การตั้งรัฐบาล หลังการเลือกตั้งปี 2566 ยุ่งยากมากกว่า การตั้งรัฐบาลที่มา จากการยึดอำนาจ หรือ รัฐบาลหลังจากการยึดอำนาจ มากมายหลายเท่า
สิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นใน ระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทยก็คือการที่นักการเมืองเห็นดีเห็นงามกับ อำนาจที่เหนือรัฐธรรมนูญ และ องค์กรตามรัฐธรรมนูญ ไม่เดินตามตรอกออกตามประตู ยังอยู่ภายใต้อำนาจที่เหนือรัฐธรรมนูญ
ประชาธิปไตยเลยเหลือแค่ครึ่งใบ
มีสูตรตั้งรัฐบาลกันหลายสูตร แล้วแต่จะพูดกันไป เช่น สูตรรัฐบาลเพื่อไทย ที่ไม่มีก้าวไกล หมายถึง ก้าวไกลจะไปเป็นฝ่ายค้าน โดยการฉีก MOU 8 พรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจาก พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สอบไม่ผ่านเสียง 375 เสียงในสภา และยังมีชนักอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ
ทำให้ เพื่อไทย ต้องไปขอเสียงจาก ฝั่งอนุรักษ์ พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ ก้าวไกล ร่วมรัฐบาลด้วยไม่ได้ ก็ต้องถอนตัวไปเป็นฝ่ายค้านตามระเบียบ
ที่มี แกนนำก้าวไกล ออกมาพูดว่า จะเกาะกันเป็นข้าวต้มมัด ไม่มีวันที่จะพรากจากกัน เอาเข้าจริงก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ เป็นฝ่ายค้านในรัฐบาล ยิ่งดูพิลึกใหญ่ จะรักจะชอบ จะดีลลับอย่างไรก็ต้องจากกันโดยปริยาย
เพื่อไทย จะให้ได้เสียงครบ 375 เสียง ก็ต้องไปเอาฝั่งอนุรักษ์ มาเป็นพรรคร่วมแทนก้าวไกลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็จะกลายเป็น รัฐบาลสลับขั้ว เพื่อไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา 323 เสียงอย่างน้อย
อีกสูตร ถ้า เพื่อไทย โหวตนายกฯไม่ผ่าน หรือ ฝั่งอนุรักษ์ ไม่เข้าร่วมรัฐบาลเพื่อไทย ทีนี้แหละเพื่อไทยก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้ เหมือนกับ ก้าวไกล เป็นโอกาสให้เกิด รัฐบาลสลับข้าง คือ ฝั่งอนุรักษ์ได้เป็นแกนนำรัฐบาล ภูมิใจไทย พรรคอันดับ 3 ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เสนอ อนุทิน ชาญวีรกูล หรือไม่ก็เสนอให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ เพื่อไทยก็ต้องเข้าไปร่วมรัฐบาล กับ ภูมิใจไทย อยู่ดี
...
ส่วนสูตรสุดท้ายที่พูดถึงก็คือ ก้าวไกล ยอมถอยออกจาก 8 พรรคร่วมรัฐบาล เพื่อให้ สว.โหวตแคนดิเดตนายกฯจากเพื่อไทย ผ่าน 375 เสียง โดย ไม่มีพรรคสองลุงร่วมรัฐบาล พอได้ นายกฯแล้ว ก็จะดึง ก้าวไกล กลับมาเป็นรัฐบาลอีกที สูตรนี้เป็นสูตรพิสดารเหมือนเด็กเล่นขายของ ชักเข้าชักออก ดูวุ่นวายดีพิลึก
ถ้า ก้าวไกล จะยอม ไปเป็นฝ่ายค้าน เลย เพื่อแลกกับ การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นผลสำเร็จ โดยได้รับความร่วมมือจาก สส.ฝ่ายรัฐบาล น่าจะเป็นไปได้มากกว่า
แต่จุดอ่อนของทุกสูตรก็คือการโหวตนายกฯและการเสนอชื่อนายกฯว่าเป็นใคร สมมติว่า เพื่อไทย เสนอชื่อ เศรษฐา ทวีสิน แล้วไปเจอ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมากล่าวหาเรื่องการขายที่ดินเป็นนิติกรรมอำพราง ทีนี้จะยุ่งเป็นฝอยขัดหม้อ ส้มจะหล่นไปขั้วไหนไม่ต้องอธิบายให้เมื่อยตุ้ม.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th