“พิธา” ฟื้นหายโควิดนำ 150 ส.ส. ลูกพรรคเข้าสภาฯคึกคัก ออนทัวร์ขอบคุณน้ำใจชาวแม่กลอง ลั่นไม่หวั่นอุปสรรคขวากหนาม ทวง ส.ว.โหวตตามบรรทัดฐานปี 62 ยึดมติเสียงข้างมาก โอดรื้อ ม.112 เท่ากับล้มล้างการปกครองเกินจริงไปมาก “ก้าวไกล” เคาะ “ปดิพัทธ์” ชิงเก้าอี้ประธานสภาฯ “เพื่อไทย” ดับเครื่องชนยึดสูตร 14 บวกหนึ่งต้องได้ประธานสภาฯ “ชลน่าน” รับหน้าเสื่อหอบสูตรเดิมไปเจรจา “ชูศักดิ์” อ้างใช้คนของพรรคงานนิติบัญญัติจะสมบูรณ์ราบรื่นเรียบร้อย “ลุงป้อม” ยิ้มกริ่มข่าวนั่งนายกฯผ่าทางตัน ปัดบินไปอังกฤษพบ “ทักษิณ” ดีลพลิกขั้ว “ชัยวุฒิ” อวย หน.พปชร.คุณสมบัติเป๊ะ “เสรี” ฉีกทิ้งหลักการปี 62 อ้างคนละมาตรฐานและติดเงื่อนไขเสนอแก้ ม.112 ชงข้อมูลหุ้นไอทีวี-ที่ดินปราณบุรีมัดผิด “พิธา” ขู่เข้าชื่อ ม.82 ส่งศาล รธน.ตีความคุณสมบัติแคนดิเดตนายกฯ

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เตรียมความ พร้อมรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาครั้งแรก ในวันที่ 3 ก.ค. ก่อนนัดประชุมสภาฯ วันที่ 4 ก.ค. เวลา 09.30 น. เพื่อ เลือกประธานสภาฯ ล่าสุดพรรคเพื่อไทยยืนกรานให้ คณะตัวแทนไปเจรจากับพรรคก้าวไกล โดยยึดสูตร 14 บวกหนึ่ง พรรค พท.ยืนยันต้องได้ตำแหน่งประธานสภาฯ

...

สภาฯพร้อมประชุมรัฐสภานัดแรก

เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ที่รัฐสภา นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง รัฐพิธีเปิดประชุม รัฐสภาครั้งแรก ในวันที่ 3 ก.ค. ว่า พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินี จะเสด็จพระราช ดำเนินมายังรัฐสภาในเวลา 17.00 น. โดยวันที่ 28 มิ.ย. สำนักงานเลขาธิการสภาฯ จะแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสมาชิกรัฐสภา ขณะที่การเตรียมซักซ้อมรัฐพิธี สำนักงานเลขาธิการสภาฯ ได้ซักซ้อมต่อเนื่อง เพราะเป็นงานพิธีที่สำคัญ ในวันที่ 3 ก.ค. สำนักงานจะให้ข้าราชการที่ไม่เกี่ยวข้องทำงานที่บ้านและขอ ความร่วมมือสื่อมวลชนที่ไม่เกี่ยวข้องงดเข้าพื้นที่รัฐสภา ส่วนการประชุมสภาฯนัดแรก เพื่อเลือก ประธานสภาฯจากการประสานไปยังทุกพรรคการเมือง จะนัดประชุมวันที่ 4 ก.ค. เวลา 09.30 น. โดย พล.ต.ต. วิโรจน์ เปาอินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะ ส.ส.อาวุโสสูงสุด จะทำหน้าที่ประธานที่ประชุมชั่วคราวและเข้าซักซ้อมการประชุมแล้ว

ตัดสิทธิ์ “ณธีภัสร์” พ้นตำแหน่ง ส.ส.

นางพรพิศกล่าวอีกว่า สำนักงานเลขาธิการสภาฯ ได้พิจารณาปรับยอดจำนวน ส.ส.ที่ต้องเข้ารายงานตัว จากเดิมที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผลเลือกตั้ง 500 คน เหลือ 499 คน เนื่องจาก ได้ตัดชื่อ น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล หลังจากสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ทำหนังสือถามที่ศาลอาญามีนบุรีกรณี น.ส.ณธีภัสร์ มีคดีเมาแล้วขับ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ได้รับหนังสือจาก ศาลอาญามีนบุรีว่า คดีดังกล่าวถึงที่สุด ถือว่า น.ส. ณธีภัสร์สิ้นสุดสมาชิกภาพตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 เมื่อสิ้นสมาชิกภาพจำนวน ส.ส.ต้องลดลง ขณะนี้ สำนักงานแจ้งไปยังพรรคก้าวไกลและ น.ส.ณธีภัสร์แล้ว ส่วนการเลื่อนลำดับ ส.ส.บัญชีรายชื่อถัดไปขึ้นมาแทน จะดำเนินการหลังมีประธานสภาฯ คนใหม่แล้ว เบื้องต้น ใช้เวลาไม่นานภายใน 7 วัน แต่การออกประกาศจาก สภาฯ ต้องรอประกาศราชกิจจานุเบกษา

8 วัน ส.ส.รายงานตัวแล้ว 487 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ตลอดทั้งวันที่ 27 มิ.ย. ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. วันที่ 8 ของการ รายงานตัวเป็น ส.ส. มี ส.ส.มารายงานตัวทั้งหมด 151 คน ส่วนใหญ่เป็น ส.ส.พรรคก้าวไกล 150 คน ที่ยกขบวนมารายงานตัว ส่วนอีก 1 คน คือ น.ส.วชิราภรรณ์ กาญจนะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรครวมไทย สร้างชาติ รวม 8 วันมี ส.ส.มารายงานตัวแล้วทั้งหมด 487 คน จากจำนวน ส.ส.ทั้งหมด 499 คน เหลือ ส.ส.อีก 12 คน ที่ยังไม่มารายงานตัว เป็นของพรรค ชาติไทยพัฒนา 8 คน นายวราวุธ ศิลปอาชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา จะนำทีม ส.ส.ชาติไทยพัฒนาทั้งหมด มารายงานตัวเป็น ส.ส.ในวันที่ 28 มิ.ย. ส่วนที่เหลืออีก 4 คน คือ พรรคเพื่อไทย 1 คน คือ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชี รายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ 3 คน คือ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ ม.ล.ชโยทิต กฤดากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

“พิธา” นำทัพ 150 ส.ส.รายงานตัวคึก

ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 09.19 น. ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) นำคณะ 150 ส.ส.สวมเสื้อยืดมีข้อความ “เราคือผู้แทนราษฎร เรามาจากประชาชน” สวมทับชุดสูท นั่งรถทัวร์ปรับอากาศมารายงานตัว ส.ส.ต่อสำนักงานเลขาธิการสภาฯ มีแฟนคลับพรรค ก.ก.จำนวนหนึ่งมายืนชูป้ายให้กำลังใจนายพิธาและคณะ พร้อมตะโกน ว่า “นายกฯ สู้ๆ” นายพิธาโบกมือทักทายแฟนคลับก่อนเดินเข้าอาคารรัฐสภา เมื่อเข้ามาถึงมีข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของสภาฯบางส่วน เตรียมช่อดอกไม้มามอบให้ ส.ส.พรรค ก.ก. รวมทั้งมีกลุ่มแม่บ้านประจำสภาฯ รวมตัวกันถือป้ายให้กำลังใจนายพิธา ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

