฯเสร็จ

“เศรษฐา” เมิน “ชูวิทย์” ยันบริสุทธิ์

เวลา 18.00 น. ที่สนามกีฬาบุณยะจินดา สโมสรตำรวจ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสสนับสนุนและคัดค้านที่ออกมาช่วงนี้ว่า เป็นธรรมดาตามระบอบประชาธิปไตย ที่มีคนรักและมีคนชอบ ส่วนที่กรรมาธิการจริยธรรมวุฒิสภา รับเรื่องนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ร้องสอบจริยธรรม เป็นนักการเมืองต้องตรวจสอบได้ ยืนยันในความบริสุทธิ์ เชื่อว่ากรรมาธิการฯจะให้ความเป็นธรรม แต่ขออาศัยสิทธิตามกฎหมายปกป้องสิทธิตัวเอง เมื่อถามว่ากังวลจะมีผลต่อเสียงสนับสนุนในรัฐสภาหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า หากพิสูจน์แล้วว่าทำถูกต้องตามกฎหมาย คิดว่าจะได้รับความไว้วางใจ ส่วนการแสดงวิสัยทัศน์ต่อรัฐสภานั้นตนไม่ได้เป็น สส. แต่หากได้รับเลือกแล้วคงต้องมีการชี้แจง

เชื่อเสียงผ่านฉลุยในครั้งเดียว

เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าจะมีเสียง สว.เข้ามาเพิ่ม นายเศรษฐาตอบว่า คณะเจรจากำลังดำเนินการอยู่ หวังว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนจากทั้ง สว.และทุกพรรคได้เสียงตอบรับที่ดี เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าจะได้รับคะแนนเสียงในการได้รับเลือกเป็นนายกฯในครั้งเดียว นายเศรษฐาตอบว่า มีความมั่นใจเพราะเชื่อในสิ่งที่ทำมา มองว่าในช่วงสถานการณ์การเมืองที่ไม่ปกติที่พรรคเพื่อไทยได้รับไม้ต่อในการจัดตั้งรัฐบาล เป็นหน้าที่เราที่ต้องรวบรวมเสียงให้พอ เพื่อเข้าไปมีอำนาจรัฐและจัดการปัญหาบ้านเมือง เมื่อถามว่าหากได้เป็นนายกฯจะเป็นคนเลือกรัฐมนตรีเองหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่าเรามีพรรคร่วมหลายพรรค หากได้โหวตให้เป็นนายกฯก็คงมีส่วนร่วมในการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล

อ้อมแอ้มต้องร่วมมือกับสองลุง

เมื่อถามว่าจะทำงานร่วมกับพรรค 2 ลุงได้หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า อย่าเพิ่งคิดไปไกลขนาดนั้น เรามีการแถลงจับมือกับหลายพรรค จนถึงวันนี้ถือว่าเป็นการพัฒนาในระดับที่ดีแล้ว และขอขอบคุณ สส.ทั้ง 40 คน ของพรรค พปชร.ที่จะยกมือโหวตให้ เอาไว้ให้ผ่านการโหวตแล้วค่อยมาพูดคุยกัน เมื่อถามย้ำว่าไม่ขัดใช่หรือไม่ที่จะทำงานร่วมกับ 2 ลุง นายเศรษฐาตอบว่า เอาเรื่องหลักการดีกว่า มองว่าเรื่องนโยบายเรื่องของประชาชนและเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่ที่เราต้องมาช่วยกัน เมื่อถามว่าหากพูดเรื่องหลักการ ก่อนหน้านี้บอกจะไม่จับมือกับ 2 ลุง แต่ตอนนี้เหมือนจะปิดดีลกับ 2 ลุงได้แล้ว นายเศรษฐาตอบว่า ตนพูดได้แค่นี้ แต่อยากเชิญ สส.ที่มีเอกสิทธิ์ช่วยร่วมโหวตให้ผ่าน เสร็จแล้วค่อยมาว่ากันว่าจะทำอย่างไรต่อไป เรื่องการเลือกตั้งผ่านไปแล้ว ผลก็เป็นที่ประจักษ์แล้ว วันนี้เราต้องอยู่กับความเป็นจริง เราต้องการมีรัฐบาลพรรคเพื่อไทย จำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องเข้ามาเป็นรัฐบาล เรื่องนโยบายพรรคร่วมก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณา เมื่อถามว่ากลัวว่าสิ่งที่เคยพูดไปก่อนหน้านี้จะกลับมาทิ่มแทงตัวเองหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า การกระทำหรือการพูดต้องมีคำอธิบายทุกอย่าง

