นักวิชาการวิเคราะห์ต่อเนื่อง เส้นทางสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ "พิธา" จะราบรื่นหรือไม่ หลังการส่ง "วันนอร์" นั่งตำแหน่งประธานสภา ผ่านไปได้อย่างด้วยดี

วันที่ 4 กรกฎาคม 2566 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยกับ รศ.สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง และ รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา ม.รังสิต และอดีต กกต. ในการวิเคราะห์ด่านต่อไปของการเมืองไทย กับการโหวตเลือกนายกฯ ที่กำลังจะถึงเร็วๆ นี้ 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร เผยว่า ตอนแรกยังมองเกมไม่ค่อยออกว่าจะหาทางออกยังไงในการเลือกประธานสภา แบบแต่ละฝ่ายก็พยายามชูคนของตัวเอง อย่างก้าวไกลกะเอาเต็มที่ไม่น่าจะถอย ในขณะที่เพื่อไทยมีแต่ข่าวปล่อย ไม่มีใครยืนยันชัดเจนว่าจะเสนอใคร แต่พอออกเป็นคุณวันนอร์ เป็นการรุกฆาตของฝั่งเพื่อไทย โดยเสนอคนกลางที่คุณปฏิเสธไม่ได้ กลายเป็นสิ่งที่ก้าวไกลต้องไปพิจารณามาว่าจะสู้กับ อ.วันนอร์ หรือไม่ จนสุดท้ายก็ยอมถอย เพียงแต่ภาพที่ออกมาเหมือนกับก้าวไกลไปเชิญ อ.วันนอร์ มาทั้งๆ ที่เป็นภาวะจำยอมมากกว่า

...

ด้าน รศ.สุขุม นวลสกุล กล่าวว่า สิ่งที่ก้าวไกลกลัวคือ ประธานเป็นของเพื่อไทย แล้วต้องไประแวงว่ามีดีลลับกับตรงข้ามบ้างไหม พูดตรงๆ คือ กลัวจะชูคุณประวิตรเป็นนายกฯ แต่พอเป็น อ.วันนอร์ เขาก็คิดว่าดีกว่าชนกับประธานที่มาจากเพื่อไทย ซึ่งถือการตัดสินใจของก้าวไกลครั้งนี้เป็นการถอย ต้องไปตั้งหลักใหม่ว่าจะทำยังไงถึงจะชนะในตำแหน่งนายกฯ เพราะหากประธานเป็นของก้าวไกลก็ยังคุยกันได้ แต่พอมาแบบนี้ คือก้าวไกลไม่ได้เป็นคนเลือก

รศ.สมชัย เผยต่อว่า หากสังเกตในวันแถลงข่าวเมื่อวาน ตนคิดว่าสีหน้าไม่เหมือนกัน เพื่อไทยยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ในฝั่งทางก้าวไกลตนรู้สึกเขานิ่ง เพราะสถานการณ์ไม่เป็นแบบที่เขาคาดการณ์ไว้ ตนคิดว่าเพื่อไทยทำแบบนี้ เลือกเสนอชื่อคนในวันสุดท้าย คือการเก๋าเกม ทำให้ก้าวไกลปฏิเสธไม่ได้ ถ้าถามว่ามันทำให้ก้าวไกลห่างจากตำแหน่งนายกฯ หรือไม่ ตนมองว่ามันแสดงให้เห็นว่าก้าวไกลรู้จักถอยได้ และถอยเป็น ทำให้คนที่อยู่ข้างนอกเห็นว่าก้าวไกลยังเป็นเด็กที่สามารถพูดคุยด้วยได้ ในส่วนนี้อาจจะได้ใจ ส.ว.จำนวนหนึ่งมากขึ้น แต่จะเพียงพอถึง 367 เสียงหรือไม่นั้น ตนก็ยังไม่มั่นใจ 

รศ.สุขุม เผยถึงกรณีที่ คุณจตุพร ทายว่าประธานสภาจะเป็น คุณสุชาติ ตันเจริญ ระบุว่า ตนมองว่าเป็นการพูดดักคอมากกว่า เพราะมองดูว่าแนวโน้มที่จะเป็นแบบนั้นก็มีอยู่ เพราะคุณสุชาติไม่เคยมีการออกมายืน หรือปฏิเสธ เพราะฉะนั้นตนคิดว่าอาจจะมีเชื้อไฟบ้างแหละ

ซึ่งตนเชื่อว่าในการโหวตนายกรัฐมนตรีจะมีครั้งเดียว คือถ้าคิดแบบเก่าอาจจะมีโหวตครั้งหนึ่งถึง 2 ครั้ง และค่อยไปโหวตเพื่อไทย แล้วอาจจะซอฟต์หน่อย แต่ตนคิดว่าครั้งนี้จะโหวตครั้งเดียว เพราะคนจับตาทั้งประเทศ หากโหวตแล้วคุณพิธาไม่ผ่าน ตนคิดว่าประชาชนจะไม่อยู่นิ่ง เพราะมติมหาชน 14 พ.ค. ชัดเจนว่าให้พิธาเป็นนายกฯ หากไม่ได้เป็น คือสวนทางกับมติของสังคม ซึ่งตนมองว่าหากโหวตแล้วต้องได้แน่นอน