คิดบวก ส.ว.จะโหวตให้เสียงข้างมาก

นายพิธาให้สัมภาษณ์ว่า วันที่ 27 มิ.ย. มีความสำคัญกับประวัติศาสตร์ชาติไทยพอสมควร จึงคิดว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ ส.ว.หลายคนระบุไม่สนับสนุนให้เป็นนายกฯไม่กังวลใจ เท่าที่มีโอกาสพูดคุยกับ ส.ว.มีหลายคนที่มีดุลพินิจ มีหลักการเลือกตามบรรทัดฐานที่เคยทำไว้เมื่อปี 2562 ที่พูดไว้ว่าถ้าสภาฯล่างใครที่รวมเสียงได้เกิน 251 ไม่อยากฝืนมติสภาฯหรือเสียงจากประชาชน ถ้าบรรทัดฐานเป็นเช่นนั้น ภาพรวม ส.ว.250 คน น่าจะเป็นไปตามหลักการที่ ส.ว.น่าจะเชื่อมั่นมากกว่า ที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ระบุมีเสียง ส.ว.ใกล้ถึงเป้าเป็นเรื่องจริง คืบหน้าขึ้นเรื่อยๆ

รื้อ ม.112 เท่าล้มล้างเกินจริงไปมาก

นายพิธากล่าวว่า หลายเรื่องที่เป็นข้อกังวลใจของ ส.ว. แต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องหลักการให้เป็นไปตามปี 62 ที่เมื่อสภาฯล่างรวมเสียงได้มาก ไม่ควรมีใครมาขืน การแก้ไขมาตรา 112 เชื่อว่าจะไม่เป็นเหตุให้เส้นทางการจัดตั้งรัฐบาลสะดุด แก้ไขคือแก้ไข ไม่ใช่ยกเลิก เท่าที่ได้คุยกับ ส.ว.ทำให้เขาเข้าใจมากขึ้นว่าการรักษาปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับประเทศไทยที่กำลังเปลี่ยนผ่าน หากการแก้ไขมาตรา 112 ทำให้ไปไม่ถึงนายกฯน่ากังวลใจ นำเสียงของประชาชนปะทะกับสถาบันโดยตรง ไม่เหมาะสมและอันตราย อย่านำเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างอีกเลย มีหลายเรื่องที่เห็นตรงกันจำนวนมากที่ต้องบริหารจัดการ

เมื่อถามถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องการแก้ไขมาตรา 112 ของพรรค ก.ก.นายพิธากล่าวว่า ไม่กังวลใจ เป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญกับอัยการสูงสุด การแก้ไขกฎหมายฉบับหนึ่งไม่เท่ากับการล้มล้างการปกครองตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหานี้เกินจริงไปมาก ยืนยันตั้งใจที่จะรักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างหนักแน่น เชื่อว่าไม่เป็นไปตามข่าวว่า ส.ว.จะนำเรื่องมาตรา 112 เป็นข้ออ้างไม่ทำมติสภาฯล่าง จึงไม่เป็นประเด็นอะไร เมื่อถามถึงข้อสรุปตำแหน่งประธานสภาฯที่พรรค ก.ก.ยืนยันมาตลอด นายพิธากล่าวว่า ขอให้รอวันที่ 28 มิ.ย.ที่จะประชุมร่วมกับพรรค พท. และจะแถลงเรื่องดังกล่าว

เคาะ “ปดิพัทธ์” ชิงเก้าอี้ ประธานสภาฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรค ก.ก.ว่าการคัดเลือกบุคคลลงชิงตำแหน่งประธานสภาฯของพรรค ก.ก. ได้ข้อสรุปแล้วว่าพรรค ก.ก.จะส่งนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก ในฐานะกรรมการบริหารพรรคสัดส่วนภาคเหนือ ลงชิงตำแหน่งประธานสภาฯ หลังก่อนหน้านี้มีชื่อแคนดิเดตปรากฏตามหน้าสื่อ 3-4 คน อาทิ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคฝ่ายกฎหมาย นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมถึงนายปดิพัทธ์ เมื่อมีการเสนอชื่อนายปดิพัทธ์ขึ้นมาในวงหารือเป็นการภายใน ระดับแกนนำพรรค ก.ก. ไม่มีใครคัดค้านจึงเคาะชื่อนายปดิพัทธ์ โดยไม่มีการโหวตแข่งกัน

ลั่นไม่หวั่นกับดักขวากหนามใด

ต่อมาเวลา 13.00 น. ที่ศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม นายพิธา นำคณะ ส.ส. อาทิ นายอานุภาพ ลิขิตอำนวยชัย ส.ส.สมุทรสงคราม นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. น.ส.รักชนก ศรีนอก ส.ส.กทม. ขอบคุณประชาชนหลังชนะเลือกตั้ง มีประชาชน แฟนคลับ มารอต้อนรับเต็มพื้นที่ นายพิธา ปราศรัยบนรถติดเครื่องขยายเสียงตอนหนึ่งว่า มีสื่อมวลชนถามว่าชนะเลือกตั้ง 14 ล้านเสียง รวมพรรค พท. เป็น 25 ล้านเสียง ดูเหมือนมีกับดักการเมืองเยอะ ยังตั้งรัฐบาลไม่ได้ ไม่เป็นไร กำลังใจเกินร้อย ไม่เคยหวั่นไหวกับขวากหนามอุปสรรคกับดักทางการเมืองใดๆ หลายคนอาจคิดว่าจะทำให้ประวัติ ศาสตร์ซ้ำรอย แต่คนลูกชาวสมุทรแบบเรา รู้ดีว่าเวลาน้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง คนในประเทศนี้เขารับรู้ ไม่ว่าจะอยู่ถึงหอคอยงาช้างว่าตอนนี้คลื่นใต้น้ำ คลื่นแห่งความเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนถวิลหามานาน มาถึงแล้ว “ใครๆบอกว่า ผมไปที่ไหนยังไม่ได้เป็นนายกฯ ไปจับสุราก็ก้าวหน้า ไปจับผ้าไทยก็ก้าวหน้า วันนี้มาสมุทรสงครามขอจับปลาทูให้ดูหน่อย นี่ขนาดยังไม่มีงบฯยังไม่เข้าทำเนียบรัฐบาล ถ้าเข้าทำเนียบฯ มีงบฯดูแลประชาชนเท่าไร เต็มคาราเบลแน่นอน” นายพิธากล่าว พร้อมหยิบปลาทูแม่กลองขึ้นมาโชว์

