"นฤมล" พปชร.ลุยหาเสียง เขตบางซื่อช่วย "ผู้กองมาร์ค" มั่นใจ ปชช.เลือกคนพื้นที่ รู้ปัญหา ทำงานเป็น เชื่อ คนไทย ยังตัดสินใจเลือกผู้แทนฯ จากนโยบายพรรค ไม่ใช่ อนุรักษนิยม หรือ เสรีนิยม

วันที่ 2 พ.ค. 2566 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำโดย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ลงพื้นที่เขตบางซื่อเพื่อช่วย ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางซื่อ - ดุสิต กทม. หมายเลข 12 พรรคพลังประชารัฐ เดินรณรงค์หาเสียง โดยได้พบปะประชาชนชุมชนวัดเชิงหวาย เพื่อเยี่ยมชมวิถีชีวิตชาวบ้าน รวมถึงพูดคุยกับพ่อค้า แม่ค้า และประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอยบริเวณตลาดเตาปูน ซึ่งเป็นตลาดที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในเขตบางซื่อ โดยระหว่างการลงพื้นที่ได้ทีแฟนคลับของ ศ.ดร.นฤมล มาขอถ่ายรูปจำนวนมาก พร้อมกับสอบถามถึงนโยบายสวัสดิการผู้สูงอายุ และราคาพลังงานที่พรรคพลังประชารัฐได้ประกาศว่าจะมีนโยบายช่วยเหลือประชาชน

โดย ศ.ดร.นฤมล กล่าวกับประชาชนในพื้นที่ว่า ประชาชนก็สอบถามถึงปัญหาเรื่องค่าครองชีพ ผู้กองมาร์คเดินหน้าหาเสียง เพื่อสร้างความเข้าใจกับชาวบ้านเกี่ยวกับนโยบายของพรรค พปชร. ซึ่งวันนี้ที่เราลงพื้นที่ได้พบกับผู้สูงอายุจำนวนมากที่พักผ่อนอยู่ที่บ้าน โดยส่วนใหญ่พอใจกับนโนบายของพรรคในเรื่องสวัสดิการผู้สูงอายุ ที่เราจะทำอย่างต่อเนื่องไปตลอดทันทีที่เข้าไปเป็นรัฐบาลบริหารประเทศแน่นอน ไม่ใช่ทำเพียงแค่เดือนเดียวอย่างที่ประชาชนในพื้นที่กังวล

...

"ช่วงหาเสียงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ในส่วนพื้นที่ กทม. ผู้บริหารพรรคก็แยกกันลงแต่ละพื้นที่เพื่อช่วยผู้สมัครหาเสียง โดยจะต้องเน้นย้ำถึงนโนบายที่เราจะดูแลผู้ประกอบการ ผู้ทำธุรกิจ ซึ่งเรามีชุดนโยบายอยู่แล้วแต่อาจจะไม่ได้ประชาสัมพันธ์มากนัก รวมถึงพ่อค้า แม่ค้า ผู้ประกอบการรายย่อยหรือ sme โดย พรรค พปชร.มีนโยบายที่จะเข้าไปสนับสนุนแหล่งเงินทุนเพื่อที่จะต่อยอดทางธุรกิจได้" ศ.ดร.นฤมล กล่าว

ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า ผู้บริหารและผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ จะทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติและประชาชนให้ดีที่สุด ซึ่งเราเคารพการตัดสินใจของพี่น้องประชาชน แต่เราก็หวังว่า จะได้รับความเมตตาให้โอกาสเลือกตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ อย่างน้อยก็ 12 ส.ส.ใน กทม.ซึ่งเป็นจำนวนที่เท่ากับการเลือกตั้งเมื่อปี 62 ก็ต้องขอฝากผู้สมัครคุณภาพของเรา อย่างเช่นในเขตบางซื่อ ก็มี "ผู้กองมาร์ค" ที่อาจจะเคยสังกัดกับพรรคการเมืองอื่น แต่วันนี้เชื่อมั่นในนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงแนวทางของพรรค ทั้งนี้ผู้สมัครของเราพร้อมรับใช้ประชาชนในทุกเขต ทุกพื้นที่ โดยผู้สมัครของเรามีศักยภาพทุกคน และผู้บริหารพรรคก็พร้อมผลักดันให้เกิดขึ้นจริง และพร้อมทำทันที

ทั้งนี้ ศ.ดร.นฤมล ได้ตอบคำถามสื่อมวลชน ถึงกรณีการเลือกตั้งในขณะนี้ที่หลายฝ่ายมองว่า เป็นการเลือกแบบแบ่งขั้วทางการเมือง ระหว่าง อนุรักษนิยม-เสรีนิยม ว่า ตนเชื่อว่า อย่างประชาชนในพื้นที่ กทม. เขาไม่ได้คิดว่าเขาอยู่ฝ่ายไหน ทุกคนไม่ได้อยากถูกตีตราว่า เราอยู่ฝ่ายไหน คำว่า อนุรักษนิยม หรือเสรีประชาธิปไตย น่าจะใช้กับกลุ่มคนที่มีอายุเกิน 55 ปี ขึ้นไปแล้ว ที่ยังเชื่อว่าประชาชนถูกตีกรอบและตัดสินเช่นนั้น

"เราเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศยังเลือกผู้สมัครและพรรคการเมืองโดยดูจากอุดมการณ์ที่ว่า เขาจะทำอะไรให้กับพี่น้องประชาชน เขาคงไม่ชอบที่จะมาบอกว่า ให้เขาอยู่ฝ่ายไหน ว่าจะเลือกเพราะอยู่ฝ่ายนั้น ฝ่ายนี้ การตัดสินใจลงคะแนนในคูหานั้น แหม่มยังเชื่อว่า คนไทยจะพิจารณาว่า พรรคการเมืองไหนที่สามารถตอบโจทย์แก้ปัญหาเศรษฐกิจ แก้ปัญหาความไม่มั่นคง หรือไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองได้ เขาก็จะให้โอกาสพรรคนั้น เพราะฉะนั้น พรรคพลังประชารัฐ เราก็เดินหน้าในแนวทางนี้ ถ้าเลือกเราสิ่งที่ท่านจะได้ก็ คือ การแก้ปัญหา ฟื้นฟูเศรษฐกิจ และได้เสถียรภาพทางการเมือง เพราะถ้าการเมืองนิ่งเศรษฐกิจ ก็จะสามารถวิ่งไปได้"

ด้าน ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ หรือ ผู้กองมาร์ค กล่าวถึงความมั่นใจในพื้นที่ว่า ตนลงพื้นที่เขตบางซื่อ มากว่า 13 ปี ได้สัมผัสกับชาวบ้าน เราได้ทำกิจกรรมรวมถึงผ่านปัญหาต่างๆ มาด้วยกัน ซึ่งตนเกิดและโตที่เขตนี้ เพราะฉะนั้นความผูกพันจากชาวบ้านมีมากอยู่แล้ว อีกทั้งตนเชื่อมั่นว่า ทุกนโยบายของพรรคพลังประชารัฐทำได้จริงและสามารถทำได้ทันที โดยเฉพาะเรื่องนโยบายเกี่ยวกับราคาพลังงาน เพราะถือว่าเป็นเรื่องสำคัญของประชาชน เนื่องจากหากราคาพลังงานลดลง ก็จะเป็นการลดภาระของประชาชน และธุรกิจต่างๆ ก็สามารถเติบโตได้เช่นกัน