“เศรษฐา ทวีสิน” ตอกกลับ “อนุทิน” รับไม่มีอำนาจ เพราะคนมีอำนาจจริงๆ คือประชาชน ลั่น เลือกตั้ง 2566 เพื่อไทยต้องชนะขาด โนคอมเมนต์ “ทักษิณ” ทวีตจ่อกลับไทยถูกมองเรียกคะแนนให้พรรค

วันที่ 10 พฤษภาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรค และผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ อาทิ นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขตเลือกตั้งที่ 1, น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 3, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ผู้สมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 5 พบปะผู้ประกอบการใน จ.เชียงใหม่ โดยมีภาคธุรกิจเข้าร่วม อาทิ สภาหอการค้าเชียงใหม่

นายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยมาเต็มทีมเพื่อให้ผู้ประกอบการมั่นใจว่ามีความพร้อมในทุกด้าน 8 ปีที่ผ่านมามีปัญหาต่างๆ มากมาย ประเทศจึงต้องการเปลี่ยนแปลง ในอดีตตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน ประชาชนเชื่อว่าเราคิดใหญ่ทำเป็น ผลงานที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าพรรคเพื่อไทยพร้อมรับใช้ประชาชนทุกกลุ่ม การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนประเทศที่เราบอบช้ำมาเยอะ การเติบโตสู้ประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้ จำเป็นต้องใช้มืออาชีพมาเปลี่ยน เราไม่มีเวลามาลองของใหม่อีกแล้ว ต้องการทีมงานที่มีคุณภาพ ต้องเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์ การขับเคลื่อนประเทศต้องใช้กระทรวงต่างๆ ขับเคลื่อนไปพร้อมกัน ถ้าเพื่อไทยชนะไม่ขาด การเข้าไปบริหารจัดการจะลำบาก และเรามั่นใจว่าเพื่อไทยพร้อมที่สุด

มั่นใจกวาดเชียงใหม่ทั้งจังหวัด

จากนั้น นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ถึงความคาดหวังในการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ช่วงโค้งสุดท้าย เนื่องจากใน อ.เมือง มีการแข่งขันที่ดุเดือด ว่า เราแข่งขันดุเดือดทุกพื้นที่ แต่มั่นใจว่าที่เป็นบ้านของเราตรงนี้ เราจะยกทั้งจังหวัด ส่วนคำถามถึงพื้นที่ อ.เมือง ที่พรรคก้าวไกลพยายามจะตีนั้น นายเศรษฐา ระบุว่า ไม่ใช่แค่พรรคก้าวไกล มีหลายพรรค วันนี้เราจึงมาให้ความสำคัญด้วยการยกทีมใหญ่มา สำหรับกระแสพรรคก้าวไกลที่มาแรงช่วงนี้ นายเศรษฐา ไม่กังวล โดยยังมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นพรรคที่ได้คะแนนเสียงส่วนมากอยู่

...

โนคอมเมนต์ทวีต “ทักษิณ” เรียกคะแนน

ขณะที่กรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวจะกลับประเทศไทยในเดือนกรกฎาคม 2566 โดยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จะมีผลต่อคะแนนเสียงของพรรคหรือไม่นั้น นายเศรษฐา ตอบว่า “ท่านเป็นคุณพ่อ คุณตา และเป็นคุณปู่ ตรงนี้ก็น่าเห็นใจ เพราะท่านพูดมาว่า 17 ปีไม่ได้กลับบ้าน และอายุท่านก็มาก ท่านเองก็อยากที่จะกลับมา แต่ท่านก็พูดชัดเจนคือ การกลับเข้ามาตามกระบวนการยุติธรรม และไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย เหนือสิ่งอื่นใดการที่ท่านประกาศจะกลับช่วงเดือนกรกฎาคม ก็เป็นช่วงที่รัฐบาลปัจจุบันยังรักษาการอยู่ ฉะนั้นก็ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย ส่วนจะส่งผลเป็นแรงบวก หรือแรงลบประชาชนต้องตัดสินเอง ผมพูดในฐานะแคนดิเดตนายกฯ และคนเป็นพ่อว่าเห็นใจท่าน”

ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า จากเนื้อหาทวิตเตอร์ของนายทักษิณ ประเมินหรือไม่จะเป็นผลบวกหรือผลลบต่อการเลือกตั้ง นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการประเมิน เมื่อถามย้ำมีคนออกมาตั้งขอสังเกตว่าเป็นการเรียกคะแนนให้พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐาบอกว่า “ไม่มีคอมเมนต์ตรงนี้”


สวน “อนุทิน” อำนาจอยู่ที่ประชาชน

ขณะเดียวกันในคำถามถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงคนที่ออกมาพูดจะยึดกระทรวงคมนาคมไม่ยกให้ใคร เป็นเรื่องไม่เหมาะสมเพราะยังไม่มีการเลือกตั้ง ยังไม่รู้ว่าใครจะได้ ส.ส.เท่าไร นายเศรษฐา ตอบว่า ตรงนี้ต้องขอความเป็นธรรม เพราะหลายพรรคก็พูดว่าถ้าเป็นรัฐบาลจะเอากระทรวงใด กระทรวงคมนาคมก็เป็นกระทรวงหลัก และที่ตนไปพูดก็พูดกับสหกรณ์รถแท็กซี่ที่เกี่ยวกับกระทรวงคมนาคมโดยตรง ถือเป็นหนึ่งในกระทรวงเศรษฐกิจที่พรรคเพื่อไทยมีความชำนาญในการบริหารอยู่แล้ว ไม่ได้ประกาศว่าจะยึด แต่มีคำถามมาว่าหากได้เป็นรัฐบาลก็อย่าไปยกกระทรวงนี้ให้คนอื่น ตนก็ตอบว่าใช่ ไม่ได้เป็นการไม่ให้เกียรติประชาชน แต่ต้องไปดูทั้งหมดว่ามีบทสนทนาออกมาเช่นนั้นมีความเป็นมาอย่างไร ก็ต้องขอความเป็นธรรม ไม่ได้ตั้งใจล่วงอำนาจประชาชน แน่นอนว่าต้องเลือกตั้งมาก่อน และต้องมีการประกาศผลจากทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นขั้นเป็นตอนอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่า นายอนุทิน ระบุด้วยว่าคนที่ออกมาพูดไม่ได้มีอำนาจจริง นายเศรษฐา มีอำนาจมากน้อยแค่ไหน นายเศรษฐา ตอบกลับว่า เข้าใจในการเมืองดีว่าจริงๆ แล้วพื้นฐานของการเล่นการเมือง เราเข้ามาทำเพื่อพี่น้องประชาชน คนที่มีอำนาจจริงๆ คือประชาชน ไม่ปฏิเสธว่าตนไม่มีอำนาจจริง เพราะคนที่มีอำนาจจริงคือประชาชน จากนั้นเวลา 14.00 น. นายเศรษฐา และคณะ เดินทางต่อไปยังสหกรณ์นครลานนาเดินรถ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อพูดคุยถึงปัญหาการคมนาคมขนส่งใน จ.เชียงใหม่