ชาวบ้านกรี๊ดมอบของดีเเม่กลอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนายพิธาปราศรัยจบ มีประชาชนมารอถ่ายรูปด้วยจำนวนมาก บางคนนำหอยถุงใหญ่ ของดีเมืองแม่กลองมามอบให้ ด้านนายณัฐชาที่ยืนข้างๆแซวว่า รับประกันเลยว่าหอยถุงนี้ให้นายกฯพิธาเอาไปทาน เพราะ ส.ส.ขายหอย เขาไม่ได้เข้าสภาฯ มีแต่ ส.ส.กินหอย วันนี้ถุงนี้กินหมดแน่นอน ทำเมนูอะไรดี ต่อมานายณัฐชาขึ้นปราศรัยขอบคุณประชาชนต่อ โดยหยิบกล้วยที่ชาวบ้านมามอบให้นายพิธาขึ้นมา แล้วกล่าวว่า กล้วยน้ำว้า เข้าสภาฯรอบนี้แจกกล้วยคนละลูก แต่เป็นกล้วยน้ำว้าจากชาวสมุทรสงคราม เขียนเลขมาด้วย จากนั้นคณะนายพิธาไปที่ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาคร เข้าพบรับฟังข้อเสนอการแก้ไขปัญหาประมง

ใบ้หวยงวดนี้ 376 เสียง

ช่วงเย็นเมื่อเวลา 17.00 น. ที่จังหวัดสมุทรสาคร หลังจากคณะของนายพิธาเข้าพบและรับฟังข้อเสนอการแก้ไขปัญหาประมง ที่ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาคร นายพิธาไปเปิดปราศรัยขอบคุณประชาชน ที่ลานริมเขื่อนศาลเจ้าพ่อหลักเมือง มีประชาชนรอต้อนรับคึกคัก นายพิธาปราศรัยตอนหนึ่งว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคและผู้นำในการจัดตั้งรัฐบาลจะไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอย จะจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ และขอใบ้หวยไว้ก่อนเลยว่างวดนี้ออก 376 ประชาชนที่มาวันนี้อาจดีใจที่ได้เจอกับตน แต่ขณะเดียวกันอาจกังวลไปด้วย เพราะสถานการณ์แบบนี้ เรียกว่าน้ำขึ้นอยู่บนใบบอน ไม่แน่นอน มีบางคนไม่ฟังมติประชาชน ดำน้ำลอดใต้ทราย ทำให้บริษัทสื่อที่ปิดตัวไปแล้วมาขัดขวางการเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาล ประชาชนไม่ต้องกังวลใจ ถ้าน้ำกำลังเชี่ยวอยู่แบบนี้เขาห้ามนำเรือมาขวางต้องเชื่อว่า ส.ว.จะเลือกตามหลักการเดิมเมื่อปี 62 เขาบอกว่าให้สภาฯล่างไปคุยกันเอง รวบรวมเสียงให้ได้ 251 เสียง เขาจะไม่ขัดมติของประชาชน ปีนี้ 2566 4 ปีผ่านไปยังเชื่อว่าพวกเขาจะเลือกตามหลักการเดิม คราวนี้หวยไม่ได้ออก 251 ไม่ออก 312 แต่ออก 376

“ชลน่าน” มั่นใจเสียง พท.ไม่แตกแถว

เมื่อเวลา 12.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ ก่อนการประชุมกรรมการบริหารพรรคและประชุม ส.ส.พรรคว่า ตำแหน่งประธานสภาฯทุกอย่างต้องจบก่อนวันที่ 4 ก.ค. มั่นใจจบได้ด้วยดี แต่ถ้ามีเหตุจำเป็นอาจประชุม ส.ส.พรรคก่อนวันที่ 4 ก.ค. เชื่อวัน ลงมติเสียงพรรค พท.จะไม่แตก เมื่อถามว่าหากลงมติกันแล้วมั่นใจ ส.ส.พรรค พท.จะโหวตทิศทางเดียวกันใช่หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ตอนนี้เรายังไม่ใช้ที่ประชุมเพื่อลงมติ เพราะการเจรจายังไม่สิ้นสุด ต้องไปฟังคู่เจรจาก่อน เราคุยกันแบบพรรคร่วมที่ต้องจับมือร่วมกันไป เรารู้ว่าเราแยกกันไม่ได้ เราไม่มีทางจะแยกกันได้ด้วย ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยเฉพาะพรรค พท.ที่ถูกมัดด้วยอาณัติของประชาชนเช่นนี้จึงแยกยาก ต้องจับมือร่วมกันไปเพื่อทำงานตามที่ประชาชนมุ่งหวัง คือรัฐบาลประชาธิปไตยของประชาชน เมื่อถามย้ำว่า ไม่ว่าใครได้ประธานสภาฯไป เสียง 8 พรรคร่วมจะไม่แตกใช่หรือไม่ นพ.ชลน่านตอบว่า สิ่งสำคัญคือเราต้องจับมือกันไป ประธานสภาฯหรือคณะรัฐมนตรีต้องคุยกัน เพื่อจับมือกันไปอย่างมั่นคง

น่าละอายดื้อตั้ง รบ.เสียงข้างน้อย

เมื่อถามว่าการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วจะไม่เกิดขึ้นใช่หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ในมุมพรรค พท.มั่นใจไม่เกิดขึ้น เกิดขึ้นแต่ในมุมมองสื่อ เมื่อถามว่ากังวลว่าฝ่ายรัฐบาลเดิมจะเสนอชื่อนายกฯแข่งหรือไม่ เมื่อรวมกับเสียง ส.ว.จะได้เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย นพ.ชลน่านกล่าวว่า มีความเป็นไปได้เขามีสิทธิจะทำ หากทำเช่นนั้นโอกาสได้นายกฯสูงมาก เพราะมีเสียง 188 บวกกับ ส.ว.250 เกิน 276 เสียง ถือเป็นข้อกังวล เขาน่าจะละอาย ไม่เสนอชื่อนายกฯเสียงข้างน้อยมาแข่ง แต่หากเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวขึ้นจริง เรามีหน้าที่รับมือไม่ให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น เมื่อถามว่า ส.ว.บางคนแสดงจุดยืนชัดเจนไม่โหวตเลือกแคนดิเดตนายกฯพรรค ก.ก.เป็นนายกฯ นพ.ชลน่านกล่าวว่า คนที่ตัดสินคำนั้นดีที่สุดคือประชาชน เหตุผลที่เขาจะมีรัฐบาลเสียงข้างน้อย คือเขาเป็นนายกฯเพื่อยุบสภาฯ และสกัดกั้นไม่ให้ฝ่ายประชาธิปไตยเป็นรัฐบาลเท่านั้น ต้องถามว่าประชาชนเอาหรือไม่ รับได้หรือไม่

