- ไม่ใช่การเห็นไม่ตรงกัน แต่เป็นเพียงเรื่องการปรับใช้ถ้อยคำใน MOU ให้มันถูกต้อง เพื่อให้ทุกคนมีความเห็นร่วมกันให้ได้
- ใน MOU ต้องให้เคลียร์ทุกอย่าง เพื่อให้ต่อไปจะไม่มีใครมีข้อครหา และจะทำให้สังคมยอมรับเราไปด้วยในเส้นทางประชาธิปไตยที่แท้จริง
- ยังไม่มีการพูดคุยเรื่องดีลการเมือง เพราะเรามีความมุ่งมั่นในการทำ MOU ออกมา เพื่อรับผิดชอบและลงนามร่วมกันให้ได้ก่อน
การลงนาม MOU กับพรรคร่วม 8 พรรคการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า เป็นวาระการทำงานร่วมกันขั้นต่ำ 23 ข้อ ซึ่งใน 300 นโยบายที่พรรคก้าวไกลได้หาเสียงไว้ก็พยายามที่จะผลักดันต่อให้สำเร็จมากที่สุด นอกจากวาระร่วม ยังมีวาระเฉพาะของพรรคก้าวไกลที่จะผลักดันผ่าน 2 กลไก คือ
- กลไกบริหาร ในฐานะที่เป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี จะมีอำนาจในการบริหารจัดการวาระที่พรรคก้าวไกลเสนอไว้ ให้เกิดผลการเปลี่ยนแปลงให้มากที่สุด
- รัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ที่จะอยู่ตามกระทรวงต่างๆ ในการผลักดันวาระที่ไม่ได้อยู่ใน MOU แต่อยู่ใน 300 นโยบาย
...
แม้พรรคก้าวไกลจะไม่ได้เป็นเจ้ากระทรวงนโยบายเหล่านั้น ก็ยังสามารถประสานงานรัฐบาลร่วมผ่านการพูดคุย เพื่อให้รัฐมนตรีนั้นๆ สามารถผลักดันนโยบายพรรคก้าวไกลได้ ยังเป็นกลไกในการผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงตามที่ได้พูดคุยกันผ่านอำนาจบริหาร
“ย้ำอีกครั้งการที่มี MOU 23 ข้อ เป็นวาระร่วมแค่ขั้นต่ำ MOU นี้ถือเป็น Minimum ที่พี่น้องประชาชนจะสามารถคาดหวังได้ และทำได้เร็ว ทำได้ไว เพราะว่ามีแนวร่วม แต่ในขณะเดียวกัน หลายประเด็นที่อาจจะทำให้พี่น้องประชาชนต้องลำบาก และต้องการความเปลี่ยนแปลงผ่านกฎหมายที่ก้าวหน้า หรือผ่านการบริหารงานของรัฐบาล ก็ยังมีวาระเฉพาะ สามารถที่จะผลักดันได้เช่นเดียวกัน” นายพิธา กล่าว
ปัดความเห็นไม่ตรงกันก่อนเซ็น MOU แค่ต้องการลบข้อครหา
ก่อนจะมีการเซ็น MOU กลับมีกระแสว่าบางพรรคเห็นด้วยไม่ทั้งหมด ใน MOU 23 ข้อ เนื่องจากมองว่าอาจขัดกับหลักศาสนา และวิถีชีวิตท้องถิ่น เรื่องนี้ นายกัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรคเป็นธรรม และ 1 ในว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้เปิดเผยข้อเท็จจริงกับไทยรัฐออนไลน์ ถึงประเด็นดังกล่าวว่า ไม่ใช่การเห็นไม่ตรงกัน แต่เป็นเพียงเรื่องการปรับใช้ถ้อยคำใน MOU ให้มันถูกต้อง เพื่อให้ทุกคนมีความเห็นร่วมกันให้ได้ เพราะทั้ง 8 พรรคมีความตั้งใจในการสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในการเป็นนายกรัฐมนตรี จึงต้องดูคำพูดใน MOU ให้เคลียร์ทุกอย่าง เพื่อให้ต่อไปจะไม่มีใครมีข้อครหา และจะทำให้สังคมยอมรับเราไปด้วยในเส้นทางประชาธิปไตยที่แท้จริง
“ซีเรียสไหมในการเซ็น MOU ก็ซีเรียส เพราะว่าเรามีความตั้งใจจริงๆ อยากเห็นรัฐบาลของประชาชน” นายกัณวีร์ กล่าว
