“ชูวิทย์” ชี้ วางแผนภาษี หรือโกงภาษี มีเส้นบางๆ ที่เรียกว่า “จริยธรรม” กั้นอยู่ เหน็บ แกล้งโอนคนละวันให้ดูเหมือนต่างคนต่างได้มาและขายไป ซัดนายทุนเจตนาหลบเลี่ยงน่าไว้วางใจให้เป็นนายกฯ หรือไม่ คนไทยตัดสินได้เอง
เมื่อช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 6 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง โพสต์แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับแสนสิริ ว่า วางแผนภาษี หรือ โกงภาษี มีเส้นบางๆ กั้นอยู่ด้วยคำว่า “จริยธรรม” แม้จะมีกฎหมาย ระเบียบควบคุม แต่ถ้าคนมีเจตนาจะโกง แบ่งหน้าที่กันทำ หลีกเลี่ยงเงินที่สมควรจ่ายให้รัฐถึง 500 ล้านบาท ไม่ยอมจ่ายแม้แต่บาทเดียว
นายชูวิทย์ ระบุต่อไปว่า กรมสรรพากร บอกตามแนววินิจฉัยที่ กค 0811/02985 ลงวันที่ 31 มีนาคม 2542 หากคณะบุคคล ได้ที่ดินมาพร้อมกัน ขายในเวลาพร้อมกัน ให้ผู้ซื้อบริษัทเดียวกัน ต้องเสียภาษีในนามห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน หรือคณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคล ก็มีการไปอ้างว่าได้มาไม่พร้อมกัน ทั้งที่แต่ละคนได้ที่ดินมาจากการแบ่งคืนให้ผู้ถือหุ้น หลังจดทะเบียนเลิกบริษัทวันเดียวกันคือ 26 พฤศจิกายน 2561
“แต่แกล้งทยอยกันมาโอนรับกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดินทีละคนติดต่อกันทุกวัน พอตอนขายให้แสนสิริ ก็แกล้งมาโอนให้แสนสิริคนละวัน เพื่อให้ดูเหมือนว่าต่างคนต่างได้มา และต่างคนต่างขายไป ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน ทั้งที่เป็นที่ดินแปลงเดียวกัน ไม่ได้แบ่งแยกโฉนด จะได้ไม่เข้าหลักเกณฑ์ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน หรือคณะบุคคล”
ทั้งนี้ คนเป็นทนายความ อย่าง นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง แถมยังเป็น ผู้สมัครสมาชิกภาผู้แทนราษฎร (สส.) หากคิดจะเติบโตรับใช้ชาติบ้านเมือง ควรที่จะบอกคนทำแบบนี้มันไม่เนียน เป็นการตีความกฎหมายแบบศรีธนญชัย กฎหมายต้องดูที่เจตนา ยิ่งคนเจตนาหลบเลี่ยงภาษี ยิ่งชัดว่าไม่บริสุทธิ์ ก่อนจะทิ้งท้ายไว้ว่า
...
“โจรใส่สูทปล้น มันไม่ได้เอาปืนจ่อปล้น แต่เอากฎหมายปล้น ผู้ใช้กฎหมายทุกท่าน จะต้องแบ่งแยกให้ได้ในเส้นบางๆ ที่มีผลต่างกันมหาศาลว่า มันไม่ใช่การวางแผนภาษี แต่นี่คือการโกงภาษีชัดๆ คนที่เป็นนายทุน มีเจตนาหลบเลี่ยงกฎหมาย ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ไปถึง 500 กว่าล้านแบบนี้ น่าไว้วางใจเหมาะสมให้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยหรือไม่? ไม่ใช่ไปหนีเสือปะจระเข้ ประชาชนคนไทยตัดสินได้เองครับ”