ยันไม่มีดีลลับที่ประเทศอังกฤษ

เมื่อถามว่าหากวันโหวตนายพิธาเป็นนายกฯ ไม่สำเร็จ 8 พรรคร่วมรัฐบาลจะทำอย่างไรต่อ นพ.ชลน่านกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าพรรคอันดับ 2 เดินอย่างไร แต่ต้องทั้ง 8 พรรคมาคุยกัน” เมื่อถามว่าหากเป็นพรรค พท.จะรวมเสียงได้ 376 เสียงหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า “ด้วยความเคารพ ผมพยายามจะไม่ตอบคำถามนี้ เพราะตอบไม่ได้จริงๆ หากตอบจะกลายเป็นเงื่อนไข ที่เราพยายามแย่งจัดตั้งรัฐบาลซึ่งไม่ดี” เมื่อถามถึงกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ไปประเทศอังกฤษเพื่อดีลลับกับพรรค พท. นพ.ชลน่านกล่าวว่า “ในฐานะหัวหน้าพรรค พท. ยืนยันว่าไม่มีดีลลับ ถ้ามีเขาต้องมาแจ้งผม ซึ่งคนดีลกลับมาแล้ว ในนามหัวหน้าพรรคยืนยันไม่ได้รับการแจ้งเบาะแสเรื่องที่เป็นข่าว สรุปเราไม่มีดีลลับ จะเป็นการดิสเครดิตทำลายพรรค พท.หรือไม่แล้วแต่จะมอง เราชินชาแล้ว แต่คงไปห้ามไม่ให้มีข้อวิจารณ์ไม่ได้ แต่ยืนยันว่าจะยึดในวิถีประชาธิปไตยและประชาชนเป็นหลัก”

ยืนสูตร 14 บวกหนึ่งยึดประธานสภา

ต่อมาเวลา 13.00 น. พรรค พท.ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค จากนั้นเวลา 15.00 น. ประชุม ส.ส.พรรค เป็นที่น่าสังเกตว่านายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.ที่พยายามหลบสื่อมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เข้าร่วมประชุม ส.ส.ด้วย จากนั้นเวลา 17.00 น. แกนนำพรรคเพื่อไทยร่วม แถลงข่าว โดย นพ.ชลน่านกล่าวว่า ที่ผ่านมาคณะเจรจานำเสนอหลักการ 14 บวกหนึ่งต่อคณะกรรมการบริหาร สรุปคือคณะกรรมการเจรจาจะไปหารือกับพรรค ก.ก.ถึงตำแหน่งประธานสภาฯ ร่วมกับตำแหน่งรัฐมนตรี ที่ผ่านมาเรายืนยันสูตร 14 บวกหนึ่งคือพรรค ก.ก.ได้ 14 บวกหนึ่งคือนายกฯ ส่วน พท.ได้บวกหนึ่งคือประธานสภาฯ กรรมการบริหารพรรคเห็นควรยืนสูตร 14 บวกหนึ่งเหมือนเดิมให้คณะเจรจาของพรรคไปเจรจาตามหลักการเดิมที่เคยเสนอตอนแรก ส่วนการประชุม ส.ส.พรรค ข้อเสนอของสมาชิกยังคงประสงค์ ยืนยันว่าขอให้เจรจาตามหลักการเดิมคือ 14 บวกหนึ่ง โดยพรรค พท.ควรได้ประธานสภาฯ

อ้างคน เพื่อไทยทำหน้าที่ได้สมบูรณ์

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค พท.กล่าวว่า ตำแหน่งประธานสภาฯกรรมการบริหารพรรคเห็นว่าเป็นตำแหน่งสำคัญ ควบคุมกำกับดูแลการทำงานของสภาฯ ต้องวางตัวเป็นกลาง ตอบสนองทุกพรรค มีความรู้ ความสามารถ มีวุฒิภาวะ เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ทราบว่าคณะเจรจาได้เสนอสูตร 14 บวกหนึ่ง เพราะเห็นว่าเป็นธรรม ให้เกียรติซึ่งกันและกัน พรรค ก.ก.ได้ตำแหน่งนายกฯ พรรค พท.ควรได้ประธานสภาฯ ที่ประชุมเห็นควรยืนยันสูตรดังกล่าว เพื่อนำเสนอพรรค ก.ก.ในการประชุมสองพรรควันที่ 28 มิ.ย. จะเป็นความชอบธรรม มีเหตุมีผล คณะเจรจาต้องยืนในหลักการนี้ นี่ไม่ใช่การแก่งแย่งตำแหน่ง แต่เราเห็นความจำเป็นในการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรค ก.ก.เป็นแกนนำ และมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯให้สำเร็จ พรรค พท.เชื่อว่าการมีประธานสภาฯของพรรค พท.จะทำให้สภาฯเดินหน้าราบรื่นเรียบร้อย ทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติได้สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ

“อ้วน” ตอกไร้คำตอบมีแต่ในโซเชียล

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค พท.กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวคุยกันแล้ว ยังไม่ได้คำตอบอย่างเป็นทางการ มีแต่ในโซเชียล วันที่ กกต.ประกาศผล ควรจะเป็นจุดเริ่มต้นการเจรจา ที่ประชุมวันที่ 27 มิ.ย. ไม่ถือว่าเป็นมติพรรค แต่เป็นความเห็นพ้องของสมาชิก ให้ผู้เจรจานำเจตจำนงนี้ไปคุยกับพรรค ก.ก. เพื่อให้ได้ข้อสรุป

“เศรษฐา” ติงวันชาติเดิมดีอยู่แล้ว

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรค พท.และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการเสนอเปลี่ยนวันชาติจากวันที่ 5 ธ.ค. เป็นวันที่ 24 มิ.ย.ว่า วันชาติเป็นวันเดิมดีอยู่แล้ว เราปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เราจะมามองปัญหาการเปลี่ยนวันชาติทำไม ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตประชาชนดีขึ้น ประชาชนเลือกเรามา ไม่ได้เลือกมาเพื่อทำให้เราทำในสิ่งที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง เรามีจิตใจเป็นประชาธิปไตย ยึดโยงประชาชน เอาเวลาไปทำงานเพื่อปากท้องประชาชนดีกว่าจะได้อยู่เย็นเป็นสุข

“วิรัตน์” ดันสุดลิ่มลดค่ารถไฟฟ้า

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ Think Lab พรรค พท.จัดงานแถลงข่าวผลงาน 1 ปีสมาชิกสภากรุงเทพฯ พรรค พท.มีแกนนำพรรค ส.ก.กทม. พรรคทั้ง 20 เขตเข้าร่วมงาน อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ประธานสภาฯ กทม. โดยนายวิรัตน์กล่าวว่า 1 ปีที่ผ่านมาเราผลักดันนโยบายหลักที่เราหาเสียงไว้ได้ทั้ง 5 ด้าน นโยบายบางเรื่อง เช่น ค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ยังผลักดันไม่สำเร็จ ยังมีข้อพิพาทอยู่ ไม่นิ่งนอนใจ เราพยายามผลักดันให้เป็นรูปธรรมให้สำเร็จในช่วงที่เราปฏิบัติหน้าที่ จากนั้นนางพวงเพ็ชรให้สัมภาษณ์ถึงปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียวว่า ต้องได้รับการแก้ไขหลังจากที่เรามีรัฐบาล งานบางอย่างอนุญาตมาโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) บางอย่างต้องนำไปเข้าสภาฯใหญ่ หากพรรค พท.เป็นรัฐบาล ปัญหารถไฟฟ้าและระบบขนส่งมวลชน ต้องได้รับการแก้ไขปัญหาทั้งหมดแน่นอน

“ลุงตู่” นิ่ง “ลุงป้อม” ยิ้มแย้มถก ครม.