ย้ำเป้าหมายหลักแก้รัฐธรรมนูญ

เมื่อถามว่าวัตถุประสงค์หลักของการเป็นรัฐบาลคือการแก้รัฐธรรมนูญ แต่มีพรรค 2 ลุงที่เป็นผู้ทำคลอดรัฐธรรมนูญฉบับนี้เข้าร่วม ยังยืนยันจะแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า หากเขาเข้ามาร่วมเขาต้องเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นนโยบายหลักของรัฐบาล โดยการนำของพรรคเพื่อไทยว่าต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญยืนยันว่าแม้มี 2 พรรคนี้เข้าร่วม เราก็จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ

“ไผ่” ยัน 40 สส.โหวตนายกฯ พท.

นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร กรรมการบริหารพรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์รายการ “มุมการเมือง” ทางไทยพีบีเอสว่า ยืนยัน 40 สส.พรรคพปชร. จะยกมือโหวตแคนดิเดตนายกฯพรรค พท. กลัวว่าหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปอาจทำให้ประเทศถึงทางตัน การบริหารราชการแผ่นดินยากลำบาก เห็นท่าทีพรรคก้าวไกลไม่ช่วยเราเลยออกมาเพื่อให้คลายตัว ตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯ พรรค พปชร. ไม่ได้สั่ง แต่พวกเราคุยกันไปไหนจะไปด้วยกัน อยู่ไหนอยู่ด้วยกัน เราไม่ได้เรียกร้องมีส่วนร่วมในการจัดตั้งรัฐบาล ไม่อยากให้สื่อมุ่งประเด็นว่า พล.อ.ประวิตร และพรรค พปชร.จะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ เพราะจะกลายเป็นประเด็นที่สร้างปัญหากระทบต่อการจัดตั้งรัฐบาล และยืนยันไม่มีงูเห่า กลุ่มตนเข้าตามตรอกออกตามประตู

“พีระพันธุ์”ตั้งแง่ขอดูหน้าตาก่อน

ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช. ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยว่า ยังไม่มีการติดต่อพูดคุยเจรจา หากมีติดต่อมาต้องคุยกันในพรรคก่อน ต้องดูว่ามีพรรคใดเข้ามาร่วมบ้าง นโยบายแต่ละพรรคเป็นอย่างไร เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรารับได้หรือไม่ และต้องดูว่าคนที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ มีทัศนคติ นโยบาย รวมถึงแนวทางเป็นอย่างไร หรือมีพรรคการเมืองที่เรารับไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ส่วนเรื่องการร่วมรัฐบาลหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

กั๊กหนุน “เศรษฐา-อิ๊ง” ติดปม 112

เมื่อถามว่าชัดเจนแล้วว่าพรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรค รทสช.พร้อมสนับสนุนหรือไม่ นายพีระพันธุ์ตอบว่า คงต้องถามความชัดเจนเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ก่อน เพราะนายเศรษฐาเคยให้สัมภาษณ์ว่าจะแก้ไข เช่นเดียวกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ที่เคยให้สัมภาษณ์ว่าจะนำ นโยบายบางอย่างจากพรรคร่วมเดิมคือพรรคก้าวไกลมาดำเนินการด้วย เมื่อถามย้ำว่าหากพรรคก้าวไกลร่วมโหวตหนุนนายเศรษฐา แต่ไม่เข้าร่วมรัฐบาลพรรค รทสช.จะร่วมโหวตด้วยหรือไม่ นายพีระพันธุ์ตอบว่า เป็นเรื่องของพรรคก้าวไกล อย่างไรก็ตามต้องเป็นมติพรรคตามระบบพรรค ไม่มีแบ่งกลุ่มแบ่งก้อน

