กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ ทำกิจกรรมส่องไฟให้ประชาธิปไตย ขณะที่กลุ่มเสื้อแดง หอบ "เสื้อ-ตีนตบ เผา" ประกาศไม่เอาพรรคเพื่อไทยแล้ว บอก เหมือนโดนหักหลัง พร้อมนัดให้ไปร่วมส่องไฟอีกครั้ง 14 ส.ค.นี้ ที่แยกปทุมวัน
วันที่ 11 ส.ค. 66 ที่พรรคเพื่อไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ทำกิจกรรมส่องไฟให้ประชาธิปไตย ขณะเดียวกันมีกลุ่มคนเสื้อแดงหอบ "เสื้อ-ตีนตบ" สัญลักษณ์ นปช. มาเผาที่หน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมประกาศว่า หลังจากนี้จะไม่เอาพรรคเพื่อไทยแล้ว ถือเป็นศัตรูทางความคิดกัน
ขณะที่แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้รวมตัวกันมาทำกิจกรรมเปิดแคมเปญ “ส่องไฟให้ทางประชาธิปไตย” ที่ฟุตปาท หน้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่ช่วงเวลา 18.40 น. ท่ามกลางการดูแลความเรียบร้อยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งได้นำรั้วเหล็กมากั้น พร้อมกับติดป้ายไวนิลสีขาวบริเวณทางเข้าและทางออกของที่ทำการพรรคเพื่อไทย แจ้งว่าอาคาร OAI เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลห้ามบุกรุก พร้อมขอความร่วมมือให้ทุกคนทำกิจกรรมนอกที่ทำการพรรค ห้ามไม่ให้บุคคลภายนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ในอาคาร
...
นายอัลเจลโลว์ สาธร และ น.ส.จุลณีย์ หรือ แป้ง แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม บอกว่า กิจกรรมนี้เป็นการแสดงสัญลักษณ์เปรียบเทียบว่าตอนนี้ประชาธิปไตยถึงความมืดมน ต้องรณรงค์ให้ประชาชนช่วยกันส่องไฟให้ประชาธิปไตยให้ถึงทางสว่างเสียที ร่วมกันส่องแสงสว่างนี้ให้ถึงหัวใจของสมาชิกพรรคเพื่อไทย เพื่อเรียกขานมโนธรรม ความยึดมั่นในจิตวิญญาณประชาธิปไตย และคำสัญญาที่ให้ไว้แก่ประชาชน พร้อมกับประชาสัมพันธ์ ให้ร่วมส่องไฟร่วมกันอีกครั้งในวันที่ 14 สิงหาคม ที่แยกปทุมวัน
ขณะเดียวกันมีกลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางเข้าร่วมการชุมนุมด้วย ซึ่งผู้ชุมนุมบางส่วนถือป้ายเขียนข้อความคัดค้านกับการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยที่เริ่มมีความชัดเจนว่าจะเปิดรับ พรรค 2 ลุง คือ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เข้ามาร่วมรัฐบาลด้วย
โดยหญิงรายหนึ่งจะร้องไห้ พร้อมบอกว่า พวกตนเหมือนโดนหักหลัง ยิ่งรักยิ่งเจ็บ ก่อนที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะถอดเสื้อสีแดง ยกเว้นหมวกที่มีลายเซ็นของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จุดไฟเผา เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อความผิดหวังต่อพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล โดยได้นำเสื้อแดงมากองรวมกันและจุดไฟเผาบริเวณฟุตปาทด้านหน้าพรรคเพื่อไทย
ก่อนที่กิจกรรมจะเสร็จสิ้นไปภายในครึ่งชั่วโมง ท่ามกลางการดูแลความเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่มีความวุ่นวายแต่อย่างใด.