“กรณ์” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า สวนกลับ “สุพัฒนพงษ์” รมว.พลังงาน ต้องรับผิดชอบค่าไฟแพง ไม่ใช่มาผลักภาระให้ประชาชน ลั่น เคยทักท้วงตั้งแต่ต้นปีแล้ว

วันที่ 27 เม.ย. 2566 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) กล่าวระหว่างลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียงที่จังหวัดร้อยเอ็ด ถึงกรณี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ไม่เห็นด้วยกับการงดเก็บค่าเอฟที (Ft) ในฤดูร้อน ตามที่พรรคชาติพัฒนากล้าเสนอไป ว่า การลักไก่คิดค่าไฟแพงตั้งแต่ ม.ค.-เม.ย. 2566 ที่ 4.72 บาทนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องอยู่แล้ว เพราะก๊าซราคาถูกในอ่าวไทยผลิตมากขึ้น ราคา LNG นำเข้าราคาลดลง เงินบาทก็แข็งค่า ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจึงลดตั้งแต่ ธ.ค. 2565 เป็นต้นมา ขณะที่รอบบิล ม.ค.- เม.ย. 2566 รัฐไม่ยอมลดค่าไฟให้ แต่กลับผลักภาระให้ประชาชนแทนในช่วงหน้าร้อนนี้

สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์
สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์

...

นายกรณ์ ระบุต่อไปว่า ตนเองทักท้วงเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นปีช่วงอากาศหนาว ที่คนใช้ปริมาณไฟน้อย แต่มาแจ็กพอตแตกก็เดือน เม.ย. หน้าร้อน ซึ่งเป็นช่วงที่ใช้ไฟมากขึ้น เมื่อต้นทุนถูกลงแล้วจึงควรลดค่าเอฟที 93.43 สตางค์/หน่วยเป็น 0 บาท 3 เดือนได้ ซึ่งสอดคล้องตามต้นทุนจริง ส่วนการขาดทุนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นั้น ในฐานะรักษาการรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กำกับดูแลกระทรวงการคลังอยู่แล้ว ก็สามารถมาช่วยปรับโครงสร้างต้นทุนการเงินของ กฟผ.ได้ ไม่ใช่มาผลักภาระให้ประชาชนแบบนี้

“วิธีแก้ปัญหาค่าไฟแพงของชาติพัฒนากล้า ผมไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว ผมรู้จักหลักวินัยการเงินและการคลังดี แต่ท่านเองนั่นแหละที่ต้องตอบประชาชนให้ได้ว่าจะรับผิดชอบเรื่องค่าไฟแพงอย่างไร ท่านเป็นทั้งรองนายกเศรษฐกิจ และรัฐมนตรีพลังงาน เป็นถึงหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรคที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นแคนดิเดต การทำงานมันต้องเชื่อมโยงทั้งบริบทกระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงาน รวมถึงบริบทด้านงานการต่างประเทศ ต้องบริหารงานแบบบูรณาการและมีวิสัยทัศน์ สำคัญคือต้องทำงานด้วยการคิดถึงใจประชาชน ตอนนี้ท่านต้องเร่งเจรจาก๊าซไทย-กัมพูชาด้วย เพราะก๊าซในอ่าวไทยจะหมดลงใน 10 ปีนี้แล้ว มองให้ไกลครับ ท่านรัฐมนตรีพลังงาน”