รัฐบาลคุมเข้ม ตรวจสอบราคาสินค้าและบริการช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 ใกล้ชิด ป้องกันการฉวยโอกาสเอาเปรียบประชาชน ย้ำ หากเจ็บป่วยฉุกเฉินระดับวิกฤติ รักษาได้ทุก รพ.ตามสิทธิ UCEP
วันที่ 9 เมษายน 2566 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย 2 เรื่องสำคัญในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 ว่า รัฐบาลโดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กำชับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ตรวจสอบและติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่คนเดินทางออกต่างจังหวัดเพื่อกลับภูมิลำเนา และเดินทางท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิด โดยเน้นย้ำให้ตรวจสอบต่อเนื่องจนถึงวันที่ประชาชนเดินทางกลับ เพื่อป้องกันไม่ให้พ่อค้าแม่ค้าฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบ
สำหรับพื้นที่ที่ต้องตรวจสอบ ได้แก่ สถานีขนส่ง ทั้งหมอชิต สายใต้ใหม่ เอกมัย สถานีขนส่งของเอกชน สถานีรถไฟ สถานีรถไฟที่เป็นเมืองท่องเที่ยว สนามบิน ทั้งสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง และสนามบินในส่วนภูมิภาค รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ทั่วประเทศ รวมถึงการจำหน่ายน้ำมันของสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง (ปั๊มน้ำมัน) จะตรวจสอบความถูกต้องของหัวจ่ายด้วย เพื่อเป็นการดูแลประชาชนที่เดินทางด้วยรถยนต์ ซึ่งจะเน้นในจังหวัดที่เป็นทางผ่านออกไปยังจังหวัดต่างๆ และจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการจะต้องปิดป้ายแสดงราคาสินค้าและค่าบริการให้ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบได้ โดยติดไว้ในที่เห็นได้ชัดเจน ต้องแสดงราคาต่อหน่วย มีตัวเลขอารบิกเห็นได้ชัด อ่านง่าย และหากมีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือจากราคาหรือค่าบริการ ก็ต้องแสดงให้ชัดเจนด้วย
“หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิด จำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร หรือจำหน่ายในราคาไม่ตรงกับที่แจ้งไว้ ร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือร้องเรียนได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ จะมีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบ และหากพบการกระทำความผิดจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด กรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคา มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท กรณีจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร กักตุนสินค้า และปฏิเสธการจำหน่าย ต้องโทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
...
รองโฆษกรัฐบาล ระบุต่อไปว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 ซึ่งจะมีวันหยุดยาวตั้งแต่วันที่ 13-17 เมษายน 2566 ประชาชนส่วนใหญ่จะเดินทางต่างจังหวัด เพื่อกลับบ้าน รวมถึงทำกิจกรรมต่างๆ และรดน้ำดำหัวขอพรจากญาติผู้ใหญ่เพื่อความเป็นสิริมงคล คาดว่าปีนี้จะมีประชาชนเดินทางจำนวนมาก และมักจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นเป็นประจำ
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2565 ภาพรวมสถิติอุบัติเหตุ ตั้งแต่วันที่ 11-17 เมษายน 2565 เกิดอุบัติเหตุรวม 1,917 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 1,869 คน ผู้เสียชีวิต 278 ศพ รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชน เมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วย สามารถใช้สิทธิ Universal Coverage for Emergency Patients (UCEP) ได้ ดังนี้
1. กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินระดับวิกฤติ หากไม่รักษาทันทีมีโอกาสเสียชีวิตสูง สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ที่สถานพยาบาลทุกแห่งที่อยู่ใกล้สุดโดยเร็ว เป็นไปตามนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติมีสิทธิทุกที่ของรัฐบาล โดยให้สถานพยาบาลที่ให้การรักษาเบิกค่าใช้จ่ายค่ารักษาจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ตามอัตราที่กำหนด
2. กรณีเจ็บป่วยที่ไม่ใช่ฉุกเฉินระดับวิกฤติ หรือกรณีผู้มีสิทธิบัตรทองที่เดินทางไปต่างถิ่น แล้วมีความจำเป็นต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล เช่น มีความดันโลหิตขึ้นสูง ปวดศีรษะมาก เกิดภาวะท้องเสียรุนแรง เป็นต้น กรณีนี้ให้เป็นไปตามข้อบังคับ สปสช. ว่าด้วยการใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขกรณีที่มีเหตุสมควร กรณีอุบัติเหตุหรือกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 ระบุว่า ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองหากมีเหตุสมควร หรือกรณีอุบัติเหตุฉุกเฉิน หรือกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน สามารถเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลอื่น ที่ไม่ได้ลงทะเบียนหน่วยบริการประจำ และสถานพยาบาลที่ไม่ได้เข้าร่วมให้บริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตามมาตรา 7 พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนเตรียมบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญในการเข้ารับบริการรักษาพยาบาลฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้ เพื่อความสะดวก พร้อมทั้งศึกษาข้อมูลหน่วยบริการที่อยู่ในพื้นที่ระหว่างเดินทางและจุดหมายปลายทาง เพื่อเป็นข้อมูลในการเข้ารับการรักษาพยาบาลได้โดยเร็ว ส่วนประชาชนที่เจ็บป่วยด้วยโรคประจำตัวที่ต้องรับประทานยาต่อเนื่อง ควรเตรียมพร้อมยารักษาโรค เพื่อให้เพียงพอสำหรับการเดินทาง สิ่งที่สำคัญต้องไม่ประมาท พักผ่อนให้เพียงพอก่อนเดินทาง และมีสติอยู่ตลอดเวลา.