“เฮ้ง” เคลียร์ใจคู่กรณีทุกคนแล้ว

นายสุชาติ ชมกลิ่น รองหัวหน้าพรรค รทสช. ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “มุมการเมือง” ทางไทยพีบีเอสว่า การโหวตนายกฯและการตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลต้องรอมติพรรค แต่ย้ำว่าสิทธิในการโหวตเป็นของผู้แทนที่ต้องการให้ประเทศเดินหน้า เป็นสิ่งที่นักการเมืองและพรรคการเมืองควรทำ เชื่อว่าพรรค รทสช.จะยึดถือชาติบ้านเมืองและไม่ฝืนความเจริญประเทศ นอกจากบ้านเมืองจะเดินหน้าแล้ว ยังถือเป็นการสร้างความสมานฉันท์ในชาติ แต่แน่นอนถ้าจะไปต้องไปทั้งพรรค ถ้าโหวตแล้วบ้านเมืองไปได้ทำไมจะไม่โหวต ยืนยันว่าไม่ขัดข้องที่จะร่วมงานการเมืองกับพรรค พท. แม้จะเคยอยู่ต่างขั้ว รวมถึงพรรค พปชร. และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค พปชร. มีการพูดคุยทำความเข้าใจกันแล้ว เป็นรุ่นพี่-รุ่นน้อง ตนเป็นเด็กมีสัมมาคารวะ คุยกันตั้งแต่ยังไม่รู้เลยว่าใครจะเป็นรัฐบาล ใครจะเป็นฝ่ายค้าน เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ยังไปอวยพรวันเกิด “ลุงป้อม” (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) หัวหน้าพรรค พปชร.

“อนุชา” โยน กก.บห.เคาะร่วม รบ.

นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายก รัฐมนตรี และ สส.ชัยนาท พรรค รทสช. กล่าวถึงกรณีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร พรรคเพื่อไทย เปิดประตูให้พรรค รทสช.เข้าร่วมรัฐบาลทั้งพรรคว่า เป็นเรื่องกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคจะไปคุยกัน ไม่ทราบอะไรเพราะไม่ได้เป็น กก.บห. แต่ยินดีทำตามมติพรรค เชื่อว่า กก.บห.จะเร่งพิจารณาอยู่แล้ว เมื่อถามว่ายืนยันว่าจะไปทั้งพรรคหรือไม่ นายอนุชาตอบว่า อยู่ที่ กก.บห. ส่วนสมาชิกไม่มีปัญหา เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับนายสมศักดิ์อย่างไรบ้าง นายอนุชาตอบว่า ไม่ได้พูดกันลึก เพราะอยู่คนละพรรค การพูดคุยต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ให้การเมืองเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา เมื่อถามย้ำว่าหากไปร่วมแล้วจะสามารถผลักดันนโยบายพรรค รทสช.ได้หมดหรือไม่ นายอนุชาตอบว่า การเป็นพรรคร่วมต้องยอมรับว่ามีกรอบ ที่ต้องร่วมมือและคุยกันให้ตกผลึกในการดำเนินนโยบายแต่ละอย่าง คิดว่าการผลักดันนโยบายได้ไม่มีปัญหา

มั่นใจได้ รบ.ชุดใหม่ปลาย ส.ค.

