พล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่ จ.ยะลา ปฏิบัติภารกิจด้านการพัฒนาพื้นที่ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน โดยเปิดศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงโคเพื่อบริโภค รวมทั้งอนุมัติพัฒนาสวนสาธารณะและหอชมเมืองยะลา

เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ จ.ยะลา โดยเป็นประธานเปิดศูนย์การเรียนรู้ฟาร์มมาตรฐานการเลี้ยงวัวตามกรอบระเบียงเศรษฐกิจฮาลาลจังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ หมู่บ้านกำปงบารู ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา ภายหลังคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) มีมติอนุมัติการดำเนินกิจกรรมโคบาลชายแดนใต้ ภายใต้โครงการเมืองปศุสัตว์ตามกรอบระเบียงเศรษฐกิจฮาลาลจังหวัดชายแดนภาคใต้ระยะ 7 ปี (พ.ศ. 2565 – 2571)

สำหรับศูนย์การเรียนรู้ฟาร์มมาตรฐานการเลี้ยงวัวดังกล่าว เป็นสถานที่เรียนรู้การเลี้ยงโคตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ สืบเนื่องจากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เล็งเห็นว่า จังหวัดชายแดนภาคใต้มีการบริโภคและซื้อขายเนื้อโคจำนวนมากกว่า 40,000 ตัวต่อปี หรือคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า 2,000 ล้านบาท แต่พบว่า โคเนื้อส่วนใหญ่ที่มีการซื้อขายมาจากนอกพื้นที่จึงร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง มุ่งส่งเสริมการเลี้ยงโคในพื้นที่ให้มีมาตรฐาน สร้างตลาดการซื้อขายทั้งในประเทศและมีแผนส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า วันเดียวกันนี้ พล.อ.ประวิตร ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังได้ประชุมหารือพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้นอกสถานที่ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ซึ่งก่อนการประชุมยังได้พบผู้นำศาสนา ผู้แทนองค์กรชุมชนในพื้นที่ เพื่อมอบอินทผาลัม กว่า 1,000 ลัง นำไปแจกจ่ายแก่ประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งมอบผ้าละหมาด 1,400 ชุด

...

ทั้งนี้ ในการประชุม กพต.สัญจร มีการหารือโครงการที่ ศอ.บต. และ จ.ยะลา นำเสนอ โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบ 3 โครงการสำคัญ ประกอบด้วย โครงการพัฒนาสวนสาธารณะขวัญเมือง ให้มีหอชมเมืองและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ “Yala City Tower” พ.ศ. 2566 - 2568 โครงการยกระดับ จ.ยะลา เป็นเมืองแห่งกีฬาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (Sport Complex) และโครงการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงแผ่นดิน ศึกษาแนวเส้นทางใหม่และขุดเจาะอุโมงค์บ้านกระป๋อง ระยะทางรวมประมาณ 1.400 กิโลเมตร บนทางหลวงหมายเลข 410 ตอนบ่อหิน - เบตง ช่วง กม. 114+800 - กม. 121+400 เพื่อพัฒนา จ.ยะลา ให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตามความต้องการของประชาชน

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ทุกภาคส่วนได้ทำงานกันอย่างหนัก ความเดือดร้อนที่มีมาอย่างยาวนาน บางเรื่องถือเป็นเรื่องเรียกร้องยาวนานหลายสิบปี บางเรื่องก็มีความยุ่งยากและซับซ้อน จนประชาชนบางส่วนหมดความเชื่อมั่น และไม่คิดว่าจะได้รับการแก้ไข ก็ร่วมมือกันผลักดันจนประสบความสำเร็จเป็นที่พึงพอใจของประชาชนโดยส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา ถึงปัจจุบัน มีเรื่องที่ผ่านมามติ กพต. จำนวนมากกว่า 70 เรื่อง ครอบคลุมมิติเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา ศาสนา และพหุวัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี หลายเรื่องมีผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรม เกิดประโยชน์และความสุขต่อพี่น้องประชาชนไปแล้ว อีกจำนวนหนึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ ขอให้ส่วนราชการผลักดันและดำเนินการการทำงานจนประสบความสำเร็จตามเป้าหมายของแต่ละโครงการ เพราะจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นประเทศไทยและคนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็เป็นคนไทยด้วยกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า จากนั้น พล.อ.ประวิตร เดินทางไปยังโรงเรียนประสานวิทยามูลนิธิ ต.ยะรัง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พบปะผู้นำศาสนาและเครือข่ายโรงเรียน ตาดีกา ตรวจเยี่ยมการดำเนินโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียนตาดีกา ซึ่งมีการพิจารณาอนุมัติไปก่อนหน้านี้ โดยผู้นำศาสนาและเครือข่ายโรงเรียนตาดีกาต่างกล่าวขอบคุณ พร้อมเสนอให้พิจารณาดำเนินการสอบบรรจุข้าราชการครูในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา สนับสนุนให้ครูได้รับสิทธิการกู้ยืมเรียนและเพิ่มค่าตอบแทนให้กับครูสอนศาสนาจาก 2,000 บาท เป็น 2,500 บาท รวมทั้งเพิ่มค่าตอบแทนอื่นๆ

ต่อมาคณะของ พล.อ.ประวิตร ได้เดินทางไปยังนิคมสหกรณ์ปิเหล็ง จ.นราธิวาส เพื่อตรวจและติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนกรณีป่าสงวนแห่งชาติทับซ้อนกับนิคมสหกรณ์ในท้องที่ อ.ระแงะ สุไหงปาดีและเจาะไอร้อง จ.นราธิวาส และตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการด่านชายแดนพื้นที่ อ.สุไหงโกลก พร้อมพบปะประชาชนและนักธุรกิจ