“พล.อ.ประยุทธ์” ตามคืบหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ เชื่อมโยงขนส่งอ่าวไทย-อันดามัน ผลักดันการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ หวังก้าวสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจและศูนย์กลางที่สำคัญของภูมิภาค
วันที่ 11 มิถุนายน 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องการขยายรากฐานเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยกับทะเลอันดามัน ต่อยอดประโยชน์ที่ไทยตั้งอยู่ใจกลางคาบสมุทรอินโดจีน เป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งและการค้าของเอเชีย จึงได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาจัดทำโครงการแลนด์บริดจ์ (Landbridge) ให้เป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการด้านคมนาคม
ด้วยการบูรณาการรูปแบบการขนส่งเชื่อมโยง 2 ท่าเรือให้เชื่อมต่อถึงกันอย่างไร้รอยต่อ ส่งเสริมการขนส่งทางน้ำให้มีความทันสมัย เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ติดตามการดำเนินการ รวมถึงความคืบหน้าของโครงการดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยเน้นยํ้าให้หน่วยงานศึกษา ออกแบบอย่างรอบคอบ เหมาะสม และรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งผู้ประกอบการ นักลงทุน รวมทั้งชุมชนให้ครบถ้วนทุกฝ่าย
สำหรับโครงสร้างพื้นฐานหลักของโครงการ Landbridge คือ ท่าเรือนํ้าลึกฝั่งอ่าวไทย ในจังหวัดชุมพร และท่าเรือนํ้าลึกฝั่งอันดามัน จังหวัดระนอง โดยมีเส้นทางเชื่อมโยงท่าเรือทั้ง 2 แห่ง ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร ได้แก่ ทางหลวงพิเศษขนาด 6 ช่องจราจร ทางรถไฟขนาดรางมาตรฐาน 2 ทาง เกิดจากจุดได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของประเทศ การเป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งและการค้าของเอเชีย ซึ่งโครงการ Landbridge สามารถลดระยะทาง ร่นระยะเวลา ประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง และอาจส่งผลให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่อง จนเป็นผลผลิตในรูปแบบพร้อมใช้ได้อีกด้วย
...
ไม่เพียงแต่จะเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งและโลจิสติกส์เท่านั้น แต่โครงการ Landbridge จะเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (Southern Economic Corridor : SEC) ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดชุมพร จังหวัดระนอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์กลางของภาคใต้ในการเชื่อมโยงการค้าและโลจิสติกส์กับพื้นที่เศรษฐกิจหลักของประเทศ และภูมิภาคฝั่งทะเลอันดามัน (BIMSTEC) เป็นฐานการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพและการแปรรูปเกษตรมูลค่าสูง และเพื่อยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการท่องเที่ยวสู่นานาชาติ
โฆษกรัฐบาล ระบุต่อไปว่า ปัจจุบันโครงการอยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มต่างๆ เช่น นักลงทุนต่างชาติในสายการเดินเรือต่างๆ ผู้ประกอบการชาวไทยและชาวต่างชาติ และการมีส่วนร่วมของประชาชน รวมทั้งศึกษาความเหมาะสม ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และวิเคราะห์รูปแบบโมเดลการพัฒนาการลงทุน ควบคู่การรับฟังความคิดเห็นสาธารณะอย่างรอบด้าน โดยกระทรวงคมนาคมเล็งเห็นว่า หากโครงการ Landbridge แล้วเสร็จ จะช่วยเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในพื้นที่ภาคใต้จากร้อยละ 2 เป็นร้อยละ 10 เป็นระยะเวลาต่อเนื่องอย่างน้อย 10 ปี สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้เกือบ 500,000 ล้านบาท เกิดโอกาสการจ้างงาน เพิ่มอาชีพใหม่ๆ ในชุมชน เพิ่มรายได้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตในทุกพื้นที่
“นายกรัฐมนตรีวางยุทธศาสตร์การทำงานเพื่อวางรากฐาน พัฒนา เตรียมความพร้อมประเทศ และริเริ่มโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างไร้รอยต่อ เชื่อมโยงแต่ละภาคของประเทศ และเชื่อมต่อไปยังภูมิภาคอาเซียน ทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ และเป็นจุดศูนย์กลางที่สำคัญของภูมิภาค ซึ่งรวมทั้งการสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจ ทั้งภาคเกษตรกรรม ภาคการท่องเที่ยว และภาคอุตสาหกรรมของประเทศให้มีประสิทธิภาพ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไปพร้อมกันด้วย”.