เปิดปาก "ผศ.ดร.โอฬาร" และ "ดร.สติธร" ปมโหวต "พิธา" นั่งเก้าอี้นายกฯ คนที่ 30 พร้อมชี้ การเมืองไทยไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ ต้องรอสัญญาณพิเศษที่จะทำให้ ส.ว. ตัดสินใจ 

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 7 กรกฎาคม 2566 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยกับ ผศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา และ ดร.สติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า ประเด็นโหวต "พิธา" นั่งเก้าอี้นายกฯ คนที่ 30 จะรอดหรือร่วง?

ดร.สติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า เผยว่า คะแนนโหวตให้คุณพิธาเป็นนายกฯ นั้น ความรู้สึกลึกๆ คิดว่าอาจจะถึง ก่อนหน้านี้อาจจะมีความไม่แน่นอนเยอะหลายเรื่อง แต่การเลือกประธานสภาที่ผ่านมา ทำให้เราเห็นข้อมูลใหม่อะไรบางอย่าง คือถ้าจะเกิดเกมยืดยื้อคล้ายที่วิเคราะห์กันมาก่อนหน้านั้น การโหวตรองประธานคนที่ 1 ตัวเลขควรจะมาที่ 312 ต่อ 180 กว่า ไม่น่าจะมีตัวเลขงดออกเสียง 76 มันทำให้เกิดตัวแปรใหม่ขึ้นมาว่า 76 เสียงตรงนี้ ถ้าวันโหวตนายกแล้วโหวตให้คุณพิธา เขาก็จะได้เป็นนายกฯ โดยไม่ต้องพึ่ง ส.ว. แต่ถ้าจับมือกับที่เหลือแล้วบวกกับ ส.ว. แล้วเสนอชื่อใครขึ้นมาแข่ง เขาก็จะได้เป็นนายกฯ เลย แม้จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย 

...

รวมทั้งถ้าพวกเขายังเป็นเสียงที่งดออกเสียงแบบนี้ แม้กระทั่งการโหวตนายกฯ แปลว่าฝั่งนี้จะเสนอหรือไม่เสนอ คุณพิธาก็จะยังไม่ได้เป็นนายกฯ ซึ่งจะไม่มีใครได้เป็นนายกฯ เลยในวันนั้น เพราะในการโหวตเลือกนายกฯ การงดออกเสียงนั้น ก็คือการไม่ให้เสียง เพราะโจทย์ต้องการ 376 เสียง ของทั้งหมด 750 เสียง

ผศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เผยว่า ทุกครั้งเวลาที่นักการเมืองมาหาเราที่บ้าน ก็จะบอกว่าช่วยสนับสนุนด้วยนะ ซึ่งเราก็จะตอบแบบนี้กับทุกพรรคว่า ช่วยแน่นอน คิดว่าอันนี้คือมารยาทของการเมือง ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ส.ว. ผู้นำทางการเมือง เขาก็จะต้องตอบด้วยมารยาท ว่ายังไงก็จะช่วยสนับสนุนแน่นอน ซึ่งอันนี้ทำให้ทางก้าวไกลจับคำพูดพวกนี้มาพูดต่อ แต่สุดท้ายในสภาพการเมืองไทยที่ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ ก็จะต้องรอสัญญาณพิเศษหรือข้อมูลใหม่ ที่จะทำให้ ส.ว. ตัดสินใจ 

ผมคิดว่าก้าวไกลเขาก็จะทำเต็มที่ ถ้าทำเต็มที่แล้วได้เขาก็จะประสบความสำเร็จ คุณพิธาได้เป็นนายกฯ แต่ถ้าเขาไม่ได้ ต่อไปก็จะตอบคำถามกับสังคมว่า เขาได้จากประชาชนแล้ว 312 เสียง แต่คนที่ทำให้เขาไม่ได้ คือ ส.ว. ที่มาจากกติกาที่ไม่เป็นธรรม ฉะนั้นต่อไปครั้งหน้าต้องเลือกเขาให้ขาด เพื่อมาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ทำให้พรรคหรือนักการเมืองที่ประชาชนเลือกมาด้วยคะแนนเสียงอันท่วมท้น ได้เป็นรัฐบาลโดยไม่ต้องผ่านคนที่ไม่ได้มาจากประชาชน