เมื่อถามว่าครั้งหน้าจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ นายอนุชาตอบว่า ส่วนตัวไม่เคยคิดและมีความสุขกับงานที่ทำทุกอย่าง ตนเป็นคนพูดน้อยแต่ตั้งใจทำงานให้เป็นรูปธรรม เมื่อถามย้ำว่าพรรคพปชร.เปิดตัวหนุนรัฐบาลเพื่อไทยไปแล้ว ถ้าพรรครทสช.ออกตัวช้าอาจตกขบวนหรือไม่ นายอนุชาตอบว่า ไม่เป็นไร ตนมองโลกในแง่บวกไม่เคยตำหนิใคร ทุกอย่างต้องเดินหน้าไม่เช่นนั้นจะดึงกันไปมา ถ้าเอาเรื่องเล็กมาเป็นประเด็น ประเทศชาติบ้านเมืองก็เดินไม่ได้ ตอนนี้ทุกอย่างไปเร็ว จะทำอะไรก็ทำเลย จะสำเร็จหรือไม่เป็นอีกเรื่อง ถ้าสำเร็จก็เป็นผลดีกับประเทศชาติ ถ้าไม่สำเร็จประชาชนจะตัดสินใจ การเมืองควรอยู่ในบริบทที่เป็นบวกบ้าง ตกขบวนก็ไม่เป็นไรเพราะถือว่าทำงานเป็นชิ้นเป็นอัน มั่นใจว่าปลายเดือน ส.ค.นี้จะได้รัฐบาลชุดใหม่

“ธนกร” เย้ย ก.ก.เหมาะฝ่ายค้าน

นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรค รทสช. กล่าวถึงกระแสข่าวการพูดคุยกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ชวนไปร่วมรัฐบาลว่า อย่างที่นายสมศักดิ์พูดคือจะไปก็ควรไปทั้งพรรค แต่ปัญหาคือตนไม่ได้อยู่ในวงเจรจา เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค ทำหน้าที่ได้แค่ส่งสัญญาณให้พรรค อาจมีการประสานงานกันแล้วก็ได้ หัวหน้าพรรคยังไม่ได้บอก แต่เชื่อว่าการจัดตั้งรัฐบาลใกล้จบแล้ว อีกไม่นานเราคงมีนายกฯคนใหม่ ตอนนี้ไม่ควรมีงูเห่าหรืองูจงอางแล้ว และพรรค รทสช.ควรมีความชัดเจนก่อนโหวตนายกฯ ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยยังคงไปคุยกับพรรคก้าวไกลอยู่ เราต้องเห็นใจพรรคเพื่อไทย วันนี้พรรคก้าวไกลต้องยอมรับ ไม่ใช่ว่าเสียงมากสุดแล้วจะได้เป็นนายกฯ และบางพรรคก็เหมาะที่จะเป็นฝ่ายค้าน

“นิกร” ไม่หูเบาเชื่อใจเพื่อไทย

ที่พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นายนิกร จำนง ผอ.พรรค ชทพ. กล่าวว่า การโหวตเลือกนายกฯที่กำลังจะมีขึ้นจากที่สัมผัสกับ สว.มาหลายคน บางคนเตือนว่าระวังถูกหลอก เรากำหนดคนอื่นไม่ได้ แต่ด้วยความที่เรามีสัจจะ เราต้องเชื่อด้วยว่าคนอื่นมีสัจจะด้วย ถึงเวลาที่เราต้องเชื่อกันบ้าง เพราะถ้าหากเราไม่เชื่อใครเลย สุดท้ายเราไม่เชื่อตัวเอง พรรค ชทพ.เชื่อตัวเองก่อนแล้วไปเชื่อคนอื่น ส่วนพรรค พท.เน้นนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในฐานะที่คลุกคลีอยู่กับเรื่องนี้มายาวนานเห็นว่า ดีที่สุดคือมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)โดยพรรค ชทพ.นำเสนอ คือ อย่าแตะหมวดหนึ่ง หมวดสอง และทำประชามติต่างหาก ไม่ใช่แก้ทั้งฉบับ ส่วนที่ สว.กังวลเรื่องแก้รัฐธรรมนูญแบบทะลุซอย เราใช้รัฐสภาตัดสิน สว.ไม่ว่าชุดนี้หรือชุดหน้าระงับยับยั้งได้อยู่แล้ว สว.ไม่น่ากังวล

