“ประยุทธ์” รับทราบรายงานการค้ามนุษย์ประจำปี 2566 ไทยอยู่ใน Tier 2 ย้ำ ให้ความสำคัญเป็นวาระแห่งชาติ กำชับบูรณาการการทำงานในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง 

วันที่ 19 มิถุนายน 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานการค้ามนุษย์ประจำปี 2566 (2023 Trafficking in Persons Report - TIP Report 2023) จัดให้ประเทศไทยอยู่ในระดับ 2 (Tier 2) ขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รัฐบาลพร้อมสนับสนุนการขจัดปัญหาการค้ามนุษย์ในไทยอย่างต่อเนื่อง และพร้อมปฏิบัติตามข้อเสนอแนะเพื่อผลสำเร็จที่ชัดเจนขึ้น 

ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เผยแพร่รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ ประจำปี 2566 จัดอันดับให้ไทย อยู่ที่ระดับเทียร์ 2 (Tier 2) โดยระบุว่า รัฐบาลไทยมีความพยายามอย่างมากในการดำเนินการจัดการกับปัญหาการค้ามนุษย์ และแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่เพิ่มขึ้น โดยรวมเมื่อเทียบกับการรายงานก่อนหน้านี้ ซึ่งความพยายามในที่นี้รวมถึงการเพิ่มจำนวนการสืบสวนคดีการค้ามนุษย์ การดำเนินคดี และการเริ่มสืบสวนสอบสวนอดีตเจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกกล่าวหาว่าสมรู้ร่วมคิดอย่างน้อย 35 คน ในปี 2565 และตัดสินให้จำคุก 4 คน รวมถึงประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้นของหน่วยงานของไทยในการค้นหาและยืนยันตัวตนของผู้ที่เป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ การเริ่มใช้แผนปฏิบัติการว่าด้วยกลไกการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism: NRM) และการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้ NRM เป็นต้น

โฆษกรัฐบาล เปิดเผยต่อไปว่า TIP Report เป็นการรวบรวมรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ในประเทศต่างๆ โดยมีเป้าประสงค์เพื่อแสดงถึงความพยายามที่ประสบความสำเร็จในการป้องกันการค้ามนุษย์ และเพื่อกำจัดการค้ามนุษย์ให้หมดไป ซึ่งรายงานในปีนี้แสดงให้เห็นภาพรวมของความก้าวหน้าที่มั่นคงทั่วโลก โดยมีหลายสิบประเทศที่มีความก้าวหน้าอย่างมากในการป้องกันการค้ามนุษย์ การปกป้องผู้รอดชีวิต และการดำเนินคดีกับผู้ที่ก่ออาชญากรรมนี้

...

“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติ ถือเป็นอาชญากรรมที่มีความซับซ้อน และละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง รัฐบาลตระหนักถึงภัยอันตรายของการค้ามนุษย์ และให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปราม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำความผิดในรูปแบบใหม่ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีกำชับให้ทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงานในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนปรับวิธีการทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลก และแสดงผลการทำงานให้เป็นรูปธรรม”