มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ถอดยศ-เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ 10 ตำรวจ ฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง เสพและขายยาเสพติด ปล้นทรัพย์ ค้าอาวุธปืน ใช้แบงก์ปลอม ฉวยโอกาสเป็นเจ้าหน้าที่ทำผิดกฎหมายเสียเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดยศตำรวจและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ โดยมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ประกาศ ณ วันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2566 มีเนื้อหาดังนี้
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดยศข้าราชการตำรวจ ออกจากยศตำรวจ จำนวน 10 ราย ตามมาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2564 ประกอบระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการถอดยศตำรวจ พ.ศ. 2565 ข้อ 4 (4) และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับพระราชทานทุกชั้นตรา ตามข้อ 6 และข้อ 7 (4) ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. 2548 ดังนี้
1. พันตำรวจโท ปุณณวิชช์ กระแสร์ ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2557 ซึ่งเป็นวันที่ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และถูกดำเนินคดีอาญาในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อาวุธปืน ใช้รถยนต์เป็นพาหนะบุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืน หน่วงเหนี่ยวกักขังต่อเนื่องกัน และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญจักรมาลา
...
2. พันตำรวจตรี ศักรินทร์ หลำเอียด ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2560 ซึ่งเป็นวันที่ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานกระทำผิดอาญาจนได้รับโทษจำคุก และกระทำการอันได้ชื่อว่าประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โดยมีพฤติการณ์ร่วมกันจำหน่ายอาวุธปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นเจ้าพนักงานตำรวจที่มีหน้าที่รักษากฎหมายแต่กลับใช้โอกาสนี้กระทำผิดกฎหมายเสียเอง และกระทำผิดอาญาหลายคดี และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย เหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้น 6 ประเภทที่ 2 เหรียญราชการชายแดน และเหรียญทองช้างเผือก
3. พันตำรวจตรี วัฒนา นวลศรีดำ ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2561 ซึ่งเป็นวันที่ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์อันมิควรได้ กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง กระทำการหรือละเว้นการกระทำการใดๆ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ระบบราชการอย่างร้ายแรง และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก
4. ร้อยตำรวจเอก ปฏิภัสส์ ยกประสพรัตน์ ตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน 2562 ซึ่งเป็นวันที่ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด จัดหาหรือให้เงินหรือทรัพย์สิน ยานพาหนะ สถานที่ หรือวัตถุใดๆ เพื่อประโยชน์หรือให้ความสะดวกแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด รับเงินหรือทรัพย์สินจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และคบค้าเป็นอาจิณกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดโดยรู้หรือควรจะได้รู้ว่าผู้นั้นเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเฉพาะในการกระทำที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นจัตุรถาภรณ์ช้างเผือก
5. ร้อยตำรวจเอก ภาณวุฒิ ถนอมสิงห์ ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2562 ซึ่งเป็นวันที่ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานกระทำผิดอาญาในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์จนได้รับโทษจำคุกหรือโทษที่หนักกว่าจำคุก โดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นจัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย เบญจมาภรณ์ช้างเผือก เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย เหรียญทองช้างเผือก และเหรียญจักรมาลา
6. ร้อยตำรวจโท สายลม รอดอุปโป ตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม 2562 ซึ่งเป็นวันที่ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่า 15 วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญราชการชายแดน
7. ร้อยตำรวจโท มีชัย ช่อสม ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2562 ซึ่งเป็นวันที่ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และถูกดำเนินคดีอาญาในความผิดฐานชิงทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นจัตุรถาภรณ์มงกูฎไทย เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญราชการชายแดน
8. ร้อยตำรวจตรี วิเชียร มะลิคง ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2557 ซึ่งเป็นวันที่ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และถูกดำเนินคดีอาญาในความผิดฐานร่วมกันมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งสิ่งที่ตนได้มาโดยรู้ว่าเป็นเงินตราปลอมหรือแปลง และเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย และมีสารเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน) อยู่ในร่างกายขณะขับรถ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย เหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้น 6 ประเภทที่ 2 เหรียญราชการชายแดน และเหรียญทองช้างเผือก
9. ร้อยตำรวจตรี บุญลือ สุคลธา ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2560 ซึ่งเป็นวันที่ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และกระทำผิดอาญาฐานมีไม้หวงห้าม (ไม้สัก) อันยังมิได้แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย เป็นผู้ขับขี่รถในขณะมีสารเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน) อยู่ในร่างกาย และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นเหรียญทองช้างเผือก
10. ร้อยตำรวจตรี สุรพล เจะจาโรจน์ ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2562 ซึ่งเป็นวันที่ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และถูกดำเนินคดีอาญาในความผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย และเรียกคืนเหรียญราชการชายแดน
ทั้งนี้ ข้าราชการตำรวจทั้ง 10 รายดังกล่าว เป็นผู้ถูกถอนชื่อออกจากรายชื่ออผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแล้ว.