เขี้ยว “ฟันปลอม” แข็งกว่า เขี้ยว “ฟันน้ำนม” ตามรูปเกม “ตาอิน” ค่ายก้าวไกล แย่งกับ “ตานา” พรรคเพื่อไทย สุดท้ายหวยออก “ตาอยู่” อย่างนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชาติ ยึดเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร

เพื่อไทย กับก้าวไกล อดทั้งคู่ แต่ “นายใหญ่” คว้าพุงปลาไปกิน

เพราะ “วันนอร์” ก็คือคนของทีมนายห้างดูไบ ที่แตกแบงก์พันออกมา

เอาเป็นว่า กองทัพส้มแพ้ยกแรก ประธานสภาฯหลุดมือไปแล้ว แนวโน้มยกสอง สถานการณ์แห่ “หนุ่มทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขึ้นแท่นนายกรัฐมนตรี ยังลูกผีลูกคน

ส่อพลาดเป้าหมด ตรงกันข้ามกับเพื่อไทยที่ลุ้นเหมาทั้ง 2 เก้าอี้

ฉลาดกว่าลิงก็ต้องยกให้ทีมนักรบห้องแอร์ค่ายเพื่อไทย แต่ที่ควายล้วนๆไม่ได้มีวัวปนเลย กับดราม่า “สามนิ้ว” ภาพที่นักวอลเลย์บอลสาวขวัญใจชาวไทย ส่งซิกบอกเพื่อนร่วมทีมถึงวิธีการเล่น แต่ถูกนำมาขยายความเป็นเรื่องของการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ “ต้านเผด็จการ”

...

แสดงตัวแสดงตนเป็นแนวร่วมกองทัพ “ด้อมส้ม” ซะอย่างนั้น

“สลิ่มตัวพ่อ” พาลหมั่นไส้ จุดชนวนถล่มเพราะอารมณ์ค้างมาจากการปรากฏตัวของ “หนุ่มทิม” ไปปรากฏตัวอยู่ในสนาม ร่วมเชียร์ทีมวอลเลย์บอลสาวไทยแข่งรายการเนชันส์ ลีก

เรียกเสียงกรี๊ดกระหึ่ม กวาดเรตติ้งกระจาย

กลายเป็นชนวนร้อน กองทัพด้อมส้ม กับกองกำลังสลิ่ม เปิดศึกกันสนั่นโซเชียลฯ

เกมวอลเลย์จบ คนไม่จบ ลากมาตบกันต่อนอกสนาม ไฟขัดแย้งจากเกมอำนาจทางการเมืองลามเข้าไปวงการกีฬา อาการ “หน้ามืด” ของบรรดาตัวพ่อ ตัวแม่ แนวร่วมขบวนแห่แต่ละขั้วถูกปั่นจนทะลุจุดเดือด

ไล่ฟัดดะพวกที่เห็นต่าง ท้าตะลุมบอนกับคนที่ไม่ใช่ข้างเดียวกับตัวเอง

รอยปริแยกแตกร้าวขยายวงไปทุกวงการ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องกีฬาที่ส่อจะพังเพราะการเมืองเน่า นักกีฬาเด็กสาวๆแทนที่จะได้กำลังใจจากการทุ่มเทแรงในสนาม ทำชื่อเสียงให้ประเทศชาติ

กลับต้องมาเป็นเหยื่อของพวกคลั่งความขัดแย้ง

ไม่ใช่แค่วอลเลย์บอลเท่านั้น มันยังมีเรื่องของฟุตบอลที่ส่อจะ “โก โซ บิ๊ก” ไปกันใหญ่ ถึงขั้นเสี่ยงโดนแบน ฟีฟ่าอาจตัดสิทธ์ิทีมชาติไทยในทัวร์นาเมนต์ระดับชาติ

จากสถานการณ์ที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย คำรามลั่น ไล่ตะเพิด “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ลาออกจากตำแหน่ง รับผิดชอบกับผลงานห่วยแตก

ทำทีมบอลไทยไปมวยโลก เตะต่อยกับคู่แข่งกลายเป็นภาพอดสู อับอายขายขี้หน้า

คดีพลิก กลายเป็นว่า การเมืองแทรกแซงวงการฟุตบอล ตามอาการย้อนศรแบบที่ “บิ๊กอ๊อด” ยืนยันตอกย้ำว่า ไขก๊อกตามบัญชาของ “บิ๊กป้อม”

ไม่ยอมหมอบดีๆ อารมณ์พยศแบบที่พร้อมเจ๊งไปด้วยกัน

เรื่องของเรื่อง การเมืองกับวงการฟุตบอลไทยมันแยกกันไม่ขาด ฟาดฟันกันมาตลอดโดยเฉพาะห้วง 15 ปีที่ผ่านมา บนเดิมพันผลประโยชน์นักเลือกตั้งอาชีพกับเกมลูกหนัง

แบ่งฝั่ง อิงเกมอำนาจรัฐบาล ยึดสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ตามขุมข่ายโยงใย ทีมแห่ “บิ๊กอ๊อด” มีเจ้าพ่อเซราะกราว เป็นโต้โผใหญ่ ปฏิบัติการล้างกระดาน “บังยี” นายวรวีร์ มะกูดี อดีตนายกลูกหนังคนเก่า พร้อมๆกับยุคระบอบทักษิณโดนยึดอำนาจ

ทีมเกรียนเซราะกราว เกาะเกี่ยวอำนาจทหารเฒ่า 3 ป. ผงาดยาวมากว่า 10 ปี

แต่ถึงวันนี้ เกมอำนาจการเมืองส่อจะเปลี่ยนแปลง ขุมข่ายระบอบทักษิณส่อเค้าจะฟื้นคืนชีพ ทำให้ขุมข่ายลูกหนังของ “บังยี” ที่สายสัมพันธ์แนบแน่นกับทีมนายห้างดูไบกลับมาคึกคัก

หักมุมกับ “บิ๊กอ๊อด” และทีมแห่ ที่ยากจะดื้อด่านฝ่ากระแสโห่ไล่

และก็เป็น “บิ๊กป้อม” ที่ได้จังหวะ “ซัลโวตามน้ำ” ทำการอัปเปหิ “บิ๊กอ๊อด” พ้นเก้าอี้นายกลูกหนัง เรียกเสียงเชียร์กระหึ่มจากแฟนบอล ที่อยากเห็นความรุ่งเรืองของวงการฟุตบอลไทย

โชว์ความเด็ดขาดของ “บิ๊กบราเธอร์” ที่คั่วเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

เว้นแต่ถ้าคดีพลิก กลายเป็นลูกหนังไทยโดนฟีฟ่า “แบน” จากปมการเมืองแทรกแซง “บิ๊กป้อม” ก็หนีไม่พ้นต้องรับก้อนอิฐแทนดอกไม้ ตกเป็นแพะบูชายัญร่วมกับ “บิ๊กอ๊อด”

สังเวยเกมอำนาจ ลามติดเชื้อวงการกีฬา ทำลายเกมสปิริต

“การเมืองเน่า” ทำพังเป็นหน้ากลอง เจ๊งทุกวงการ.

ทีมข่าวการเมือง