รัฐบาลชุดพิเศษจริงๆ เผยโฉมหน้ารัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น หลังที่ประชุมร่วมรัฐสภา พิจารณาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ตามที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) บอกกับ “ทีมการเมือง” เมื่อถูกตั้งคำถามถึงรัฐบาลชุดพิเศษที่ใกล้คลอด

โดยก่อนมาถึงขั้นนี้ ขอย้อนไปดูสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่าง พท.กับพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ก่อนฉีกเอ็มโอยู ถือเป็นเพื่อนมิตรทางการเมือง มีวิธีคิดเกี่ยวกับการแก้ปัญหาประเทศใกล้เคียงกัน

พท.เคยได้ สส.เกือบ 230 คน ยังตัดสินใจเลือกคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เป็นพรรคอันดับ 3 ให้เป็นนายกฯ แทน พท.มาแล้ว คราวนั้นระดับแกนนำขอ หรืออยากเป็นประธานคณะกรรมาธิการสามัญชุดไหน ก็ยินดีสนับสนุน โดยไม่คิดยึดถือประโยชน์ของ พท. อะไรที่ทำให้เขาที่เป็นคนรุ่นใหม่ เริ่มเติบโต แข็งแรง ล้วนยินดีสนับสนุน

คราวนี้ผลเลือกตั้ง พท.ได้อันดับ 2 ก็ยอมรับให้ ก.ก.ที่ได้อันดับ 1 ตั้งรัฐบาลก่อน ตามธรรมเนียมปฏิบัติเปิดให้พรรคอันดับ 1 จัด พรรคอันดับ 2 จะไม่ยุ่ง ถ้าจัดไม่ได้ พท.ก็มีสิทธิจัดต่อ รูปแบบนี้จะไม่ยุ่งมาถึงขณะนี้

...

ทั้งหมดทั้งมวลที่ พท.ตัดสินใจเข้าร่วมกับ ก.ก.ตั้งแต่ต้น หวังร่วมมือกัน และได้รัฐบาลที่เข้มแข็ง แต่สิ่งที่พลาด คิดไม่รอบคอบ โดยลืมไปว่าเราอยู่ภายใต้กติกาที่ชำรุด ไม่สามารถฝ่าด่าน สว.อีก 60-70 เสียงได้

พท.มอง ก.ก.เป็นมิตรตลอด ไม่ใช่มาบอกว่าหักหลัง

เป็นคำพูดที่รุนแรงเกินไป ทำลายความสัมพันธ์เชิงมิตร ทำให้มิตรไปยืนฝั่งตรงข้ามตัวเอง บางคนก็ออกมาพูดชนิดก้าวล้ำ

หลังจากทำงานกันมาเรื่อยๆ เริ่มเห็นความแตกต่างในทางความคิด ก.ก. มองในเชิงอุดมคติ พท.มองในเชิงปฏิบัติจริง ทุกอย่างที่ ก.ก. ได้รับขณะนี้ เป็นสิ่งที่ พท.เผชิญมาแล้ว ทั้งถูกยุบพรรคหลายรอบ บุคคลระดับบริหารถูกตัดสิทธิ์ สิ่งที่ตระหนัก และเรียนรู้ตรงนี้จนถึงปัจจุบัน คือเราอยู่ในประเทศที่มีเงื่อนไข ข้อจำกัดเยอะ

ฉะนั้นทำอะไร พท.คำนึงถึงระยะยาว วางบทบาทพรรคเดินไปข้างหน้าอย่างแข็งแรง ตอบสนองปัญหาประชาชน สะสมกำลังทำให้สิ่งดีๆเกิดขึ้นในสังคมไทย ต้องใช้เวลา ไม่รีบร้อน อาจขัดใจหนุ่มสาว ที่อยากรู้อยากเห็นอะไรเร็ว

ขณะเดียวกันต้องอยู่ในภาวะที่เป็นจริง ทั้งสังคมขัดแย้งเกือบ 20 ปี ตั้งแต่ 49 คุณทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ อยู่ในใจประชาชน ได้รับเลือกมาถึง 377 ที่นั่ง ไม่มีพรรคไหนทำสถิติได้ขนาดนี้ ก็ถูกยุบพรรค สังคมขัดแย้งบานปลายมาถึงทุกวันนี้ และอยู่ภายใต้อำนาจรัฐประหารต่อเนื่อง 9 ปี เศรษฐกิจดำดิ่ง ซบเซา

