เนื่องจากเส้นตายสำหรับการส่งต้นฉบับของผมจะอยู่ที่ไม่เกิน 4 โมงเย็นของทุกๆวัน ดังนั้นข้อเขียนของวันนี้ซึ่งเขียนเมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566 อันเป็นวันเลือกตั้งทั่วไปของประเทศไทยนั้น จึงไม่สามารถรอผลการเลือกตั้งจนถึงที่สุดได้
เพราะจากช่วงเวลาที่ผมจะต้องส่งต้นฉบับ ยังเหลืออีกถึงหนึ่งชั่วโมงเต็มๆจึงจะปิดหีบการเลือกตั้งทั่วประเทศ
แต่ถ้าจะไม่เขียนอะไรเกี่ยวกับการเลือกตั้งครั้งนี้เลย ก็จะกลายเป็นการ “ตกเทรนด์” หรือไม่ทันเหตุทันกาลไปซะเปล่าๆ
จึงขออนุญาตเล่าและบันทึกบรรยากาศในช่วงเช้าๆของการเลือกตั้ง 2566 เท่าที่ผมมีโอกาสไปร่วมใช้สิทธิใช้เสียงด้วย ถือเป็นส่วนหนึ่งของ “เกร็ด” ประวัติศาสตร์เล็กๆก็แล้วกันครับ
จากการตรวจสอบในเอกสารที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งของประเทศไทยเท่าที่มีผู้บันทึกไว้...ผมน่าจะมีโอกาสออกไปใช้สิทธิใช้เสียงประมาณ 15-16 ครั้ง เท่านั้นในชีวิตนี้
แม้ผมจะสนใจมากและไปนั่งฟังการปราศรัยหาเสียงและดู “หนังไทย” ที่สมัยโน้นเขายังอนุญาตให้นำมาฉายหาเสียงได้ ที่ชายหาดอำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ
แต่กว่าจะได้เลือกตั้งครั้งแรก หรือ “เปิดซิง” การเลือกตั้งครั้งแรกในชีวิตก็เมื่ออายุปาเข้าไป 30 กว่าๆโน่นแล้ว
เหตุเพราะในช่วงที่ผมมีอายุพอจะเข้าเกณฑ์เลือกตั้งได้นั้นเป็นยุคของ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งเป็นยุคปฏิวัติปกครองด้วยรัฐบาลทหารยาวนานมาจนถึงยุค จอมพลถนอม กิตติขจร ร่วมๆ 15-16 ปี
ช่วง พ.ศ.2512 จอมพลถนอมจัดให้มีการเลือกตั้งแก้ขวยอยู่หนหนึ่ง ซึ่งผมก็ไปเรียนหนังสือที่สหรัฐอเมริกาพอดี หมดสิทธิเข้าร่วม
เพิ่งจะมีโอกาสเมื่อปี 2517 หลังร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จสรรพในยุคของท่านอาจารย์ สัญญา ธรรมศักดิ์ นั่นเอง
...
จำได้ว่าผมตื่นเต้นมากในการเปิดซิงครั้งนั้น ไปรอใช้สิทธิใช้เสียงตั้งแต่ 7 โมงเช้าที่คูหาเลือกตั้งในบริเวณลานจอดรถของ การเคหะแห่งชาติ ใกล้ๆ หมู่บ้านคลองจั่น เขตบางกะปิ ของผมในปีที่ว่า
หลังจากนั้น ความตื่นเต้นของผมก็ค่อยๆลดลงไปบ้าง เมื่อประเทศไทยของเราแกว่งไปแกว่งมา เดี๋ยวเป็นเผด็จการเดี๋ยวเป็นประชาธิปไตย มีการเลือกตั้งอีกประมาณ 15-16 ครั้ง
แม้ความตื่นเต้นจะลดลง แต่ผมก็ถือว่า “การใช้สิทธิ” เป็นหน้าที่ที่ผมจะต้องทำ จึงไปเลือกทุกครั้งที่ประเทศไทยของเรามีการเลือกตั้ง และมีอยู่ 2 ครั้งตรงกับห้วงเวลาที่ผมจะต้องเดินทางไปต่างประเทศพอดี จึงไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าทั้ง 2 ครั้งในปีดังกล่าว
สำหรับครั้งนี้ผมกลับมารู้สึก “ตื่นเต้น” อีกครั้งหนึ่ง เพราะเห็นด้วยกับคำกล่าวของหลายๆท่านที่ว่า เป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญที่จะ “เปลี่ยนประเทศไทย”
ผมนั้นไม่ขัดข้องและยินดีอย่างยิ่งที่ประเทศไทยของเราจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ต้องเปลี่ยนอย่างค่อยเป็นค่อยไป อย่างปฏิรูปและไม่ทำลายวัฒนธรรม ตลอดจนสถาบันหลักที่คนไทยเคารพนับถือ
แต่เมื่อมีบุคคลกลุ่มหนึ่งเสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่น่ากังวลใจ และจะนำไปสู่ความขัดแย้งใหญ่หลวงในอนาคต ผมจึงหวังว่าคนรุ่นเก่าอย่างผม จะช่วยกันออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านการเลือกตั้งครั้งนี้ ว่าเราไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้
เป็นที่มาของข้อเขียนชุดใช้ “เกษียณ” สู้ “กระแส” ของผมเรียกร้องให้ผู้สูงอายุออกมาใช้สิทธิใช้เสียงมากๆด้วยความหวังว่า ผู้อาวุโส ซึ่งผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนานกว่า น่าจะตัดสินใจได้ดีกว่า
ผมพบว่า ในช่วงเช้าของคูหาเลือกตั้งหลายๆคูหาที่ สวนพฤกษชาติ คลองจั่น ข้างๆบ้านผม มีผู้อาวุโสมาใช้สิทธิใช้เสียงค่อนข้างมาก และจากการติดตามข่าวทางโทรทัศน์ก็พบว่า ผู้เกษียณ หรือที่บางท่านเรียกว่า “ช้างศึก” ออกมาใช้เสียงมากเป็นพิเศษทั่วประเทศไทย
แต่ก็อย่างที่ว่า ข้อเขียนนี้จบลงเมื่ออีก 5 นาที จะ 4 โมงเย็นวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค. ยังมีเวลาอีกยาวนานเหลือเกิน
ไม่ทราบว่าข่าวหน้า 1 วันนี้จะพาดหัวอย่างไรบ้าง? โปรดอ่านกันเอาเองนะครับ
ผมก็ยังคงฝันลมๆแล้งๆของผมว่า ผู้สูงอายุ หรือผู้เกษียณ หรือ “ช้างศึก” (และช้างป่วย) จะได้ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้.
“ซูม”