จริงๆ ถ้ามีเลือกตั้งใหม่อาจจะไม่ถึง 4 ปีก็ได้ เพราะถ้าเกมมันทำให้ก้าวไกลมาเป็นฝ่ายค้าน แล้วพวกเขามาตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้น รวมทั้งมีประชาชนสนับสนุนแบบนี้เยอะๆ โดยเพิ่มประเด็นการตรวจสอบทุจริตกองทัพ, ตำรวจ รัฐบาลหน้า อาจจะอยู่ได้ไม่เกินปีครึ่ง

ขณะที่ ดร.สติธร เผยต่อว่า ถ้าแย่กว่านั้น เขาตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย แล้วมันไม่เสียงข้างมากหลังจัดตั้งรัฐบาลได้ แปลว่าอยู่ได้ไม่ถึง 6 เดือนด้วยซ้ำ แต่ก่อนจะถึงวันที่ 13 ก.ค. ต้องผ่านปัจจัยบางอย่างไปก่อน คือต้องไปสแกนดู 76 เสียงที่งดออกเสียง ว่าใช้ภูมิใจไทยแน่ใช่ไหม ต้องดูจุดยืนภูมิใจไทยกับการโหวตนายกฯ คืออะไร และต้องมาดูว่าใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งอาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องภายในพรรค แต่จุดยืน 2 แบบที่จะเกิดขึ้นคือ กลุ่มอำนาจเก่ายังบริหารพรรคต่อ แปลว่าแนวโน้มก็คงร่วมอยู่กับ 188 เสียง แต่ถ้าเป็นขั้วอำนาจใหม่ เป็นคนที่เข้ามาแล้วบอกอยากจะปฏิรูปพรรคแบบ 360 องศาฯ เขาอาจจะยอมแสดงสปิริตทางการเมือง โหวตให้กับพรรคร่วม 312 แม้จะไม่ได้เข้าร่วมรัฐบาล แปลว่าโจทย์ที่ต้องการเสียงของ ส.ว. จะน้อยลงจาก 64 เหลือ 39 

กลับมาที่ตัวเลข 376 เสียง มันเป็นเจตนารมณ์ของผู้ร่าง ในบริบทที่พวกเขากำลังนั่งคิดกันอยู่ว่าที่ผ่านมา เมืองไทยมันมีปัญหาอะไร ทั้งการแบ่งขั้วแยกข้างเป็นสีเหลืองแดง จึงออกแบบกติกามาเพื่อแก้ปัญหาตรงนั้น คือไม่อยากให้การเลือกตั้งวนลูปไปเหมือนรัฐประหารปี 2549 พอเลือกตั้งปี 2550 ฝ่ายหนึ่งชนะ แล้วก็เกิดความขัดแย้งกันอยู่แบบไม่จบไม่สิ้น เขาก็เลยวางเกมกติกามาว่า ถ้าจะเกิดรัฐบาลขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งเสียงพิเศษ แปลว่า นักการเมืองพวกคุณต้องสมานฉันท์กันให้ได้ก่อน คือต้องรวมกันให้ได้ 376 เสียงก่อน ซึ่งในข้อมูลชุดนั้นคือพรรคใหญ่ 2 พรรคต้องรวมกัน อยู่ด้วยกัน ตั้งรัฐบาลด้วยกันได้ จะได้ไม่ต้องมาขัดแย้งกันอีกหลังวันเลือกตั้ง 

แต่ ณ วันนี้ ข้อมูลที่มีวันนั้นกับสิ่งที่เกิดวันนี้มันคนละเรื่องกันแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้เราไม่ต้องกลับไปดูเจตนานั้นแล้ว ต้องดูข้อมูลชุดปัจจุบัน ฉะนั้นสิ่งที่ควรจะต้องทำคือถ้าเห็นว่าการเลือกนายกฯ ทำไมต้องยืดยื้อ ก็ต้องทำให้เสียงที่ประชาชนเขาเลือกมา มันกลายเป็นรัฐบาลทันที 

"คนที่เป็น 250 ส.ว. และพรรค 188 เสียงต้องฟังว่าวันนี้ 312 เสียง เขามาจากความต้องการของใคร เขาต้องการให้ 2 พรรคใหญ่ กับอีก 6 พรรคจัดตั้งรัฐบาลด้วยกันใช่มั้ย และไม่อยากให้การโหวตนายกฯ ยืดยื้อด้วย" ดร.สติธร กล่าว

อย่างไรก็ตาม สามารถติดตามรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" พร้อมกันได้ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 15.30 น. เป็นต้นไป ได้ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32.