“กรณ์” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า บี้ รัฐบาล ยกเลิกค่าเอฟที 3 เดือน ทำทันที ซัดรัฐเอื้อทุนใหญ่ เหลื่อมล้ำขวางโซลาร์เซลล์เสรี ยัน พรรคพร้อมชนกับทุนใหญ่ รื้อโครงสร้างไฟฟ้า ให้ประชาชนลงทุน
วันที่ 21 เม.ย. 2566 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.)กล่าวว่า การแก้ปัญหาค่าไฟฟ้าแพง คือ รัฐบาลต้องยกเลิกค่าเอฟที ในช่วง 3 เดือนนี้ทันที ซึ่งทำได้เลยเพราะต้นทุนการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ลดลงมากจากราคาก๊าซ LNG ที่ถูกลงมาตลอด โดยพรรค ชาติพัฒนากล้า เสนอว่า ต้องรื้อโครงสร้างอุตสาหกรรมไฟฟ้า เพราะเวลานี้สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของบ้านเราใช้พลังงานเชื้อเพลิงที่เป็นฟอสซิล ในปริมาณที่สูงเกินกว่า 50% นอกจากนั้น ยังมีถ่านหิน และน้ำมัน ซึ่งมีต้นทุนราว 5 บาท ส่วนที่เป็นพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ เราใช้ไม่ถึง 10% ทั้งที่ปัจจุบันต้นทุนการผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 2 บาท แต่กลับเลือกใช้น้อยที่สุด ทั้งนี้การจะแก้ปัญหาจะต้องมีความกล้าทางการเมือง ที่จะรื้อโครงสร้างไฟฟ้า โดยต้องเปิดเสรีให้กับประชาชนมีสิทธิเป็นผู้ลงทุน ซึ่งมีความแตกต่างกับปัจจุบัน คือ เราไม่ต้องพึ่งทุนใหญ่กับรัฐวิสาหกิจเพื่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่แล้ว วันนี้การลงทุนครั้งใหญ่ในการสร้างกำลังผลิตไฟฟ้าให้ต้นทุนถูกลง คือเราต้องปลดแอกให้ประชาชนทุกคนที่มีหลังคาเรือน สามารถเข้าถึงเงินทุนที่จะเข้าถึงแผงโซลาร์เซลล์ และให้สิทธิประชาชนในการขายไฟส่วนเกินคืนให้กับรัฐ ในราคาเดียวกันกับราคาค่าไฟที่ซื้อจากรัฐ ซื้อ 5 บาท แต่ปัจจุบันขายคืนในราคา 2.20 บาทเท่านั้น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การลงทุน โดยภาคประชาชน ภาคเอกชน ไม่เกิดขึ้น
...
“ที่ผ่านมา มีความเหลื่อมล้ำที่ชัดเจนในแง่ของโอกาสซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นของทุนใหญ่ เราควรเปิดเสรีเพื่อให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิเป็นผู้ลงทุน ในการติดโซลาร์ รูฟ เพราะเทคโนโลยีไปถึงจุดนั้นแล้ว แต่อุปสรรคสำคัญคือ ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของนโยบายรัฐ แต่อีกส่วน คือ เรื่องของแหล่งทุน ดังนั้น เราจึงเสนอแหล่งทุนเพื่อให้ทุกครัวเรือนสามารถติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เองได้ โดยปลอดดอกเบี้ย ส่วนต้นทุน คือ เงินที่ต้องใช้ในการติดตั้ง ก็สามารถผ่อนจ่ายด้วยเม็ดเงินที่ประหยัดจากค่าไฟ ซึ่งคำนวณมาแล้วไม่เกิน 5 ปี ก็สามารถคืนทุน หลังจากนั้นประชาชนจะได้ใช้ไฟฟ้าฟรีเลย ซึ่งตรงนี้เราสามารถทำได้ทันทีหลายล้านครัวเรือน และการติดตั้งก็ใช้เวลาไม่นานด้วย ทั้งนี้พรรค ชาติพัฒนากล้า ยังเสนอให้มีการแยกสายส่งออกมาจาก กฟผ. เป็นรัฐวิสาหกิจต่างหากเพื่อเปิดเสรีในการซื้อขายไฟระหว่างภาคเอกชนกับภาคประชาชน เพราะตอนนี้ กฟผ. ยังหวงเพราะอยากเป็นผู้ผลิตและหวงสิทธิในการผลิตเอง ใครจะมาใช้ระบบสายส่งของเขาไม่ได้ ตนขอเปรียบเทียบเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว ตอนที่มีการแปรรูป ปตท. เงื่อนไข คือ การปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน คือ การจะแปรรูปได้ แต่ต้องแยกท่อแก๊สออกมาเพื่อเจ้าอื่นจะได้ส่งแก๊ส ผ่านท่อแก๊สนั้นได้ แต่ตราบใดที่ยังอยู่ ปตท.เขาก็จะตั้งเงื่อนไขต่างๆ เพื่อทำให้การแข่งขันไม่เกิด” นายกรณ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวต่อว่า เราเน้นเรื่องของการแข่งขันที่เป็นธรรม เพื่อให้ประชาชนสามารถที่จะเซ็นสัญญาซื้อ-ขาย ไฟ ระหว่างกันได้ จึงต้องมีระบบสายส่งที่สามารถส่งไฟถึงกันได้ ยืนยันว่า เราไม่ได้แปรรูปการไฟฟ้า แต่ควรต้องแยกออกมาเป็นรัฐวิสาหกิจต่างหาก เพื่อให้มีตัวชี้วัดที่แตกต่างชัดเจน และเพื่อเปิดทางให้เกิดการลงทุนและการซื้อขายไฟฟ้า ซึ่งเมื่อรัฐก็ลงทุนในระบบสายส่งกระแสไฟฟ้าอยู่แล้ว การที่จะมีคนมาใช้เพิ่มมากขึ้น ที่สุดก็จะเป็นการดีสำหรับตัวรัฐเอง เนื่องจากคุ้มค่าต่อเม็ดเงินที่มีการลงทุนไป ดังนั้น เป้าหมายทั้งหมดคือ เพื่อปรับโครงสร้างตัวอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าให้หันมาใช้ต้นทุนการผลิตที่ถูกที่สุด คือสนับสนุนให้มีการใช้พลังงานแสงแดด หรือโซลาร์เซลล์ในประเทศไทยให้มากขึ้น โดยผู้ลงทุนต้องเป็นประชาชนทุกคนมีสิทธิที่จะลงทุนติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ เพื่อประหยัดค่าไฟของบ้านตัวเอง แล้วมันจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว นี่คือสิ่งที่นายทุนกลัวมาก แต่เป็นสิ่งที่เรา พรรค ชาติพัฒนากล้า มั่นใจว่า ประชาชนจะต้องทำได้