เอาแล้ว "พิธา" หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่นายกฯ คนที่ 30 มีระทึก พรุ่งนี้มีรายงาน กกต.จ่อถก ส่งศาลรธน.วินิจฉัยปมคุณสมบัติถือหุ้นไอทีวี หลังสอบข้อเท็จจริง สรุปสำนวนเสร็จสิ้น อาจกระทบโหวตนายกฯ 13 ก.ค.นี้

วันที่ 9 ก.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสำนักงาน กกต. กรณีมีผู้ยื่นร้องต่อ กกต.ขอให้พิจารณาและส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่าการที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและแคนดิเนตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล มีชื่อถือครองหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น เข้าลักษณะต้องห้ามมีให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(3) และเป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(6) หรือไม่ ได้รวบรวมข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย พยานหลักฐานต่างๆ และมีการประสานข้อมูลกับคณะกรรมการไต่สวนนายพิธา กรณีรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ยังคงลงสมัครตามมาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.

โดยมีรายงานว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้สรุปข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน ข้อกฎหมายเสร็จสิ้นแล้ว เตรียมเสนอต่อที่ประชุม กกต.พิจารณาต้นสัปดาห์นี้ แต่แหล่งข่าวระบุว่าจะมีการเสนอเรื่องดังกล่าวในการประชุมวันพรุ่งนี้ (10 ก.ค.) และคาดว่าที่ประชุม กกต. จะมีมติส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ โดยให้สำนักงานดำเนินการทันที


ทั้งนี้ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว กกต.มีมติตั้งขึ้นเมื่อช่วงปลาย มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังมีการยื่นคำร้องใหม่ของทั้ง นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 ขอให้ กกต.ดำเนินการส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายพิธา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 และคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา นำโดย นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้นำหลักฐานเกี่ยวกับการถือหุ้น itv ของนายพิธา มามอบให้กับ กกต. เพื่อหวังให้ กกต.ยื่นเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้เร็วขึ้น

...

ซึ่งก่อนหน้านี้ นายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. กล่าวว่า การดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ของ กกต.จะเป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อ กกต.เห็นว่ามีข้อมูลเพียงพอก็สามารถมีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาได้ โดยก่อนมีมติจะเชิญหรือไม่เชิญนายพิธาผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงต่อกกต.ก่อนหรือไม่ก็ได้

อย่างไรก็ตาม หาก กกต.มีมติและเสนอเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญที่ปกติจะมีการประชุมประจำสัปดาห์ในวันพุธ ซึ่งสัปดาห์นี้จะตรงกับวันที่ 12 ก.ค. หากศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัย และมีคำสั่งให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ไว้จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ย่อมมีผลต่อการโหวตสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ตามที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรนัดประชุมรัฐสภาในวันที่ 13 ก.ค.นี้.