ที่ประชุม ก.ต. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ “พล.อ.สมชาย ชัยวณิชยา” พ้นตำแหน่ง ก.ต.บุคคลภายนอก เหตุปกปิดการถูกดำเนินคดี ขาดคุณสมบัติ ด้าน “ทนายเชาว์” ขอบคุณกระบวนการยุติธรรม ไม่เพิกเฉยต่อข้อร้องเรียน มีมติอย่างรวดเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2566 นายโชติวัฒน์ เหลืองประเสริฐ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ครั้งที่ 10/2566 ที่ศาลฎีกา สนามหลวง โดยมีวาระสำคัญคือ ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบ พิจารณาคุณสมบัติของกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา 36(3) (ก.ต.บุคคลภายนอก ราย พล.อ.สมชาย ชัยวณิชยา)
ทั้งนี้ ที่ประชุม ก.ต. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมมีมติเอกฉันท์ให้ พล.อ.สมชาย ชัยวณิชยา ก.ต.จากบุคคลภายนอก พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขาดคุณสมบัติ กรณีปกปิดการถูกดำเนินคดีที่มีผลต่อคุณสมบัติการลงสมัครรับเลือกตั้ง ก.ต. ขณะลงสมัคร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการลงมติให้พ้นจากตำเเหน่งดังกล่าวทำให้ จะต้องมีการประกาศสมัครเพื่อรับเลือกเป็นกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ผู้ทรงคุณวุฒิ (บุคคลภายนอก) ตามมาตรา 36 (3) ใหม่อีกครั้ง
...
ขณะที่วันนี้ (19 เม.ย. 2566) นายเชาว์ มีขวด ทนายความ และอดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงกรณีที่ได้ยื่นหนังสือถึงประธานศาลฎีกาและกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ให้ตรวจสอบเกี่ยวกับคุณสมบัติของ พล.อ.สมชาย ชัยวณิชยา ที่ได้รับเลือกให้เป็นกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมผู้ทรงคุณวุฒิ (ก.ต.ผู้ทรงคุณวุฒิ) เนื่องจากมีคดีติดตัวถูกฟ้องข้อหาฉ้อโกงและกรรโชกทรัพย์ และยังมีคดีฟ้องร้องกันไปมาในศาลอีกหลายคดี ถือเป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 ในวันที่ 10 เม.ย. 2566 ที่ผ่านมา จึงยื่นเรื่องขอให้กรรมการตุลาการศาลยุติธรรม สอบสวนและวินิจฉัยเกี่ยวกับคุณสมบัติ
ล่าสุด เมื่อวานนี้ที่ประชุม ก.ต. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ พล.อ.สมชาย พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขาดคุณสมบัติ กรณีปกปิดการถูกดำเนินคดีที่มีผลต่อคุณสมบัติการลงสมัครรับเลือกตั้ง ก.ต. ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการ มาตรา 41 (5) แล้ว จึงขอขอบคุณกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมที่ช่วยกันขจัดคนที่มีมลทินมิให้เข้าสู่องค์กร ก.ต. คงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์และความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมด้วย
นายเชาว์ เผยในช่วงท้ายว่า “การไม่เพิกเฉยต่อข้อร้องเรียนที่เกี่ยวพันกับบุคลากรในองค์กรศาลที่จะส่งผลต่อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือขององค์กร โดยมีการพิจารณาและมีมติอย่างรวดเร็ว สะท้อนให้เห็นว่าองค์กรศาล ยังคงเป็นที่พึ่งที่หวังให้กับประชาชนได้ และอยากให้นำกรณีนี้มาเป็นตัวอย่างในการสอบทานบุคลากรที่เข้าไปมีบทบาทในองค์กรศาลด้วย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาย้อมแมวเข้ามาแสวงหาประโยชน์จากกระบวนการยุติธรรม”