เรื่องที่เห็นไม่ตรงกัน คือการปรับใช้ถ้อยคำใน MOU
เรื่องที่เห็นไม่ตรงกันใช่เรื่องสมรสเท่าเทียมหรือไม่ นายกัณวีร์ กล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะเรื่องที่เห็นไม่ตรงกันจริงๆ คือการปรับใช้ถ้อยคำใน MOU ในข้อ 1 เกี่ยวกับเรื่องรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะเรื่องถ้อยคำ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ว่าจะนำไปใส่ตรงไหน นำไปใส่ก่อนหรือไม่ ที่ต้องให้ความสำคัญตรงนี้ ต้องนำขึ้นไปเป็นอารัมภบท ที่ตอนแรกมันอยู่ในถ้อยคำของข้อที่ 1 ที่เราปรับไปใช้ในอารัมภบทก่อนเลย
“ถ้าเราเน้นย้ำตรงนี้ จะทำให้ข้อครหาต่างๆ ที่จะมีอะไรต่างๆ นานา ถูกปัดไปได้ในตัวของมันเอง” นายกัณวีร์ กล่าว
MOU ตอนแรกมีแค่คำว่าระบอบประชาธิปไตย
แสดงว่าใน MOU ตอนแรกไม่มีคำว่า ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ใช่หรือไม่ นายกัณวีร์ ยืนยันว่า มี แต่เราใช้คำว่าระบอบประชาธิปไตย เราไม่ได้เขียนต่อ เพราะช่วงแรกของ MOU เป็น Draft (ร่าง) เร็วๆ จึงยังไม่มีคำนั้น แต่ช่วงระหว่างวันที่ 17-18 พ.ค. จนถึงก่อนจะมีการลงนาม MOU เราได้มีการหารือพรรคร่วมทั้งหมด ว่า นโยบายที่จะมาเป็นกรอบ MOU ควรมีอะไรบ้าง ซึ่งตอนแรกมีเพียงกระดาษ 1 แผ่นครึ่ง ต่อพอช่วงหลังทุกพรรคเสนอกรอบ MOU ขึ้นมา จึงกลายเป็น 3 แผ่น และกลายเป็นอารัมภบท 23 ข้อ และ 5 ข้อย่อย
ประชาชาติ-เป็นธรรม แนะควรมีคำมาขยายเรื่องสมรสเท่าเทียม สุราก้าวหน้า
เมื่อถามว่าที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ไม่สบายใจใช่เรื่องสมรสเท่าเทียม และสุราก้าวหน้า หรือไม่ นายกัณวีร์ กล่าวว่า ไม่ใช่ไม่พอใจ เพราะว่าในบางพรรค ทั้งพรรคประชาชาติ และพรรคเป็นธรรม มีการทำพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีเรื่องเกี่ยวกับการนับถือศาสนา และการดำรงชีวิตในพื้นที่ เราจึงเสนอขึ้นไปว่าควรมีคำมาขยายด้วย เราสนับสนุน เพียงแต่ว่าจำเป็นจะต้องเคารพการดำรงวิถีชีวิตในพื้นที่คนต่างศาสนาด้วย จะได้ครอบคลุม
หากมีการผลักดันในสภา ทุกพรรคร่วมรัฐบาลจะโหวตไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ นายกัณวีร์ ระบุว่า ส่วนใหญ่ไปในทิศทางเดียวกัน บางข้อหากจำเป็นจริงๆ บางพรรคก็มีสิทธิในการแสดงออกในของแต่ละพรรค จึงขึ้นอยู่กับแต่ละพรรคว่าจะเห็นด้วยหรือไม่
ยังไม่ดีลการเมืองเพราะมุ่งทำแต่ MOU
นอกจาก 2 เรื่องนี้ มีเรื่องอื่นอีกหรือไม่ที่ถกเถียงกันยาว นายกัณวีร์ กล่าวว่า ไม่มี เพราะทุกคนจะถกกันเรื่อง MOU เท่านั้น เพราะเรายังไม่มีการพูดคุยเรื่องดีลการเมือง เพราะเรามีความมุ่งมั่นในการทำ MOU ออกมา เพื่อรับผิดชอบและลงนามร่วมกันให้ได้ก่อน ส่วนก้าวไกล ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อไปประสานงานกับสมาชิกวุฒสภา (ส.ว.) แต่หากพรรคไหนมีช่องทางที่จะคุยกับ ส.ว.ได้ ก็จะไปช่วยดีล ส.ว.ด้วย
