ไม่พลิกล็อก ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ให้รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย กรณี กกต. ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยกรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.แบบบัญชีรายชื่อถือหุ้นสื่อบริษัทไอทีวี ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อสารมวลชนใดๆอยู่ในวันที่รับสมัครเลือกตั้ง สส. แบบบัญชีรายชื่อ เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของ สส. ของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(3)

ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสี่ประกอบหนึ่ง และ พ.ร.ป. ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 7(5) จึงสั่งให้รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย และให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้องตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 54

สำหรับคำขอของผู้ร้องที่ ขอให้ศาลรัฐธรรมูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสอง ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก (7 ต่อ 2) เห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้อง ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่ามีกรณีตามที่ถูกร้อง ประกอบกับการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ถูกร้องอาจก่อให้เกิดปัญหา ข้อกฎหมายและการคัดค้านโต้แย้ง เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานสำคัญของที่ประชุมรัฐสภาและที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ จึงมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2566 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องของ กกต.ในช่วงเช้าวันที่ 19 ก.ค. วันเดียวกับที่รัฐสภามีการพิจารณาเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯรอบที่สอง และศาลรัฐธรรมนูญมีมติในเวลาต่อมา นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังรัฐสภาทันที สำนักงานเลขาธิการรัฐสภาลงเลขรับในเวลา 13.24 น. ในขณะที่ สว. และ สส.ขั้วรัฐบาลเก่ากำลังเล่นเกมยื้อการเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นายกฯรอบสอง โดย นายพิธา ยังนั่งอยู่ในห้องประชุมเพื่อรอคำสั่งจากศาลรัฐธรรมนูญ

...

จนกระทั่งเวลาประมาณ 14.43 น. นายพิธา  ได้ยกมือขอประธานพูดในที่ประชุมว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องและสั่งให้ตนหยุดปฏิบัติหน้าที่ กรณีการถือหุ้นบริษัทไอทีวี ขณะนี้มีเอกสารจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ตนหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะฉะนั้นขออนุญาตพูดกับท่านประธานว่า รับทราบคำสั่งและจะปฏิบัติตามคำสั่งจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยเป็นอื่น ขอใช้โอกาสนี้อำลาท่านประธานจนกว่าเราจะพบกันใหม่ ฝากเพื่อนสมาชิกในการใช้รัฐสภาในการดูแลพี่น้องประชาชน “ผมคิดว่าประเทศไทยเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม ถ้าประชาชนชนะมาได้ครึ่งทาง เหลืออีกครึ่งทาง ถึงแม้ผมจะไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ ขอให้พี่น้องสมาชิกช่วยกันดูแลประชาชนต่อไป”

พูดจบ นายพิธา ก็ถอดบัตรประจำตัว สส.ชูต่อที่ประชุมรัฐสภาก่อนวางลงบนโต๊ะ ก่อนเดินออกจากรัฐสภา และโพสต์ในเวลาต่อมาว่า I’ll be back

ศาลรัฐธรรมนูญ ถือเป็นด่านแรกที่สกัดนายพิธาสำเร็จ  ทำให้นายพิธาต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ สส. และมีเวลา 15 วัน ในการส่งคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลฯ จะใช้เวลาพิจารณานานเท่าไหร่ แต่ระหว่างรอการพิจารณาของศาลฯ นายพิธาต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย จะพ้นจากการเป็น สส. หรือไม่ ส่วนด่าน 2 ในรัฐสภาวันเดียวกัน ลงมติ 395 เสียงต่อ 312 เสียงไม่เห็นชอบให้เสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯรอบ 2 ในรัฐสภา ดับฝันประชาชนกว่า 14.4 ล้านเสียงที่เลือกพรรคก้าวไกลมาเป็นอันดับหนึ่ง.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ "หมายเหตุประเทศไทย" เพิ่มเติม