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี ครม.ลาประชุม 7 คน โดยนายกฯ มีสีหน้า เรียบเฉย ไม่ได้ตอบคำถามสื่อมวลชน ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.เข้าร่วมประชุม ครม.ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส หันมายิ้มให้สื่อมวลชน ผู้สื่อข่าวทักทายว่า หน้าตาดูสดใสหลังกลับจากพักผ่อนที่ประเทศอังกฤษ พล.อ.ประวิตรได้แต่ยิ้ม เมื่อถามว่า ไปดูม้าแข่งสนุกหรือไม่ พล.อ.ประวิตรไม่ได้ตอบ เมื่อถามว่า จะชี้แจงหรือไม่ หลังมีกระแสข่าวไปอังกฤษพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พล.อ.ประวิตรไม่ตอบ เพียงแต่ส่ายศีรษะ เล็กน้อย จากนั้นภายหลังการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ได้ลาราชการครึ่งวันบ่าย เพื่อเข้าร่วมประชุม พรรครวมไทยสร้างชาติ

แจ้ง รมต.เตรียมเอกสารส่งมอบงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในที่ ประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้กล่าวตอนหนึ่งกับ ครม.ว่าขอให้รัฐมนตรีทุกกระทรวงเตรียมตัว เตรียมเอกสาร เตรียมความพร้อมส่งมอบงานของกระทรวงให้ ครม.ชุดใหม่ โดยเฉพาะงานโครงการของรัฐบาลชุดนี้แล้ว รัฐบาลชุดหน้ายังต้องทำต่อเนื่อง เช่น โครงการรถไฟฟ้า สายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง เป็นความสำเร็จของรัฐบาลชุดนี้ ลองไปนั่งแล้ว อยากให้ทุกคนลองไปนั่ง โดยมีรัฐมนตรีบางคนเสนอแนะว่ายังมีบางช่วงยังไม่เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าสีอื่น โดยเฉพาะแอร์พอต เรลลิงก์ ขณะที่เลขาธิการ ครม.แจ้งให้ที่ประชุม ครม. รับทราบหมายกำหนดการรัฐพิธีเปิดประชุมสภาในวันที่ 3 ก.ค. ขอให้รัฐมนตรีเตรียมพร้อมความเรียบร้อย ทั้งชุดแต่งกาย เวลา ส่วนวันที่ 4 ก.ค. ตรงกับวันอังคาร การประชุม ครม. ยังมีขึ้นตามปกติ ยังไม่เปลี่ยนแปลง เพราะสภาฯ ยังไม่ได้นัดประชุมสภาฯ เพื่อเลือกประธาน สภาฯ แต่หากนัดประชุมสภาฯ วันที่ 4 ก.ค. อาจต้อง เลื่อนประชุม ครม.ออกไปเป็นช่วงบ่าย เพราะมีรัฐมนตรี หลายคนเป็น ส.ส.

ไม่มีสเปกใครนั่ง ประธานสภาฯ

ต่อมา เวลา 16.12 น. ที่พรรค รทสช. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เดินทางเข้าร่วมประชุม ส.ส.พรรค รทสช.ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคและแคนดิเดตนายกฯ โดยมีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า การประชุมพรรคยังไม่มีการพูดถึงแนวทางการโหวตเลือกประธาน สภาฯ พูดถึงการทำงาน ส.ส.หลังได้รับเลือกตั้งและการเดินหน้าของพรรคในอนาคต เมื่อถามว่า ตำแหน่งประธานสภาฯ มีสเปกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “โนสเปก” ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเป็นที่น่าสังเกตว่า ตลอด 2 วันที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้สวมเครื่องรางของขลังและแหวนเหมือนเช่นที่ผ่านมา มีเพียงสวมใส่ นาฬิกา ริสต์แบนด์ และสายสิญจน์ที่ข้อมือเท่านั้น

รทสช.จำเป็นต้องรีแบรนดิ้ง

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานการประชุม ส.ส.พรรค โดยกล่าวก่อนเริ่มประชุมว่า พวกเรารู้ว่า อะไรคือปัญหา อะไรที่ต้องดำเนินการต่อไป อย่าเสียใจ อะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องเสียใจ ถือว่าได้คะแนนเสียงมาจาก ประชาชนที่รักเรามากพอสมควร ถึงแม้ว่าจะยังไม่สำเร็จ เราพอทราบดีอยู่แล้วว่าเกิดเพราะอะไร พรรคของเรา ก็ต้องมีการรีแบรนดิ้ง เรามีแต่คนสูงวัยทั้งนั้น แต่ก็ จะต้องเดินต่อไปในการทำงาน และต้องไม่ขัดแย้งอะไรกันทั้งสิ้น

ขณะที่นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค และส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กตอนหนึ่งว่า การเลือกตั้งจบไปแล้ว แต่ภารกิจใหม่เพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น ถึงแม้จะไม่ได้เป็นรัฐบาล เราก็พร้อมจะเป็นฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างเข้มข้น คัดค้านทักท้วงโดยเฉพาะในเรื่องที่จะส่งผลกระทบต่อความสงบสุขและความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทย

ยันไม่โหวตนายกฯ-ปธ.สภาฯให้ก้าวไกล

ต่อมาเวลา 17.55 น. นายเอกนัฏให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมพรรคว่า ที่ประชุมกรรมการบริหารมีมติตั้งทีมโฆษกพรรคประกอบด้วยนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี เขต 4 เป็นโฆษกพรรค ส่วนนายชินภัสร์ กิจเลิศสิริวัฒนา อดีตผู้สมัคร ส.ส. เชียงใหม่ นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. นางรัดเกล้า สุวรรณคีรี อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เป็นรองโฆษกพรรค นัดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้งวันที่ 30 มิ.ย. ส่วนการโหวตเลือกประธานสภาฯขอให้รอไปดูในวันที่ 4 ก.ค.ในการประชุมสภา เพราะเราต้องรอดูก่อนว่าจะมีการเสนอชื่อใคร และการโหวตในที่สุดก็คงจะต้องเป็นมติพรรค พรรครวมไทยสร้างชาติชัดเจนว่าไม่สนับสนุนรัฐบาลที่มีวาระแก้ไขมาตรา 112 และเราคงไม่โหวตให้ ชื่อประธานสภาฯและชื่อนายกฯของพรรคก้าวไกล ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันเท่าที่ทราบยังไม่มีเสนอชื่อแข่งชิงประธานสภาฯ และยังไม่มีการพูดคุยโหวตเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยประสานเพื่อขอคะแนนโหวตประธานสภาฯหรือไม่ นายเอกนัฏกล่าวว่า ยังไม่มี ตนถึงได้บอกว่า เราเตรียมใจเป็นฝ่ายค้าน เพราะจนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีใครมาพูดคุยกับเราเลย

