เลือกตั้ง 2566 : “สกลธี-สนธิรัตน์” นำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.โซนเหนือ ลั่น พลังประชารัฐพร้อมพัฒนา กทม. ด้วยกองทุนพัฒนาประเทศ 3 แสนล้าน เชื่อ “บิ๊กป้อม” มากบารมี นำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง โว ทีมเศรษฐกิจแกร่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 มีนาคม 2566) พรรคพลังประชารัฐ จัดเวทีปราศรัยย่อยโซนกรุงเทพฯเหนือ ภายใต้ชื่อ “พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ” ที่ศูนย์เยาวชนหลักสี่ การเคหะท่าทราย โดยมีแกนนำพรรคพลังประชารัฐ นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 6 เขต
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐ เป็นมิตรกับทุกฝั่ง ไม่ใช่เลือกฝั่งนี้ ทำให้อีกฝั่งชนะ เพราะไม่ว่าใครชนะ แต่ประเทศไทยแพ้เสมอ ดังนั้นพรรคพลังประชารัฐขอแสดงจุดยืนว่า ไม่ว่าพรรคใดจะชนะ เราพร้อมร่วมสร้างสมานฉันท์ เพราะเราคือคนไทย ต้องไม่มาต่อสู้กันให้เกิดความขัดแย้งเหมือนในอดีต อีกทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เคยบอกกับตนว่า อยากเห็นคนไทยรักกัน ไม่อยากให้มีความขัดแย้ง การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญมาก เพราะต้องเลือกพรรคที่สามารถนำพาประเทศรอดได้ ตนเองเป็นตัวแทนเศรษฐกิจ ขอให้เลือกคนและทีมที่สามารถมาแก้ปัญหาปากท้องให้ท่านได้
...
วันนี้ปัญหาหนี้สินคือหัวใจสำคัญที่คนมาเป็นรัฐบาลจะต้องเข้ามาแก้ไข ซึ่งพรรคพลังประชารัฐถือเป็นพรรคที่มีทีมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง เป็นอดีตรัฐมนตรีจากหลากหลายกระทรวง และมีประสบการณ์มากที่สุดพรรคหนึ่ง ทีมเหล่านี้คือทีมที่อาสามาเข้ามาแก้ปัญหาให้พี่น้องผ่านนโยบายกองทุน 3 แสนล้านบาท ที่จะช่วยปลดหนี้ให้กับพี่น้องประชาชน
“ตอนนี้บ้านเมืองประสบปัญหาหลังโควิด-19 ประชาชนทำมาหากินไม่ได้ กู้หนี้ยืมสิน อีกทั้งปัญหาสงครามทำให้น้ำมันแพง สิ่งเหล่านี้พรรคพลังประชารัฐพร้อมเข้ามาแก้ปัญหา ผมอยากให้พี่น้องตัดสินใจเลือกให้ดี เลือกพรรคที่จะนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง เลือกผู้นำที่มีบารมี มีประสบการณ์ เชื่อมโยงทุกฝ่ายได้ และไม่ทะเลาะกับใคร ซึ่งก็คือ พล.อ.ประวิตร”
ทางด้าน นายสกลธี กล่าวปราศรัยช่วงหนึ่งว่า ขอขอบคุณชาวกรุงเทพฯ โซนเหนือทุกคนที่มาร่วมให้กำลังใจ รวมถึงชาวหลักสี่ที่เคยให้โอกาสได้มาเป็น ส.ส.สมัยแรกในวัย 29 ปี และตอนที่เป็นรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ก็ได้ดูแลพื้นที่นี้เป็นหลัก จึงมีความผูกพันในการทำงานกับพี่น้องโซนกรุงเทพฯเหนือ วันนี้เหมือนได้กลับบ้านอีกครั้ง
“สกลธีคนเดิมขออาสาพาพลังใหม่ พลังกรุงเทพฯ ของพลังประชารัฐ ที่จะเข้ามาพัฒนากรุงเทพฯ ของเรา เพราะเรารู้ปัญหาของชาว กทม. เป็นอย่างดี และพรรคพลังประชารัฐมีกองทุนประชารัฐพัฒนาประเทศ 3 แสนล้านบาท ที่จะพัฒนากรุงเทพฯ ขอเพียงแค่ประชาชนให้โอกาสผู้สมัครของพรรคเราได้เข้าไปลงมือทำ เรามั่นใจว่าจะทำกรุงเทพฯ ให้ดีกว่านี้ได้แน่นอน” จากนั้นว่าที่ผู้สมัครสลับกันขึ้นปราศรัย.