พท.จึงไม่เห็นด้วยที่จะขอให้อยู่ไปเรื่อยๆอีก 10 เดือน เพราะความเชื่อมั่นหายไป เศรษฐกิจยิ่งซับซ้อน และเราอยู่ท่ามกลางสังคมที่มีความขัดแย้งยาวนาน ความขัดแย้งนั้นยังดำรงอยู่

พท.มีส่วนหนึ่งในความขัดแย้ง ได้โอกาส ได้รับการยอมรับ ที่สามารถคลี่คลายจากวิกฤติ ถือเป็นโอกาสแก้

พรรคอันดับ 2 ควรมีสิทธิที่จะทำ ไปร่วม ไปยกมือ เป็นการพิสูจน์ความจริงให้ประชาชนเห็นว่า พท.ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ซื่อสัตย์ต่อสิ่งที่ตัวเองเชื่อ และมีความพยายามสนับสนุน ก.ก. ที่มีโอกาสอย่างสุดกำลัง

นายภูมิธรรม ยังบอกถึงรายละเอียดบางช่วงบางตอน ในเงื่อนไขที่ ก.ก.ไม่ยอมถอย การประสานกับ สว. รวมถึงแสดงความไม่สบายใจต่อน้องๆ ใน ก.ก. บางคนที่ไปพูดทำนองเป็นภาพลบต่อ พท. จนถึงการตัดสินใจยกเลิกเอ็มโอยู ต่างคนต่างเป็นอิสระ ด้วยความเคารพกัน

ทั้งที่ พท. เน้นทำงานการเมืองใหม่ ในการประชุม 8 พรรคการเมือง มีข้อสรุป 3 แนวทาง ทั้งสร้างความโปร่งใส ให้ ก.ก.พูดว่าเป็นอย่างไร ถ้าทั้งหมดไปไม่ได้ และมาถึง พท. ที่จะทำ ไม่ใช่อยู่ๆก็มาเริ่มต้นไม่เอาพรรคอันดับแรก

เป็นที่มาของการเปิดพรรคเชิญพรรคภูมิใจไทย (ภท.) 71 เสียง ถ้ามาร่วมก็ผ่าน ไม่ต้องพึ่งเสียง สว. และทุกพรรคที่มาคุยติดปม 112 บางพรรคมองไปถึงวัตรปฏิบัติทางการเมือง น้ำหนักแรงที่สุดเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ยังไงก็ร่วมไม่ได้ เห็นต่างกันมาก

ประสานพรรคการเมืองคู่ขนานประสาน สว.

“สส.ทุกพรรคการเมืองพูดคุยหมด ถือว่าทุกพรรคเป็นตัวแทนของประชาชน อันนี้จบ ซึ่งมีความเห็นทางการเมืองแตกต่างหลากหลาย

ที่ทำมาทั้งหมดมาบอกว่าพท. หักหลัง ตระบัดสัตย์ ยืนตรงข้ามกับมิตร ขอเรียนถามประชาชนว่าสภาพการณ์แบบนี้ ถ้าเป็น พท. ควรทำอย่างไร

เห็นวิกฤติประเทศขนาดนี้ เห็นความขัดแย้งที่เราอยากสลายด้วยกัน ให้ก้าวข้ามไปสู่ความสงบสุข แล้วการร่วมมือแต่ละฝ่ายเป็นเช่นนี้ พท.ควรทำอย่างไร

สิ่งที่พูดกับ ก.ก. ไม่ได้ตัดรอนแบบแยกฝ่าย พท. ได้เรียนกับ 3 แกนนำของ ก.ก. ถึงการทำหน้าที่ฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านไม่ควรเหมือนในอดีต

เริ่มต้นสร้างศักราชมิติการเมืองแบบใหม่ ไม่จำเป็นต้องเห็นค้านทุกเรื่อง เอาวาระประเทศ เอาวาระประชาชนเป็นหลัก

เช่น รัฐธรรมนูญเป็นทางออก แก้ปัญหาวิกฤตการณ์ทางการเมืองปัจจุบัน เราเสนอวาระแรกให้ทำประชามติ ก.ก. สนับสนุนก็ช่วยกันแก้ได้