“ชัยธวัช” อ้าง “วาโย” คุยเล่น “ไผ่”

ที่พรรคก้าวไกล นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ตอบโต้นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร พรรค พปชร.ว่า พรรค ก.ก.ไม่เคยพูดคุยเพื่อขอให้พรรค พปชร.โหวตให้นายพิธา  ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก.เป็นนายกฯ ขณะที่การพูดคุยของ นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ ที่ยอมรับว่าคุยกับนายไผ่จริง อาจเป็นการพูดคุยกันเล่นๆ ไม่ได้เป็นสาระ ไม่ถือเป็นในนามพรรค ชี้แจงไปแล้ว ไม่ให้สังคมเข้าใจผิด ส่วนการพูดคุยกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรค พท. เป็นเพียงการรับฟัง ยังไม่มีข้อสรุปอะไร คงพูดคุยกันอีกทีในการประชุม สส. วันที่ 15 ส.ค. เมื่อถามถึงกรณีสส.พรรค ก.ก.ลงพื้นที่สอบถามความเห็นประชาชน ส่วนใหญ่เห็นว่าไม่ควรโหวตให้แคนดิเดตนายกฯ พรรค พท. นายชัยธวัชตอบว่า เรื่องนี้ต้องไปพูดคุยกัน ในที่ประชุม สส.อีกที ทุกพรรคควรฟังเสียงประชาชน จะมองว่าเป็นนั่ง ร้านหรือเป็นข้ออ้างอย่างไร ให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน

รอมติ ก.ก.ไปในทิศทางเดียวกัน

เมื่อถามว่าพรรค ก.ก.ยังยืนยันจุดยืนเดิมที่เคยเรียกร้องว่าเคยโหวตให้พรรคที่ได้เสียงข้างมากหรือไม่ นายชัยธวัชตอบว่า ตอนนั้นเป็นความพยายามปิดสวิตช์ สว. แต่เวลานี้คนละสถานการณ์กันแล้ว เมื่อถามว่านายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. ระบุว่า หากจะปิดสวิตช์ สว. 3 พรรค คือเพื่อไทย ก้าวไกล ภูมิใจไทยควรช่วยกันโหวต นายชัยธวัชตอบว่า คำถามคือทำไมตอนนั้นพรรค ภท.จึงไม่ช่วยปิดสวิตช์ สว. ตอนที่พันธมิตร 8 พรรคจับมือกันจัดตั้งรัฐบาล ยังยืนยันว่าทิศทางการโหวตนายกฯของพรรค ก.ก. ต้องออกมาเป็นมติพรรคในทิศทางเดียวกัน คงไม่จำเป็นต้องแจ้งให้พรรค พท.ทราบก่อน เพราะแต่ละพรรคมีมติของตนเองเป็นเอกสิทธิ์อยู่แล้ว เมื่อถามว่ามีอะไรจะอวยพรวันเกิด 78 ปี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือไม่ นายชัยธวัชหัวเราะพร้อมตอบว่า “นึกไม่ออกเลย แต่ก็ขอให้โชคดี”

“ตู่-ป๊อก” เบิร์ธเดย์ 78 ปี “พี่ใหญ่”

เมื่อเวลา 08.00 น. ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีบรรดาคนใกล้ชิดนายทหาร สส. นักการเมืองจากพรรคต่างๆ ทยอยเข้าอวยพรเนื่องในวันคล้ายวันเกิด อายุครบ 78 ปี วันที่ 11 ส.ค. ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรค พปชร. โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯนำกระเช้าดอกไม้พร้อมของขวัญมามอบให้ พล.อ.ประวิตร ตั้งแต่เช้า พร้อมด้วยพล.อ.อนุพงษ์  เผ่าจินดา รมว. มหาดไทย ที่นำโมเดล ม้าหมุน 8 ตัว สีฟ้ามรกตแบบไขลาน เลื่อนหมุนตำแหน่ง 8 ทิศ มีความหมายว่า “ให้มีความสุขแบบไม่มีที่สิ้นสุด” มามอบให้ ก่อนทั้ง 3 คน ร่วมรับประทานอาหารเช้าที่ห้องรับรอง และปิดห้องพูดคุยเป็นการส่วนตัวประมาณ 30 นาที ภายในห้องมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภาอยู่ด้วย นายพรเพชรกล่าวสั้นๆว่า “มาอวยพรวันเกิด พล.อ.ประวิตรเท่านั้น” ต่อมา พล.อ.ประวิตร พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อนุพงษ์ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกร่วมกัน

