“บิ๊กตู่” ให้กำลังใจลูกพรรคสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ตอบชัดปมนั่งนายกฯ 2 ปี แล้วดำเนินอย่างไรต่อ ฝากถึงคนต่อไป ต้องรู้วิธีทำ วิธีแก้ ไม่ใช่พูดแค่ดูดี แต่ทำไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลาประมาณ 07.30 น. วันที่ 3 เม.ย. 2566 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ พรรครวมไทยสร้างชาติ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมายังศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กทม. พร้อมด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ มาให้กำลังใจและนำลูกพรรคเดินทางมาสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต เมื่อเดินทางมาถึงมีกองเชียร์มอบดอกกุหลาบให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเจ้าตัวมีสีหน้ายิ้มแย้ม แต่บางช่วงก็มีสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะเดินทางเข้าไปภายในอาคารกีฬาเวสน์ 2
ต่อมาในเวลาประมาณ 08.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ผ่านทางไทยรัฐทีวี ว่า บรรยากาศค่อนข้างแปลกหูแปลกตาสำหรับชีวิตการทำงานที่ผ่านมา วันนี้เป็นการทำการเมืองที่มีกระบวนการขั้นตอนพอสมควร อาจจะยังไม่คุ้นเท่าไร แต่มีคนให้กำลังใจจำนวนมาก ปรับตัวได้ ไม่ตื่นเต้น จนถึงตอนนี้ก็ยังมีความสุขอยู่ ก่อนจะถาม นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ผู้ดำเนินรายการของไทยรัฐทีวีว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ ก่อนจะระบุต่อไปว่า การที่จะไปพูดไปแสดงตัวกับใคร เคยทำมาแล้วในสมัยเป็นอดีตผู้บัญชาการทหารบกเคยพูดคุยกับคนเป็นหมื่นมาแล้ว ต่างกันตรงที่ตอนนี้คนฟังคือประชาชน ดังนั้น ไม่ตื่นเต้นเท่าไร
...
ส่วนคำถามว่าจะทำอะไรต่อในพื้นที่ให้คนกรุงเทพมหานคร พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า จะทำในเรื่องของความสะอาด การจราจร ขยะ คูคลอง การระบายน้ำ เรื่องอากาศ การเพิ่มพื้นที่สีเขียว ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำมาแล้ว ทำมามากพอสมควร หวังเป็นอย่างยิ่งว่า อยากให้คนที่จะมารับหน้าที่ตรงนี้ทำต่อ คำว่าต่อ ไม่ใช่แต่ต่อจากตน จะต่อจากที่ใครทำมาก็ได้ ขอแค่นั้น ซึ่งถ้าตนเองได้รับเลือกเข้ามาจะทำให้มากยิ่งขึ้น ทุกอย่างมีแผนอยู่แล้ว ไม่ได้อยู่ที่เพียงคำพูด แต่ทำได้หรือไม่ ตนคือผู้ที่ทำมาก่อน
“ผมเนี่ยรู้วิธีทำต่อ เพราะฉะนั้นการจะพูดต้องมีวิธีทำ เหมือนทำเลข ทำโจทย์ มันต้องแสดงวิธีทำ ไม่ใช่เลขคิดในใจ พูดแล้วก็ดูดี แล้วทำได้ไหมเล่า มันต้องทำต่อแล้วก็ทำให้เป็นด้วย”
นายพีระพันธุ์ กล่าวเสริมว่า ต้องดูแลเรื่องปัญหาค่าครองชีพ การทำมาค้าขาย โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็ก สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ทำไว้ดีอยู่แล้ว อาทิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และอีกหลายอย่าง แต่ต้องเพิ่มเติมให้มากขึ้น ถึงได้บอกว่า ทำต่อพลัส เมื่อถามต่อไปว่าจะทำอย่างไรให้คนรู้จักพรรครวมไทยสร้างชาติมากขึ้น นายพีระพันธุ์ ตอบว่า วันนี้คนรู้จักพรรคมากขึ้นเยอะแล้ว โดยเฉพาะช่วงหลังที่มีการเผยแพร่เพลง “ลุงตู่อยู่ไหน” ตอนนี้ลูกเด็กเล็กแดงก็รู้ว่าลุงตู่อยู่รวมไทยสร้างชาติ ในช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ร้องเพลงว่า “ลุงตู่ ลุงตู่อยู่ไหน อยู่นี่ไงร่วมไทยสร้างชาติ” ก่อนจะบอกว่า พอแล้วๆ
ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยากบอกอะไร พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ไม่พูดถึงเฉพาะพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่ประเทศชาติต้องเดินหน้าไปด้วยความมั่นคง ความสงบเรียบร้อย เพื่อเผชิญสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ ที่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ โลกกำลังสับสนอลหม่าน ไม่ใช่แค่ประเทศไทย ทั้งรอบบ้าน ทั่วโลก เราต้องเตรียมความพร้อมตรงนี้ไปด้วย คู่ขนานการขับเคลื่อนในประเทศ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องเลือกพรรคหรือเลือกคนที่สามารถจะบริหารสถานการณ์วิกฤติของประเทศให้ได้ คนที่กล้าตัดสินใจ คนที่กล้าแก้ไขปัญหาทั้งภายในและภายนอก คนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต้องทำให้เป็น ถ้าไม่เคยทำจะทำไม่ได้ เชื่อมั่นตน เพราะหลายอย่างซับซ้อน ไม่ได้พูดถึงตัวเอง แต่หมายถึงคนที่จะเข้ามาใหม่จะต้องเจอปัญหาความขัดแย้งอีกมากมาย
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามต่อไปถึงเรื่องการเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีก 2 ปี พล.อ.ประยุทธ์ เผยว่า “2 ปีก็มีค่า มีความหมาย เพราะทำ 2 ปีต่อมาจาก 8 ปีที่ผ่านมา นั่นคือสิ่งที่เกิดความต่อเนื่อง ปัญหาทุกปัญหาย่อมรู้ ย่อมทราบ ย่อมหาวิธีการไว้ บางอย่างยังทำไม่ได้ ยังทำไม่เสร็จ ยังติดโน่น ติดนี่ ก็เดี๋ยวใช้วิธีการที่จะไปรื้อ ลด ปลด สร้าง แก้ตรงโน้นตรงนี้ที่มันติดอุปสรรคอยู่ กฎหมายอะไรบางอย่างตามนโยบายที่ทางพรรคกำหนด พอผมจบ 2 ปีไปแล้ว มันหายไปหมดเลยเปล่า มันก็ต้องเข้าสู่โหมดรัฐธรรมนูญ ที่จะต้องมีการคัดสรรเลือกนายกฯ ใหม่ ก็ไปโหวตนายกฯ ใหม่ เป็นการเลือกจากแคนดิเดตที่ส่งรายชื่อไว้พรรคละกี่คน ไม่ใช่เอาใครมาก็ได้ พรรคเรามี 2 คน ผมไม่อยู่ ก็พีระพันธุ์อยู่ อย่าให้มันวุ่นวายนักเลย ก็ทำต่อผมไปเท่านั้นเอง และใหม่ๆ ที่เขาคิด เขาก็ฉลาด เก่งพอแล้ว”
นายภาคภูมิ หยอกเล็กน้อยเมื่อเห็น พล.อ.ประยุทธ์ ใช้มือขวาที่ยังบาดเจ็บเคาะที่โต๊ะ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าลืมไปหน่อย ก่อนจะจบการสัมภาษณ์ในเวลา 08.20 น.