เราจะไม่ใช่เป็นรัฐบาลที่ขวางผลงานของฝ่ายค้าน ทุกเรื่องที่ดีต่อประชาชน ทำให้หมด ยกเว้นเรื่องเดียว 112 ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันหลักของชาติ”

เสนอมาอย่างไร ก็ไม่ผ่านจุดยืนของ พท. จะถูก ผิด รู้สึกชอบ ไม่ชอบ วิจารณ์กันไป แต่ พท.มีจุดยืนอย่างนี้ เชื่อมั่นแบบนี้ จะทำแบบนี้ วันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นความคิดเห็นที่แตกต่างในแนวทางแก้ปัญหาประเทศ พท.พูดได้ว่าเป็นพรรคยืนหนึ่ง อยู่กับการเมืองที่เป็นจริง

การยอมรับสภาพความเป็นจริง ไม่ใช่การยอมจำนน แต่เป็นการหาทางออกจากความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ถึงสามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ง่ายกว่า

ฉะนั้นภารกิจ พท. ต้องพยายามจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ เสนอคุณเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ มีความน่าเชื่อถือ แบกรับภารกิจที่ยุ่งยากให้ผ่านไปได้

โดยยึดภารกิจประเทศ ภารกิจประชาชน

หาทางคืนดี สร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น

แม้การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ยากลำบากมากกว่าทุกครั้ง แต่สิ่งที่ พท.คิดเป็นกระบวนทัศน์ใหม่ คิดนอกกรอบ ซึ่งเคยทำในเรื่องที่เหลือเชื่อให้สำเร็จมากแล้ว

“ท่านมีความเชื่อมั่น พท. หรือไม่ที่จะฝ่าวิกฤตินี้ไปได้ แก้ปัญหาประเทศ ถ้าวางใจท่านเลือกเรา การเลือกครั้งนี้ ไม่ใช่เลือกเพื่อมาเป็นรัฐบาลร่วมกัน

แต่เป็นการเลือก จากฝ่ายค้านก็ดี ฝ่ายรัฐบาลเฉดสีต่างๆก็ดี ถ้าเห็นพ้องว่าเป็นทางออกของประเทศไทย เลือกได้ทั้งหมด

ผมพูดกับ ก.ก. ก็ด้วยความสุภาพว่าการเมืองมิติใหม่ ถ้าเห็นว่าสิ่งที่ พท. ทำเป็นประโยชน์ โดยยึดวาระประเทศ วาระประชาชน เห็นด้วยก็ยกมือให้เราได้

พูดกระทั่งพรรคร่วมรัฐบาล 188 เสียงหรือพรรคอื่นๆ ใน 8 พรรค ใครยินดียกมือให้ ยกเลย ยิ่งสะท้อนการตัดสินใจเลือกนายกฯ ครั้งนี้ มี พท. เป็นแกนนำ เป็นความเห็นพ้องร่วมทุกฝ่าย”

วันนี้เรารออยู่อย่างเดียว คือพร้อมประกาศความร่วมมือ และการตัดสินใจร่วมกันเป็นรัฐบาลของเรา ไม่ต้องการแบบเดิมๆ จับมือ 7 พรรคแล้วจบ

เพื่อได้รัฐบาลสมานฉันท์ทุกฝ่าย

ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจบแค่นี้จริงหรือไม่ จะมีเกิน 250-260 เสียง มี 8 พรรค หรือ 9 พรรค หรือ 10 พรรค หรือมีมากกว่านั้นอีก จำนวนอาจเพิ่มเป็น 280-300 เสียงก็ยังได้อีก

หลายพรรคถ้าเปิดเผยไปจะบอกว่าเป็นไปได้เหรอ ขอบอกว่าเป็นไปได้ แต่ไม่มีพันธะ ไม่ได้ต่อรองอะไรทั้งสิ้น โดยบอกว่ายินดีก็โหวตสนับสนุน ภายใต้หลักวาระประเทศ วาระประชาชน

เพื่อได้รัฐบาลมีเสถียรภาพ เกิดความเชื่อมั่น

สำหรับแก้ปัญหาของประเทศไทยในอนาคต.

ทีมการเมือง

คลิกอ่านคอลัมน์ "วิเคราะห์การเมือง" เพิ่มเติม