“อนุทิน-โอ๋-ชาดา” ร่วมอวยพร

ขณะที่บรรดาคนใกล้ชิด แกนนำพรรคการเมือง และนายทหาร ทยอยเข้าอวยพรต่อเนื่อง อาทิ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาพรรค พปชร. น้องชาย พล.อ.ประวิตร นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รองหัวหน้าพรรค พปชร. นายพิชัย เตชะอุบล กรรมการบริหารพรรค พปชร. พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ต่อมาช่วงสายนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค ภท. นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรค ภท. นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ ลูกชายนายเนวิน ชิดชอบ พากันเข้าอวยพร พล.อ.ประวิตรด้วย

“ลุงตู่” อารมณ์ดีชมฟิกเกอร์สเกต

ช่วงบ่ายที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง อ.เมืองสมุทรปราการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดงานโครงการพัฒนาพื้นยางและเฟอร์นิเจอร์อัปไซเคิล สนามกีฬาลานสเกตน้ำแข็ง ไอวิส อินเตอร์เนชั่นแนล เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ มีนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ GC นายสีหศักดิ์ อารีราชการันย์ นายกสมาคมกีฬาฟิกเกอร์และสปีดสเกตติ้งแห่งประเทศไทย ให้การต้อนรับ พร้อมชมการแสดงฟิกเกอร์สเกตติ้งประกอบเพลง โดยนักกีฬาสเกตน้ำแข็งทีมชาติไทยมี “น้องเทมส์” น.ส.ฑีฆรี ศิลปอาชา บุตรสาวนายวราวุธ ที่เพิ่งคว้าแชมป์การแข่งขันฟิกเกอร์สเกตติ้งชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2565 ร่วมโชว์ด้วย

ชี้แต่งตั้ง ขรก.มีระยะเวลาอยู่แล้ว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงแถลงการณ์พรรค พท. ที่ขอให้รัฐบาลรักษาการปฏิบัติตามข้อกำหนดกฎหมาย ยุติการแต่งตั้งข้าราชการ ควรให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลชุดใหม่ เพราะจะมีผลต่อการผลักดันนโยบายของรัฐบาลใหม่ว่า ยังไม่เห็น การแต่งตั้งมันมีระยะเวลาและห้วงเวลาของมันอยู่ จากนั้นนายกฯเดินลงมาพบแฟนคลับที่มารอให้กำลังใจก่อนเดินทางกลับ

อ้างหลักบริหารช่วงเปลี่ยนผ่าน

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขอให้รัฐบาลรักษาการ รักษามารยาทเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ตระหนักถึงการบริหารราชการแผ่นดินในช่วงเปลี่ยนผ่าน เพื่อให้ทุกกลไกสามารถขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าได้ต่อเนื่อง ไม่สะดุดหรือเกิดสุญญากาศเป็นไปตามกฎหมาย อะไรทำได้ ทำไม่ได้ บนหลักการของความจำเป็นเร่งด่วน ที่สำคัญยึดประโยชน์สูงสุด ดูแลพี่น้องประชาชน ไม่ใช้การเมืองนำ ขอให้ทุกฝ่ายมั่นใจและอย่าหวาดระแวงใดๆ ดำเนินการตามกรอบกฎหมายอย่างเคร่งครัด ตลอดจนมารยาท และธรรมเนียมปฏิบัติ โดยไม่มีวาระแอบแฝงอื่นใด

