“บิ๊กป้อม” เปิดนโยบาย “อีสานประชารัฐ” สร้างรถไฟทางคู่-นิคมอุตสาหกรรม “สันติ” เหน็บมีแต่พรรคขอแลนด์สไลด์ ไม่เคยคิดพัฒนาให้ ขอ 133 เขต เลือก “ลุงป้อม”-“ไพบูลย์” ลั่น มาเพื่อเอาชนะแลนด์สไลด์

เมื่อเวลา 15.05 น. วันที่ 20 เม.ย. 2566 ที่พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค และ พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร กรรมการบริหารพรรค หัวหน้าทีมเลือกตั้งภาคอีสาน ร่วมแถลงข่าวเปิดนโยบาย “อีสานประชารัฐ” พัฒนาภาคอีสานด้วยรถไฟทางคู่ บึงกาฬ-อู่ตะเภา โดยพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราจะพัฒนาภาคอีสานและภาคตะวันออก ให้เป็นรถไฟทางคู่ จาก จ.บึงกาฬ-ท่าเรือแหลมฉบัง-ท่าเรือมาบตาพุด-สนามบินอู่ตะเภา จ.ระยอง โดยเป็นการพัฒนาพื้นที่ 24 จังหวัดภาคอีสานและภาคตะวันออก สอดรับโครงการอีอีซี โดยทางรถไฟจะผ่าน 13 จังหวัด ได้แก่ บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และเชื่อมต่อ 11 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ศรีสะเกษ หนองคาย และหนองบัวลำภู ระยะทาง 480 กม. โดยจะสร้างเมื่อได้เป็นรัฐบาล ซึ่งสำรวจเส้นทางเรียบร้อยแล้ว

...

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราทำเพื่อคนอีสานโดยเฉพาะ จะได้มีงาน สร้างงาน สร้างอาชีพให้คนอีสาน น้ำเขาก็น้อย การเกษตรก็มีข้อขัดข้องเยอะ คนอีสานออกมาทำงานต่างจังหวัดทั้งนั้น เราทำโครงการนี้เพื่อชาวอีสานโดยเฉพาะ อย่าเพิ่งถามถึงภาคอื่น เอาให้ภาคอีสานเจริญ โดยภาคอีสานมีทั้งหมด 133 เขต คิดเป็น 1 ใน 3 ของประเทศ ผู้สื่อข่าวถามว่า การมาทำโครงการใหญ่ในภาคอีสาน จะเป็นการทำให้ภาคอื่นรู้สึกน้อยใจหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่กังวลภาคอื่นน้อยใจ ขอบคุณที่เป็นห่วง เราทำอีสานก่อน จากนั้นจะทำภาคเหนือและใต้ต่อไป คิดกันมาหลายปีแล้ว และอย่าเพิ่งไปคิดว่ามันจะเสร็จพรุ่งนี้ ถ้าเสร็จพรุ่งนี้ตนก็ทำเลย ส่วนเรื่องงบประมาณที่จะใช้นั้น ยังไม่ได้คิด แต่ไม่ต้องห่วง สามารถดำเนินการได้แน่นอน

ด้าน นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค กล่าวว่า เราจะพัฒนาอีสาน เปิดภาคอีสานของเราให้ทันต่อโลก เนื่องจากดูแต่ละพรรคการเมืองแล้ว มีแต่ที่จะขอให้ชาวภาคอีสานทั้ง 20 จังหวัด และภาคตะวันออก 5 จังหวัด ขอแต่แลนด์สไลด์ แต่ไม่เคยเห็นพรรคการเมืองใดเลย ที่คิดว่าจะพัฒนาภาคอีสานให้พ้นความยากจน หรือนำเงินลงทุนมหาศาลไปพัฒนา มีแต่พรรคพลังประชารัฐ ที่ให้ความสำคัญกับชาวอีสาน ตลอดระยะเวลาเกิน 20 ปี ภาคอีสานไม่ได้รับการพัฒนาใดๆ เลย พรรคพลังประชารัฐจึงมุ่งมั่นตั้งใจที่จะก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ จาก จ.บึงกาฬ ที่อยู่บนสุดของอีสาน วิ่งตรงลงมาผ่านภาคอีสานทางตะวันออกทั้งภาค มาถึงท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือมาบตาพุด และสนามบินอู่ตะเภา เพื่อเปิดโลกให้ชาวอีสาน ขณะที่รถไฟทางคู่แบบใหม่ จะมีรางขนาด 1.435 ม. มาตรฐานเดียวกับรถไฟความเร็วสูง จะมีการสร้างทางหลวงพิเศษ 8 ช่องจราจร ตลอดแนวเส้นทางรถไฟ จะมีการสร้างนิคมอุตสาหกรรม ขนาด 20,000 ไร่ 6 แห่ง กว่า 6,000 โรงงาน โดยเป็นนิคมอุตสาหกรรมนำสมัย 


นายสันติ กล่าวว่า จะมีการสร้างวิทยาลัยอาชีวะใกล้นิคมอุตสาหกรรม นิคมฯ ละ 2 แห่ง รวม 12 แห่ง เพื่อเตรียมแรงงานที่มีทักษะและคุณภาพรองรับอุตสาหกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และยังมีโครงการพัฒนาท่าเรือบก ซึ่งจะเป็นพื้นที่รองรับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากนิคมอุตสาหกรรมที่จัดตั้งขึ้น ก่อนที่จะมีการขนส่งไปยังท่าเรือน้ำลึกที่ภาคตะวันออก ขณะที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศเป็นผู้ดำเนินการ โดยการดึงดูดนักลงทุนมาจากต่างประเทศ เข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมที่ตั้งเป้าหมายไว้ คาดว่าจะสามารถดึงดูดเงินลงทุนเข้าประเทศไทย 4.5 ล้านล้านบาท โดยรัฐจะเป็นผู้เวนคืนที่ดินที่ต้องใช้ในการพัฒนานิคมแต่ละนิคม ประมาณ 2 หมื่นไร่ เพื่อรองรับโรงงานประมาณ 1 พันโรงงาน โดยแต่ละโรงงานจะใช้เงินลงทุน ประมาณ 750 ล้านบาท ทั้งนี้ มีหลายประเทศสนใจที่จะมาตั้งนิคมอุตสาหกรรม อาทิ สาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศในยุโรปที่สนใจเข้ามาตั้งโรงงาน

เมื่อถามว่า นโยบายดังกล่าวได้ยื่นแจงรายงานต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือยัง นายไพบูลย์ กล่าวว่า ยื่น กกต.เรียบร้อยแล้ว เมื่อถามว่า โครงการนี้เพื่อเอามาแข่งกับแลนด์สไลด์ใช่หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า จะมาชนะแลนด์สไลด์

ขณะที่ นายสันติ กล่าวว่า นโยบายของเรา อย่าไปใช้คำว่าแข่งกับแลนด์สไลด์ แต่นโยบายของเรามีความตั้งใจพัฒนาอีสานให้กับลูกหลานชาวอีสาน มีศักยภาพ มีความสามารถ ก้าวข้ามความยากจน ฉะนั้น เรามั่นใจว่าชาวอีสานจะต้องเลือกพลังประชารัฐทั้ง 133 เขต เพื่อให้พรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และใน 133 เสียงที่พี่น้องชาวอีสานเลือก จะเข้าสู่สภายกมือสนับสนุน พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯ และตนยืนยันโครงการเหล่านี้ ทำจริง ทำทันที แต่เราต้องมีนายกฯ ใช้อำนาจผลักดันโครงการดีๆ เหล่านี้ ที่จะพัฒนาอีสาน.