“พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” เผยเงื่อนไขไม่เอาแค่ “ประยุทธ์” พร้อมร่วมรัฐบาลทุกพรรค “ประวิตร” ก็ได้ เพราะแค่ถูกเชิญมาร่วม ไม่ใช่คนทำรัฐประหาร เชื่อ “ก้าวไกล-เพื่อไทย” จับมือเสนอชื่อ “พิธา” ชิงนายกฯ รอบสอง
วันที่ 15 ก.ค. 2566 ก่อนการประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 2/2566 ของพรรคเสรีรวมไทย วาระเลือกกรรมการบริหารพรรคที่ว่างลง และอื่นๆ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล นัดหารือเตรียมส่งชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกครั้งในการโหวตนายกฯ ครั้งที่ 2 มองว่าควรเสนอชื่ออื่นด้วยหรือไม่ เพื่อให้ผ่านเสียงโหวตของ ส.ส. และ ส.ว.
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า จะเสนอกี่คนก็ได้ทั้งนั้น เพราะไม่มีข้อบังคับ ส่วนที่ ส.ว. อ้างข้อบังคับไม่ส่งชื่อ นายพิธา ซ้ำ ตามข้อบังคับที่ 41 นั้น เป็นคนละส่วนกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ตนมองว่าก็ยังเสนอได้ นายพิธา ไม่ได้หมดสิทธิ์ ใครก็เสนอได้ พรรคก้าวไกลจะเป็นผู้เสนอหรือตนเสนอก็ทำได้
“เวลาอ่านหนังสือต้องอ่านให้ครบ ต้องอ่านทั้งเล่มไม่ใช่อ่านข้อเดียวแล้วมาคุย ถ้าอ่านข้อเดียวก็จะเจอข้อที่ 41 ที่กำหนดไว้ว่าญัตติที่เสนอไปแล้ว ถูกตีตกห้ามนำญัตติเดิมมาพิจารณาใหม่ เว้นแต่ประธานสภาฯจะอนุญาต แต่จะเถียงกันอย่างไรก็เป็นอำนาจของประธานสภาฯ”
ขณะที่ในการโหวตนายกฯ วันที่ 19 ก.ค. นั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ กล่าวว่า ถ้าตนเป็นประธานสภาฯ จะไม่ให้อภิปรายแล้ว เพราะอภิปรายกันไปหมดแล้ว ไม่มีอะไรจะพูด อภิปรายซ้ำๆ เดิมๆ ครั้งที่แล้วก็เป็นการเลือกนายกรัฐมนตรี แต่กลับอภิปรายเรื่องมาตรา 112 ตนก็เลยต้องอภิปรายตามไปด้วย เพราะคนยังไม่เข้าใจเรื่องมาตรา 112 ทั้ง ส.ว. และ ส.ส. มีความรู้ขนาดไหนก็ไม่เข้าใจ ความจริงมาตรา 112 เป็นกฎหมายอาญาถึงอย่างไรก็แก้ได้ตามรัฐธรรมนูญ และมีการแก้มาหลายครั้งแล้ว ไม่ใช่ไม่รู้เรื่องอะไรแล้วมาแสดงความคิดเห็น
...
เมื่อถามต่อว่าการโหวตรอบแรกเสียงของนายพิธายังไม่ได้ แล้วรอบ 2 จะได้หรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า มีการเว้นระยะเวลาการโหวตทั้ง 2 ครั้งไว้ จากวันที่ 13 ก.ค. เป็นวันที่ 19 ก.ค เพื่อให้มีเวลาประสาน พร้อมมองว่าพรรคก้าวไกลมีโอกาสไม่มาก เพราะส่วนใหญ่จะปิดกั้นตัวเอง นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ ไปยกมาตรฐานไว้สูงเลย
“พอมี 312 เสียง จะไปหาเพิ่ม ไปติดต่อพรรคชาติพัฒนากล้า ที่มี 2 เสียง แต่พอด้อมส้มทั้งหลายที่ไม่รู้เรื่องพูดมาหน่อย ก็ถอยแล้ว ไปฟังเสียงพวกนี้ทำไม พวกนี้มีอะไรกับพรรคก้าวไกล ไม่ได้มีอิทธิพลอะไรหรอก ไปฟังใครก็ไม่รู้”
ทั้งนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังยืนยันว่า ในวันที่ 19 ก.ค. นี้ พรรคเพื่อไทยจะไม่เสนอชื่อแคนดิเดตแข่งกับพรรคก้าวไกล เปิดโอกาสให้พรรคก้าวไกลอย่างเต็มที่ คบหากันมา คุยกันมา ทำ MOU กัน เพื่อเปิดสิทธิ์ให้พรรคก้าวไกลเป็นนายกฯ พรรคเพื่อไทยก็คิดอย่างนั้น จะ 2 ครั้ง 3 ครั้ง 4 ครั้ง ก็ได้
“ถึงแม้จะเปลี่ยนไปเป็นเพื่อไทย ในขั้นต้น พรรคเพื่อไทยก็จะยังต้องเอาพรรคก้าวไกลไว้ พูดมาตลอดจะเสียคำพูดได้อย่างไร เพราะหากเสียคำพูดก็คบกันไม่ได้ เพื่อไทยกับก้าวไกลต้องคุยกันไปเรื่อยๆ”
สำหรับกรณีหากพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลแยกทางกัน จนพรรคเพื่อไทยไปเป็นรัฐบาล พรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน พรรคเสรีรวมไทยจะมีจุดยืนอย่างไร พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ขอให้ไปย้อนฟังการสัมภาษณ์ของตนได้ทุกครั้ง ตนบอกมาตลอดว่าไม่เอาเผด็จการ ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
“ผมบอกว่าถ้าเป็นพล.อ.ประวิตร ผมเอาได้ คนมาวิพากษ์วิจารณ์ผม ก็ผมจะเอาแล้วทำไม พอ พล.อ.ประยุทธ์ไม่อยู่ ผมก็รวมได้หมด ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ ถ้าเขาไม่เอารวมไทยสร้างชาติ ผมก็รวมได้ ผมไม่ใช่คนปิดกั้นตัวเอง ผมเปิดได้หมด ก็ผมบอกว่าคนรัฐประหารคือ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร เพียงแค่ถูกเชิญมาร่วมรัฐบาลเฉยๆ ก็ไม่ใช่คนรัฐประหาร”