จับตาโยก “ปลัดตุ๋ม” ไปพลังงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ว่า จากกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ออกมาระบุว่า ให้กระทรวงต่างๆที่มีปลัดกระทรวงเกษียณราชการ เสนอรายชื่อปลัดกระทรวงคนใหม่เข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ในส่วน ทส.มีกระแสข่าวสะพัดอาจจะโยกย้ายนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส. ไปเป็นปลัดกระทรวง พลังงาน เนื่องจากมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ใหญ่ในเครือข่ายจุฬาฯ คอนเนกชัน ที่สนับสนุนพรรค การเมืองหนึ่ง ทั้งนี้ นายจตุพรจะครบวาระปลัด ทส. 4 ปี ในวันที่ 1 ต.ค.66 หากยังอยู่ในตำแหน่งเดิมต้องให้ ครม.มีมติต่ออายุได้ครั้งละ 1 ปี คาดว่าอาจนำเรื่องสู่การพิจารณาในที่ประชุม ครม.ในวันที่ 15 ส.ค.

กกต.เคาะวัน ลต.ซ่อมตามโผ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ลงนามในประกาศ กกต.เรื่องกำหนดวันเลือกตั้งและวันรับสมัครเลือกตั้ง สส.ระยอง เขต 3 แทนตำแหน่งที่ว่าง กำหนดให้วันที่ 10 ก.ย.เป็นวันเลือกตั้ง ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. และให้รับสมัครในวันที่ 15-19 ส.ค.2566 ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำเขตกำหนด ผู้ที่สนใจให้ยื่นใบสมัครพร้อมหลักฐานตามกฎหมาย และเงินค่าธรรมเนียมการสมัครคนละ 10,000 บาท

“สนธิญา” ทวงสารพัดสาระเพ

ที่สำนักงาน กกต.นายสนธิญา สวัสดี อดีตสมาชิก พปชร.ยื่นหนังสือให้ กกต.เปิดเผยผลตรวจสอบเรื่องร้องเรียนการเลือกตั้ง สส.ที่มีกระแสข่าวมีผู้ถูกร้องทุจริตเลือกตั้งถึง 71-100 คน เนื่องจากวันที่ 14 ส.ค. ครบ 3 เดือนที่ กกต.รับรอง สส. 500 คน หากพิจารณาแล้วเห็นว่าทุจริตจริงแล้ว ต้องสั่งเพิกถอนสิทธิและเลือกตั้งใหม่ จะทำให้บางพรรคที่นำเสียง สส.ไปสนับสนุนจัดตั้งรัฐบาลมีปัญหา หรือถ้าตั้งรัฐบาลแล้วอาจทำให้มีปัญหาเรื่องเสถียรภาพเพราะเสียงลดลง ทั้งยังทวงถามเรื่องที่เคยยื่นให้กกต.ตรวจสอบนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก.ก. กรณีถือหุ้นไอทีวีว่าสมาชิกภาพ สส.ของนายพิธาสิ้นสุดตั้งแต่ปี 62 หรือไม่ เพราะจะมีผลต่อสส.ของพรรค ก.ก. อาจนำไปสู่การเลือกตั้งที่เป็นโมฆะ และได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งที่ให้ยุติเรื่องที่ร้องให้ตรวจสอบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตพรรค พท.กับพรรค พท. เข้าข่ายให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯครอบงำพรรคหรือไม่ด้วย

