“ตั๊น จิตภัสร์” พร้อมแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ช่วยหาเสียงภูเก็ต ชูเขตเศรษฐกิจทันสมัย ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ม.อันดามัน ปลดล็อก ประมงพาณิชย์ ภายใต้ IUU
วันที่ 24 เม.ย. 2566 เมื่อเวลา 16.00 น. นางอัญชลี วานิช เทพบุตร แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ จ.ภูเก็ต อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร (ตั๊น) รองเลขาธิการพรรค ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ได้เดินมาช่วยหาเสียงให้กับ นายกวี ตันสุคตานนท์ เขตเลือกตั้งที่ 1 หมายเลข 10 นางสาวพลอยทะเล รัศมีแสงจันทร์ เขตเลือกตั้งที่ 2 หมายเลข 10 และ นายชัยยศ ปัญญาไวย เขตเลือกตั้งที่ 3 หมายเลข 11 ณ ต.วิชิต และ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยมีประชาชนให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก
นางอัญชลี วานิช เทพบุตร กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองอายุกว่า 77 ปี มีอุดมการณ์ชัดเจน ซึ่งที่ผ่านมาได้รับใช้พี่น้องประชาชนจังหวัดภูเก็ตและประเทศในยามวิกฤติมาโดยตลอด เชื่อมั่นว่าพี่น้องประชาชนชาวภูเก็ตยังคงให้ความไว้วางใจผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ และมั่นใจว่าจะสามารถปักธงได้ทั้ง 3 เขต
ด้าน นางสาวพลอยทะเล ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต เขต 2 กล่าวว่า อยากผลักดันให้ภูเก็ต เป็นเขตเศรษฐกิจทันสมัย บริหารจัดการโดยซุปเปอร์บอร์ด สภาเศรษฐกิจภูเก็ตที่มีคณะกรรมการจากส่วนกลาง ครม. มีราชการส่วนภูมิภาค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อบจ. ภาคประชาชน ผู้ทรงคุณวุฒิ บริหารภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาจากคณะชุดนี้ เพื่อพัฒนาภูเก็ตเมืองท่องเที่ยวระดับโลกไปสู่ศูนย์กลางเมืองดิจิทัลเทคโนโลยี ศูนย์กลางทางการเงิน เพื่อสนับสนุนให้ภูเก็ตต่อยอดทางเศรษฐกิจไปสู่ธุรกิจทันสมัย เช่นประเทศสิงคโปร์ได้
เพราะช่วงโควิด ภูเก็ตตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก จังหวัดมีรายได้จากการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว ซึ่งหากใช้แนวทางนี้ก็จะสามารถพัฒนาการท่องเที่ยว เป็นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ พัฒนาต่อยอดการให้บริการทางสุขภาพ มีโรงพยาบาลที่ครบวงจร เช่นเดียวกับเรื่องของมหาวิทยาลัยอันดามัน สิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นนโยบายหลักๆ ที่เตรียมไว้สำหรับคนภูเก็ต
...
น.ส.จิตภัสร์ กล่าวว่า ช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา ผู้สมัครและแกนนำของพรรคประชาธิปัตย์ ได้ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในภูเก็ตอย่างทั่วถึง ทั้งในเรื่องของวัคซีน ปัญหาปากท้อง ได้มีการปรับลดราคาไข่ไก่ อีกทั้งยังได้มอบข้าวสาร น้ำมันพืช เครื่องอุปโภคบริโภค ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อตามชุมชนอีกด้วย
สำหรับนโยบายชาวประมงในพื้นที่ ซึ่งที่มาได้รับผลกระทบจากเงื่อนไขของ IUU แต่ด้วยนโยบาย “ปลดล็อก ประมงพาณิชย์ ภายใต้ IUU” จะเป็นการพลิกฟื้นธุรกิจประมงไทย ให้กลับมาสร้างรายได้เข้าประเทศจำนวนมหาศาลอีกครั้ง ภายใต้การปฏิบัติตามเงื่อนไขที่สากลยอมรับ และนโยบายประมงท้องถิ่น รับ 100,000 บาท ทุกปี จะเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้ชาวประมงท้องถิ่น ที่เป็นกลุ่มเศรษฐกิจฐานรากที่สำคัญของไทย ให้เกิดการพัฒนาต่อยอดอาชีพอย่างต่อเนื่อง.