“บิ๊กป้อม” ปัดไปอังกฤษพบ “ทักษิณ”

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค พปชร. ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ให้สัมภาษณ์หลังการประชุม ครม.ด้วยท่าทียิ้มแย้มอารมณ์ดีถึง กรณีเดินทางไปอังกฤษท่ามกลางกระแสข่าวดีลจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรค ก.ก.ว่า ไปดูแลร่างกายตัวเอง ไม่ได้ไปพบใคร จะให้ไปพบกับใคร เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พล.อ.ประวิตรตอบว่า “ผมจะไปพบได้ไง ไม่ได้เจอกัน 18 ปีแล้ว” เมื่อถามอีกว่ามีการพูดคุยกันหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบยํ้าว่า ไม่มี ไม่เคยพูดกัน เมื่อถามว่า หากมีการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ มีความพร้อมหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ยังไม่พูดถึงขั้นนั้น รอไปก่อน

ปิดปากขึ้นนายกฯปลดล็อกทางตัน

เมื่อถามถึงกระแสข่าวขั้วการเมืองตรงข้ามพรรค พท.เตรียมเสนอชื่อนายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. เป็นประธานสภาฯ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่มี เมื่อถามว่าระหว่าง พล.อ.ประวิตรกับแคนดิเดตนายกฯจากพรรค พท.จะให้ใครเป็นนายกฯกรณีต้องผ่าทางตันทางการเมือง พล.อ.ประวิตรตอบว่า ก็ไปถามพรรค พท. เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรมีคุณสมบัติมากพอจะเป็นนายกฯปลดล็อก 3 เงื่อนไขการเมืองคือ ป้องกันรัฐประหาร ดึงเสียง ส.ว. รับประกันการกลับมาของนายทักษิณ พล.อ.ประวิตรไม่ได้ตอบคําถาม ก่อนขึ้นรถออกจากทำเนียบรัฐบาล

“ชัยวุฒิ” อวย “ลุงป้อม” คุณสมบัติเป๊ะ

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวถึงกระแสข่าว พล.อ.ประวิตรอาจได้เป็นนายกฯ โดยดีลกับพรรค พท. หากพรรค ก.ก.ไปต่อไม่ได้ นายชัยวุฒิตอบว่า ยังไม่ได้พูดคุย
ในที่ประชุมพรรค คงเป็นเพียงกระแสข่าว ขอบคุณที่มีกระแสข่าวนี้ ให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนและเชื่อมั่นว่า พล.อ.ประวิตรมีความพร้อมและสามารถเป็นนายกฯได้ เพราะเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรค มีคุณสมบัติเป็นนายกฯได้อยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับการลงมติในสภาฯ คงต้องรอดูพรรคร่วมที่จัดตั้งรัฐบาลก่อน และคงยังไม่ถึงเวลาที่มาพูดคุยกันเรื่องนี้ ส่วนประธานสภาฯ เท่าที่ทราบผู้ใหญ่ในพรรคหารือกันถึงแต่ยังไม่มีมติ

พปชร.ย้ำโหวต ปธ.สภาทางเดียวกัน

ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด พล.อ.ประวิตรเป็นประธานการประชุมกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.ของพรรคเกือบ 2 ชั่วโมง ทำความเข้าใจ ส.ส.ใหม่ถึงขั้นตอนการปฏิบัติตนและการทำงานในสภาฯ ก่อนรัฐพิธีเปิดประชุมสภาฯ วันที่ 3 ก.ค. พล.อ.ประวิตรกล่าวต้อนรับ ส.ส.ใหม่ พร้อมกำชับการทำหน้าที่ ส.ส. โดยเฉพาะการลงมติเลือกประธานสภาฯ รวมไปถึงนายกฯขอให้เป็นกลุ่มเป็นก้อน เป็นไปทิศทางเดียวกันทั้ง 40 คนอย่าแตกแยก เพราะการโหวตตำแหน่งประธานสภาฯจะมีผลต่อการเลือกนายกฯด้วย พร้อมเน้นย้ำให้ ส.ส. ทำหน้าที่ให้ดี ร่วมประชุมสภาฯ อย่าขาด อย่าลา หากไม่จำเป็น ถ้าจะขาดหรือลาประชุมขอให้แจ้งให้พรรครับทราบ แต่ไม่ได้ระบุถึงตัวบุคคลที่จะถูกเสนอชื่อเป็นประธานสภาฯ

“ท็อป” หนุนคนมีวุฒิภาวะอารมณ์

นายวราวุธ ศิลปอาชา ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า พรรครอเรียกประชุมสภาฯครั้งแรกจะพูดคุยกับสมาชิกพรรคอีกครั้งว่าแนวทางโหวตเลือกประธานสภาจะเป็นทิศทางใด มีอยู่หลายแนวทาง โดยเฉพาะต้องดูว่าประสบการณ์ และเสถียรภาพการควบคุมการประชุมสภาฯ เวลามีเหตุการณ์ต่างๆในสภาขึ้นมา ประสิทธิภาพการควบคุมการประชุม ความแม่นยำการใช้กฎหมาย รวมถึงวุฒิภาวะทางอารมณ์ ถือเป็นหัวใจสำคัญของผู้จะดำรงตำแหน่งประธานสภา จะเป็นใครต้องพิจารณากันอีกครั้งหนึ่ง แต่ยืนยันเราต้องหาคนที่เหมาะสมที่สุด ไม่ใช่แค่ประธานสภา แต่ต้องเป็นประธานรัฐสภาด้วย หากมีการเสนอชื่อบุคคลจากขั้วรัฐบาลเก่า คงไม่ได้พิจารณาเป็นพิเศษ จะพิจารณาคุณสมบัติ ดูความเหมาะสม ถ้ารู้วันประชุมและตัวบุคคลแน่นอน คงยกหูพูดคุยกันในพรรคร่วมเดิม ส่วนกระแสข่าวพลิกขั้วเป็นรัฐบาล มีหลายกระแส ข่าวลือ ข่าวปล่อยมีมาก ประชาชนต้องฟังหูไว้หู บางครั้งมีเฟกนิวส์ออกมา ต้องใช้วิจารณาญาณ ยืนยันว่าพรรค ชทพ. เอามาตรา 112 แต่ไม่เอาพรรคที่แก้มาตรา 112