ช่วงไหนจะเป็นการแบ่งกระทรวงกันในพรรคร่วมรัฐบาล หรือจะต้องรอมีการโหวตนายกฯ ก่อน นายกัณวีร์ กล่าวว่า ใช่ น่าจะเป็นช่วงนั้น เพราะเราวางแผนเอาไว้ว่า เราจะต้องเดินเรื่อง MOU ให้เสร็จ เมื่อเลือกนายกฯ เสร็จ เราถึงจะมาเริ่มพูดคุยเรื่องตำแหน่ง
ตกใจโผ ครม. หลุด “เป็นธรรม” ย้ำชัดไม่คิดต่อรอง
เมื่อถามถึงโผครม. และตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรที่หลุดออกมา นายกัณวีร์ กล่าวว่า คงมีในเรื่องนั้น ที่อาจจะเป็นการคาดการณ์กันเอง เพราะเราเองก็เห็นว่าใครจะได้ตำแหน่งไหนอย่างไร แต่ในพรรคร่วมที่ตนเองอยู่ตรงนั้น ยังไม่มีการพูดคุยกัน แม้แต่วันเซ็น MOU และการทานข้าวร่วมกันก่อนหน้านั้น ก็ยืนยันว่าไม่มีการพุดคุยกัน
“ผมก็เห็นโผ ผมก็ตกใจเหมือนกัน คือตัวเราเอง พรรคเราเองก็อยู่ในพรรคร่วมด้วย (แต่กลับไม่มีชื่อพรรคเรา) เรื่องไม่มีชื่อไม่เท่าไร แต่สงสัยว่าทำไมออกมาได้ เราไม่เห็นในการพูดคุยกัน และพรรคเป็นธรรมชัดเจนอยู่แล้วว่าไม่ต่อรองอยู่แล้ว เพราะไม่ใช่ว่าเรามีแค่ที่นั่งที่เดียว แต่เพราะนโยบายจุดยืนของพวกเราร่วมกันคือ เราจะใช้ประเด็นพิจารณาเป็นหลัก มากกว่าจำนวนเก้าอี้ พรรคไหนที่ได้รับความไว้วางใจสูงสุด ก็ต้องมีสัดส่วนในการบริหารเก้าอี้รัฐมนตรีอยู่แล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังไม่มี และพรรคก้าวไกลจะใช้ประเด็นภาพการทำงาน ว่าแต่ละคนจะอยู่ตรงไหนบ้าง” นายกัณวีร์ กล่าว
รับโผ ครม. ที่หลุดออกมาเป็นไปได้ แต่อาจจะไม่ใช่
มีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดเรื่องโผคณะรัฐมนตรีที่หลุดออกมา นายกัณวีร์ กล่าวว่า ก็มีความเป็นไปได้โผที่หลุดออกมา แต่อาจจะไม่ใช่ก็ได้ เพราะมันเป็นโผที่ทุกคนยืนยันว่ามันไม่ใช่โผจริง เรื่องตำแหน่งนายกฯ ก็ต้องนายพิธาอยู่แล้ว ส่วนตำแหน่งอื่นไม่สามารถยืนยันอะไรได้เลย
หากเป็นธรรมไม่ได้สักเก้าอี้จะทำให้ผลักดันนโยบายยากหรือไม่ นายกัณวีร์ กล่าวว่า ไม่ได้ยาก เพราะอย่างน้อยเราถือว่าได้ร่วมรัฐบาล เราสามารถผลักดันตามช่องทางที่เรามีอยู่แล้ว และเราก็จะเป็นมดงาน ทำให้ศักยภาพที่เรามีในการผลักดันนโยบายต่างๆ
“นโยบายต่างๆ ที่พรรคเป็นธรรมเสนอไว้ ก็สอดรับกับนโยบายใหญ่ของพรรคก้าวไกลด้วย เพราะฉะนั้นคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร โดยเฉพาะการสร้างสันติภาพในปาตานี ผมว่าจะเป็นนโยบายเดียวกับพรรคก้าวไกลและพรรคประชาชาติด้วยอยู่แล้ว” นายกัณวีร์ กล่าว
ยันพรรคร่วมรัฐบาล “เรารักกันมาก”
ตอนนี้พรรคร่วมรัฐบาลยังกลมเกลียวกันอยู่ใช่หรือไม่ นายกัณวีร์ กล่าวว่า “เรารักกันมาก อย่างที่นายศิธา ทิวารี จากพรรคไทยสร้างไทย ระบุว่าเป็นแฟนกันต้องมีทะเลาะกันบ้าง แต่เราก็รักกันอยู่แล้วครับ”
ผู้เขียน : Supattra.l
กราฟิก : Sathit chuephanngam