กลุ่มปกป้องฯขู่แลกด้วยชีวิต

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เครือข่ายปกป้องสถาบัน ประกอบด้วย นาย อัครวุธ ไกรศรีสมบัติ หรือเต้ บุรณพนธ์ แกนนำกลุ่มอาชีวะราชภักดี นายทรงชัย เนียมหอม กลุ่มประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน นายอร่ามศักดิ์ บุตรจู กลุ่มรู้ทันโลกออนไลน์ นายกวิน ชาตะวนิช กลุ่มศรีสุริโยไทปกป้องสถาบัน ร่วมกันแถลงท่าที ต่อกรณีกลุ่มทะลุวังรวมตัวกันทำลายทรัพย์สินและสัญลักษณ์ของสถาบันที่หน้า วธ.เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ว่า สถานการณ์การเมืองในปัจจุบันส่งผลให้มีการแสดงออกของบางกลุ่มไม่เหมาะสม ทำลายหรือทำให้เกิดความไม่สวยงามแก่สัญลักษณ์ของสถาบัน ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ขอร้องแบบผู้ที่มีความเจริญในจิตใจ อย่าได้ก้าวล่วงทำลาย ไม่เช่นนั้น กลุ่มอาชีวะราชภักดี และภาคีราชภักดี ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่รักและเทิดทูนสถาบัน ขอมุ่งมั่นปกป้องพิทักษ์รักษาสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ไว้ด้วยวิถีของอาชีวะ วิถีประชาธิปไตยไว้ด้วยชีวิต

ผุดแคมเปญส่องไฟดึงสติ พท.

ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อเวลา 17.00 น. กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม จัดกิจกรรม “ส่องไฟให้ทางประชาธิปไตย” ที่บริเวณฟุตปาทหน้าพรรคเพื่อไทย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของพรรคได้ปิดประตูทางเข้านำแผงเหล็กมัดกับเคเบิลไทร์ป้องกันไม่ให้ม็อบบุกเข้ามาได้ และยังติดป้ายด้านหน้าว่า “พื้นที่ส่วนบุคคลห้ามบุกรุก” ต่อมาเวลา 18.30 น. นายอันเจลโลว์ สาธร แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ ให้สัมภาษณ์ว่า ขอเชิญชวนประชาชนให้มาร่วมกันส่องไฟฉายไปที่สำนักงานพรรคเพื่อไทยทั่วประเทศ เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่าให้พรรคเพื่อไทยกลับมาจับมือกับพรรคฝ่ายประ ชาธิปไตย ขณะที่นางศรินรัตน์ (ไม่ทราบนามสกุล) อดีตคนเสื้อแดงที่ร่วมต่อสู้มาตั้งแต่ปี 2550 ที่มาพร้อมเพื่อน เผาเสื้อและอุปกรณ์ที่เคยใช้ในการชุมนุมกับคนเสื้อแดง ก่อนกล่าวด้วยน้ำตาว่า วันนี้อัดอั้นมากที่พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วกับพรรคภูมิใจไทย เสียดายการต่อสู้ที่ผ่านมา หวังในอำนาจโดยไม่คิดถึงจิตใจคนเสื้อแดง วันนี้พอแล้วกับพรรคเพื่อไทย

“นริศร” ไม่รอดคุกเสียบบัตรแทน

ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลอ่านคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ ที่อัยการสูงสุดยื่นฟ้องนายนริศร ทองธิราช อดีต สส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลยคดีเสียบบัตรแทนกัน เมื่อวันที่ 20 ก.ย.2556 คดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยพิพากษาจำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 12 เดือน และให้นับโทษจำคุกต่อในคดี อม.22/2565 ต่อมาจำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาขอให้รอการกำหนดโทษหรือลงโทษสถานเบา และรอการลงโทษ องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยเคยต้องคำพิพากษาจำคุก 16 เดือน ในคดีหมายเลขแดงที่  อม.อธ.10/2566 ของศาลนี้และคดีถึงที่สุดแล้ว กรณีนี้จึงไม่อาจรอการกำหนดโทษหรือรอการลงโทษให้แก่จำเลยตาม ป. อาญามาตรา 56 ได้ และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองลงโทษจำคุกจำเลยในอัตราขั้นต่ำแล้ว พิพากษายืนให้จำคุก 12 เดือน ไม่รอลงอาญา ก่อนสั่งคุมตัวจำเลยไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