ขณะที่ รศ.สมชัย กล่าวต่อว่า หากโหวตพรุ่งนี้ อาจจะมีความเป็นจริงได้ แต่ครั้งนี้มีเวลายืดไปถึง 10-15 วัน ซึ่งก็อาจจะเกิดอะไรขึ้นได้ โดยผ่านมาผู้เชี่ยวชาญทางการเมืองทั้งหลายจะทำนายภาพในปัจจุบันโดยไม่มองว่าจะเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีก ตนจึงอยากเตือนก้าวไกล ว่าอย่าทำกระสุนลั่นอีก คืออะไรก็ตามที่ทำให้คนเคลือบแคลงสงสัยว่า มีเจตนาสร้างที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง กระทบต่อความมั่นคง และกระทบต่อความรู้สึกของคนในสังคม ทั้งตัวของคุณพิธาเอง และ ตัวของ ส.ส.ก้าวไกล และกองเชียร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ก้าวไกลก็คุมให้ได้

อย่างที่สองต้องมีการภาวนาอย่าให้เกิดเหตุการณ์อื่นๆ อีก ที่พูดถึงปัญหาของคุณพิธา หรือ ส.ส. อย่าเข้าชื่อกันเอง คืออย่าเสนอไปเองว่าคุณพิธาขาดคุณสมบัติ ตนจึงบอกว่าประคอง 10 วันให้สถานการณ์นี้นิ่งที่สุด และที่สำคัญคือ ส.ว.ต้องเลือกตัดสินใจจากเหตุและผล โอกาสที่เป็นบวกจากคุณพิธาจะมีมากยิ่งขึ้น หากใน 10 วันนี้มันไม่นิ่ง มีการตอบโต้ไปมาเต็มไปหมด ในวันเลือกนายกฯ อาจจะจบครั้งเดียวก็ได้ แต่กลายเป็นอีกด้านหนึ่งคือ อาจจะมีการเสนอชื่อแข่งเลยก็ได้ ซึ่งหากฝั่งตรงข้ามเสนอชื่อคนใหญ่แข่งเมื่อไหร่ คือเขาต้องมั่นใจว่าจะได้อย่างแน่นอน

เพราะฉะนั้นการมองสถานการณ์ต่อจากนี้ คือการวางเกมแต่ละฝ่าย ก้าวไกลจะต้องทำให้ตัวเองบาดเจ็บน้อยที่สุด แสดงความตั้งใจ และจริงในในการบริหารบ้านเมือง ในขณะที่เพื่อไทยจะหนุนเต็มที่หรือไม่ ตนคิดแบบคนนอก คือเป็นไปได้ยาก เพราะเขาอาจจะคิดว่าถ้าที่ 1 เข้าไม่ได้ แต่ครั้งที่ 2 เป็นโอกาสของเขา ก็อาจจะหมายความว่าการออกแรงอย่างถึงที่สุดที่เพื่อไทยบอก ก็อาจจะไม่เป็นไปได้ ตนจึงต้องบอกให้เพื่อไทยช่วยเต็มที่ คือไปคุยกับ ส.ว. เพื่อช่วยก้าวไกลเต็มที่

รศ.สุขุม เผยว่า ตราบใดที่ไม่สัญญาถึงขนาดที่ว่าเพื่อไทยจะอยู่ร่วมก้าวไกลอย่างถึงที่สุด หรือช่วยเสนอให้ก้าวไกลเป็นนายกฯ จนถึงที่สุด ก็มีโอกาสเป็นไปได้ เพราะเพื่อไทยเขามีโอกาสแน่ แต่ที่ อ.สมชัย พูดเรื่องระยะห่าง 10 วันนั้น ตนคิดว่าห้ามไม่ได้ หากไม่เป็นจากฝั่งตัวเอง ก็เป็นจากฝั่งตรงข้าม

เพราะฉะนั้นจึงขอให้ประชาชน คนดูตั้งสติ อย่าให้เขาแหกตา เพราะเราฉลาดเลือกแล้ว ผลจากการเลือกตั้งก็ต้องประคองกันไปให้มันศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน ซึ่งตนยังเชื่อใน 188 เสียงที่เหลืออยู่ เชื่อว่าคนที่มีอุดมการณ์ในการเล่นการเมืองจริงๆ มันทนไม่ได้หรอก ที่สามารถทำอะไรให้เป็นประชาธิปไตยแล้วไม่ทำ ตนหวังว่าเขาจะโหวตให้ประชาธิปไตยก้าวไปข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม สามารถติดตามรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" พร้อมกันได้ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 15.30 น. เป็นต้นไป ได้ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32.