คำร้อง ม.112 ไม่กระทบเลือกนายกฯ

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่เอกสาร มีมติให้สอบถามอัยการสูงสุดว่าจะรับหรือไม่รับคำร้อง กรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกสร (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่า การกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก.และแคนดิเดตนายกฯและพรรค ก.ก. ที่เสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ...) ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง ภายใน 15 วันว่า ศาลรัฐธรรมนูญต้องสอบถามเพราะมีคนไปร้องมานานแล้ว ยังไม่ทำความเห็นส่งมาเสียที ถ้าไม่ส่งเอกชนจะฟ้องร้องเอง ศาลมีทางเลือกจะไม่รับคำร้องได้ เป็นไปได้ เมื่อถามว่าหากอัยการสูงสุดไม่รับคำร้อง ผู้ร้องใช้ช่องทางมาตรา 49 ยื่นตรงให้รัฐธรรมนูญได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ศาลจะรับก็ได้หรือไม่รับก็ได้ หากศาลรับคำร้อง ไม่น่าจะส่งผลต่อการโหวตเลือกนายกฯ เพราะเป็นเรื่องของพรรค ก.ก. ไม่ใช่ตัวบุคคล และไม่มีเรื่องการให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่จะส่งผลต่อการเมืองในการโหวตเลือกนายกฯ เกี่ยวกับมาตรา 112 หรือไม่ แล้วแต่ว่าใครจะมีความรู้สึกอย่างไร

ไม่ตอบร้ายแรงถึงยุบพรรคหรือไม่

เมื่อถามว่า โทษร้ายแรงถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า อย่าไปถามล่วงหน้า เอาให้จบเรื่องเสียก่อน เมื่อถามว่าแต่คำร้องให้เขียนว่าแค่ยกเลิกการกระทำ ถือเป็นสารตั้งต้นให้คนมาร้องคดีอาญาหรือคดียุบพรรค กรณีหากศาลตัดสินว่าผิดใช่หรือไม่ นายวิษณุ พยักหน้าและตอบว่าใช่ อย่าให้ตนไปแนะนำเลย เมื่อถามว่าคดีดังกล่าวเทียบกับคดีหุ้นไอทีวี มีความรุนแรงกว่าหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่รู้

“นพรุจ” จี้ ส.ว.ส่งศาล รธน.สอย “ทิม”

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำพิราบขาว 2006 ยื่นหนังสือต่อนายสมชาย แสวงการ ส.ว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค และนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ในฐานะประธานคณะ กมธ.การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ขอให้ ส.ว. ร่วมกันลงส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบคุณสมบัตินายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกฯพรรคก้าวไกล กรณีถือหุ้นสื่อไอทีวี ขัด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. เพื่อไม่ให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ไม่บังควรนำรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ที่ยังมีปัญหา ขึ้นทูลเกล้าฯ

“เสรี” ชงข้อมูลหุ้น-ที่ดินยื่น กกต.มัดผิด

นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ในฐานะประธานกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภากล่าวว่า ข้อมูลที่นายนพรุจยื่นเรื่องการถือหุ้นสื่อของนายพิธาสอดคล้องข้อมูลที่ กมธ. พัฒนาการเมืองฯตรวจสอบอยู่วันที่ 28 มิ.ย. เวลา 10.00 น. กมธ.จะไปพบนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ขอทราบความคืบหน้าการตรวจสอบนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก.ที่ถูกตรวจสอบตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 151 กรณีรู้ตัวขัดคุณสมบัติ แต่ยังลงสมัครเลือกตั้ง จะนำหลักฐานถือครองหุ้นสื่อของนายพิธาและข้อมูลถือครองที่ดิน 14 ไร่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ของนายพิธาไปยื่น กกต. ไปเทียบเคียงให้เห็นช่วงเวลาจัดการมรดกเรื่องหุ้นกับที่ดินเชื่อมโยงกัน กรณีการครองที่ดิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายพิธาแจ้งว่าโอนที่ดังกล่าวในฐานะผู้จัดการมรดกมาเป็นของตนเองในฐานะทายาท ปี 60 แสดงให้เห็นทรัพย์สินทุกอย่างมีการจัดการมรดกมาตั้งแต่ปี 60 แล้ว ถ้าไม่ประสงค์รับหุ้นไอทีวีต้องโอนไปตั้งแต่ปี 60 ไม่ถือครองมาถึง 17 ปี และมีคำพิพากษาศาลฎีกาว่าทรัพย์มรดกตกทอดเป็นทรัพย์สินของทายาททันทีที่เจ้ามรดกเสียชีวิต เท่ากับนายพิธาถือครองหุ้นไอทีวีในฐานะผู้รับมรดก ไม่ใช่ผู้จัดการมรดก การโอนหุ้นไอทีวีของนายพิธายืนยันว่าเป็นเจ้าของหุ้น แม้อ้างโอนในฐานะผู้จัดการมรดก แต่หุ้นที่โอนไป นายพิธามีหุ้นส่วนอยู่ ขึ้นอยู่กับมีเพียงส่วนหนึ่งหรือเป็นเจ้าของทั้งหมด

ขู่ยื่นตีความคุณสมบัติ หัวหน้าพรรคก้าวไกล

นายเสรีกล่าวว่า จากนี้ ส.ว.จะพิจารณาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 เข้าชื่อกัน 1 ใน 10 หรือ 25 คน จาก ส.ว. 250 คน ส่งเรื่องให้ประธานวุฒิสภายื่นเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาคุณสมบัติการเป็นแคนดิเดตนายกฯของนายพิธาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 ที่ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามถือครองหุ้นสื่อ ส.ว.มีส่วนร่วมโหวตนายกฯ เมื่อมีข้อสงสัยเรื่องคุณสมบัติต้องห้าม ย่อมยื่นตีความได้ หาก กกต.ไม่ยื่นตีความคุณสมบัตินายพิธาก่อนโหวตนายกฯ เป็นไปได้ที่ ส.ว.จะเข้าชื่อยื่นตีความคุณสมบัติแคนดิเดตนายกฯของนายพิธา เมื่อถามว่าหาก ส.ว.ยื่นตีความคุณสมบัตินายกฯ จะปลุกกระแสสังคมออกมาต่อต้านหรือไม่ นายเสรีตอบว่า กระแสสังคมคือส่วนหนึ่ง ความถูกต้องคือส่วนหนึ่ง ถ้ากระแสสังคมไม่ถูกต้อง จะยึดอะไรระหว่างความถูกต้องกับกระแส ถ้ายึดแต่กระแส แก้ปัญหาไม่ได้

ฉีกหลักการปี 62 ไม่หนุนข้างมาก

เมื่อถามว่า นายพิธาอยากให้ ส.ว.ยึดหลักเกณฑ์โหวตนายกฯตามเสียงข้างมาก เหมือนปี 62 นายเสรีตอบว่า ส.ว.ต้องพิจารณาคุณสมบัติและความเหมาะสม ต่างจากปี 62 ที่ไม่มีการเสนอแก้ไขมาตรา 112 การให้ยึดมาตรฐานปี 62 มาใช้วันนี้คงไม่ใช่ เป็นไปไม่ได้ ดุลพินิจแต่ละช่วงเวลา สถานการณ์และตัวบุคคลต่างกัน พฤติกรรมการแสดงออกทุกเรื่องคือสิ่งที่ ส.ว.จะนำมาประกอบการตัดสินใจ มาตรฐานการเลือกนายกฯครั้งที่แล้วมาใช้ครั้งนี้ไม่ได้ นายพิธาอ้างมีเสียง ส.ว.เพียงพอได้เป็นนายกฯ ถ้ามากพอเป็นเลย เท่าที่ปรากฏยังไม่เห็นมีใครแสดงออกชัดเจน รายชื่อ ส.ว.17 คนที่เคยปรากฏชื่อสนับสนุน หลายคน ปฏิเสธถูกเอาชื่อไปใส่โดยไม่เคยพูด ทุกคนพูดตรงกัน ถ้าได้เสียงข้างมากแล้วยังแก้มาตรา 112 ไม่โหวตให้

หยันเสียงโหวต “ทิม” มีไม่เกิน 5 คน

เมื่อถามว่า แคนดิเดตนายกฯจากพรรคอื่นๆ ส.ว.จะโหวตให้หรือไม่ นายเสรีตอบว่า ต้องดูมีปัญหาแก้มาตรา 112 และคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ มีนโยบายหลอกลวงประชาชนหรือไม่ พฤติกรรมที่ผ่านมาเป็นอย่างไร เป็นเหตุผลที่ ส.ว.จะนำมาตัดสินใจ ส.ส.ไปตกลงรวบรวมเสียงมา ส.ว.จะพิจารณาเลือกคนไม่มีคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญ ต้องพิจารณาก่อนว่าบุคคลนั้นเหมาะสมหรือไม่ รวมถึงชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.ต้องพิจารณาในเกณฑ์เดียวกัน เชื่อว่านายพิธาได้เสียงไม่พอเป็นนายกฯ เสียง ส.ว.ที่หนุนนายพิธาชัดเจนมีไม่เกิน 5 เสียง การตัดสินใจของ ส.ว.ไม่ได้มีใบสั่งจากใคร แต่เป็นใบสั่งจากประชาชน 14 ล้านเสียงที่นายพิธาได้มาไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ของประเทศ ประชาชนมีสิทธิ์ลงคะแนน 50 ล้านคน ใช้สิทธิ์ 40 ล้านคน เลือกพรรค ก.ก. 14 ล้านเสียง แสดงว่า 14 ล้านเสียงเป็นเสียงข้างน้อย การที่เสียงข้างมากไม่เลือกเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญว่า เหตุใดไม่เลือก ส.ว.ไม่ได้ขัดแย้งกับ 14 ล้านเสียง แต่ทำตามเสียงข้างมาก

“สนธิญา” ร้องแหลกสกัดว่าที่นายกฯ

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาฯ ยื่นหนังสือต่อ กกต.ติดตามผลการพิจารณาการถือหุ้นไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและพรรค ก.ก. โดยขอให้ กกต.ตอบชัดเจนจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่อย่างไร เพราะจะมีผลต่อเนื่องไปถึงการโหวตนายพิธาเป็นนายกฯ หาก กกต.ไม่ยื่นจะไปร้องผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อพิจารณาเป็นผู้ยื่นไปยังศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ สมมติมีการโหวตนายกฯ แต่ กกต.หรือผู้ตรวจการแผ่นดินยังไม่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ จะทำหนังสือไปยังสำนักเลขาธิการพระราชวัง เพื่อคัดค้านการเสนอชื่อนายพิธาเป็นนายกฯขึ้นทูลเกล้าฯ เพราะยังไม่ชัดเจนหลายอย่าง ไม่ต้องการให้เสนอชื่อคนที่มีปัญหาคาราคาซังอยู่

ขู่ฟ้องปิดปาก ส.ส.ราวีบ้านพัก “บิ๊กตู่”

นายสนธิญากล่าวว่า นอกจากนี้ยังขอให้ กกต.ตรวจสอบกรณีนายวิโรจน์ ลักขณาอดิสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ออกมาแสดงความเห็นกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังพักอาศัยบ้านพักหลวง อยากเตือนไปยัง ส.ส.ของทุกพรรคการเมืองให้ระมัดระวังว่าอาจจะเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 185 (1) ซึ่งบัญญัติไว้ชัดเจนว่าห้าม ส.ส. และ ส.ว. เข้าไปแทรกแซงการบริหารกิจการของราชการโดยเด็ดขาด การที่นายวิโรจน์หรือใครก็ตามที่ออกมาทวงถามเรื่องบ้านพัก พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่าไม่ผิด กองทัพบก กระทรวงกลาโหมแจงแล้วว่าเป็นไปตามระเบียบ จะร้องไปยัง ป.ป.ช.ทันที

อสส.โบ้ยหน่วยงานช้าคดี 112 “พิธา”

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร อดีตทนายความพุทธะอิสระ ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก. และแคนดิเดตนายกฯ ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรค ก.ก.ผู้ถูกร้องที่ 2 ที่เสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ยกเลิกมาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง หลังจากผู้ร้องเห็นว่า อสส.ไม่ตอบภายใน 15 วัน จึงใช้สิทธิไปยื่นโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญสอบถาม อสส.ว่าจะรับคำร้องขอดังกล่าวหรือไม่ว่า นายธีรยุทธได้มายื่นคำร้องดังกล่าวจริง อัยการสูงสุดได้พิจารณาคำร้องและตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณา เชิญผู้ร้องมาให้ถ้อยคำประกอบคำร้องและประสานหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมไปยังหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องมากกว่า 2 หน่วยงาน แต่หน่วยงานที่ประสานไปยังไม่ส่งข้อมูลกลับมา ยืนยันว่าเมื่อ อสส.ได้รับคำร้องมาดำเนินการควบคู่ไปด้วย เพียงแต่ต้องรอข้อมูลประกอบคำร้อง ไม่ใช่รับคำร้องอะไรมาส่งศาลรัฐธรรมนูญเลย ขอย้ำเรื่องนี้ยังดำเนินการอยู่ต่อไป

จำคุก “ตี้ พะเยา” ม.112 ให้ประกันตัว

ที่ศาลอาญาธนบุรี ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการอาญาธนบุรียื่นฟ้องนายชูเกียรติ แสงวงค์ นักกิจกรรมกลุ่มคณะราษฎร และ น.ส.วรรณวลี ธรรมสัตยา หรือ “ตี้” นิสิตมหาวิทยาลัยพะเยา เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานหมิ่นสถาบันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จากเหตุที่ทั้งสองคนปราศรัยในการชุมนุมของกลุ่มราษฎรฝั่งธนและฟันเฟืองธนบุรี ที่บริเวณวงเวียนใหญ่เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2563 ศาลอาญาธนบุรีมีคำพิพากษาว่าจำเลยทั้ง 2 คน มีความผิดให้จำคุกนายชูเกียรติ แสงวงค์ จำเลยที่ 1 และ น.ส.วรรณวลี หรือตี้ เอมจิตต์ หรือธรรมสัตยา จำเลยที่ 2 คนละ 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวจำเลยทั้ง 2 คนระหว่างอุทธรณ์