เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นำพรรค ลุยหาเสียง คลองจั่น เพิ่มโอกาสด้านกีฬา บอก “ลุงป้อม” พูดก้าวข้ามขัดแย้ง เป็นนิมิตหมายที่ดี บอก ต้องช่วยกันสอดส่องใช้งบ ลั่น ใช้นโยบายนำ แต่ใครมาก็ยินดีต้อนรับ
วันที่ 15 มี.ค. เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ลานกีฬาสมาพันธ์แฟลตคลองจั่น เขตบางกะปิ นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร นายวิชาญ มีนชัยนันท์ นายดนุพร ปุณณกันต์ กรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.เขตบึงกุ่ม คันนายาว นายอนุสรณ์ ปั้นทอง ส.ส.เขตบางเขน นายพงศกร รัตนเรืองวัฒนา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตบางกะปิ พรรคเพื่อไทย รวมถึงส.ก.เขตบางกะปิ และพื้นที่แฟลตคลองจั่น ทักทายประชาชนในพื้นที่พร้อมล้อมวงคุยกับตัวแทนสภาเยาวชน 10 เขต เพื่อถาม-ตอบ ประเด็นเกี่ยวกับปัญหาด้านการกีฬา และรับฟังเสียงสะท้อนจากเยาวชน โดยตัวแทนเยาวชน เสนอว่าอยากให้ช่วยสำหรับการรวมกลุ่มสำหรับการรวมกลุ่มพัฒนากีฬาชนิดต่างๆ และอยากรู้ว่าพรรค พท.มีนโยบายเรื่องนี้อย่างไร
...
นายเศรษฐา กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย ให้ความสำคัญกับกีฬา เราตั้งคณะกรรมการด้านนี้โดยเฉพาะ และเชื่อว่าเยาวชนแต่ละคนอยากก้าวหน้าไปสู่จุดที่สูงสุด เราจะช่วยส่งเสริมให้เยาวชนที่มีศักยภาพได้มีโอกาสในการคัดตัว เพื่อสร้างความหวัง
ด้านนายพงศกร กล่าวว่า เยาวชนในพื้นที่ถือว่าเก่ง แต่ขาดโอกาส ทั้งที่ในพื้นที่บางกะปิ มีการกีฬาแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่ พรรคเพื่อไทย จะผลักดันให้เยาวชนได้โอกาสในการพัฒนาทั้งเรื่องสนามกีฬา เรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอล วอลเลย์บอล กีฬาเอ็กซ์ตรีม
จากนั้นเวลา 17.00 น. นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์กรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกจดหมาย ระบุ จะก้าวข้ามความขัดแย้ง หากได้เป็นรัฐบาล จะนำนโยบายที่ดีของแต่ละพรรคมาขับเคลื่อน นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนยังไม่ได้อ่านจดหมายดังกล่าว แต่ได้ยินคำว่า ก้าวข้ามความขัดแย้งก็เป็นนิมิตหมายอันดี และท่านก็พูดหลายครั้งแล้วเรื่องนี้ พรรคเพื่อไทย ไม่ได้ขัดแย้งกับใคร เรามีข้อขัดแย้งกับความยากจน ความไม่เสมอภาค และความไม่เท่าเทียม จากนี้ไปจนถึงช่วงมีการเลือกตั้ง เราก็จะเร่งกลั่นนโยบายที่โดนใจประชาชนออกมา เมื่อถามว่า การที่ พล.อ.ประวิตร ระบุ จะก้าวข้ามความขัดแย้ง ทำให้มองว่า พรรคพลังประชารัฐ คือ ทางออกของประเทศหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนยังไม่ได้คิดถึงตรงนั้น ดูแต่พรรคเพื่อไทย เราต้องไปสู่จุดมุ่งหมายที่ได้คะแนนเยอะที่สุด
เมื่อถามถึงกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 14 มี.ค. อนุมัติงบประมาณ 1.7 แสนล้านบาท ถือเป็นการซื้อใจประชาชนช่วงสุดท้ายก่อนที่มีการเลือกตั้งหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่าดูเยอะอยู่ แต่เรื่องของการบริหารจัดการ ว่าจะเป็นไปตามนโยบายที่ทำเพื่อประชาชน จริงหรือไม่เราต้องมาดูและช่วยกันสอดส่องอยู่แล้ว ทั้งนี้หากเราได้ไว้วางใจให้เข้ามาอยู่ในสภาฯ ในจำนวนที่มาก ตนเชื่อว่าเราจะได้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มแข็ง หากนโยบายใดเป็นประโยชน์ เราก็จะทำต่อ ส่วนกรณีการขึ้นค่าตอบแทนอบต. และกำนันผู้ใหญ่บ้าน มองว่าเป็นการหาเสียงในโค้งสุดท้ายหรือไม่นั้น ตนมองว่าประชาชนทุกคนเดือดร้อน การเพิ่มรายได้ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องมาดูด้วยว่าเรื่องของวินัยการเงินการคลังของประเทศอยู่ตรงไหน
เมื่อถามว่า จะมีส.ส. จากพรรคพลังประชารัฐ หลายคนจะย้ายมาอยู่พรรคเพื่อไทย จะช่วยมาตอกย้ำเรื่อง 310 เสียง ของพรรคหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่า ขึ้นอยู่กับนโยบายของพรรคที่เราจะเผยแพร่ออกไป เพราะตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน จนมาถึงพรรคเพื่อไทย เราใช้นโยบายนำ และนโยบายเราทำได้จริง ฉะนั้น เรื่องของนโยบายเป็นเรื่องหลัก แต่เรื่องที่ ส.ส.จากพรรคใดก็ตาม หรือแม้กระทั่ง ส.ส.ในพื้นที่ของเรา เราจะช่วยกันไปจนกว่าจะถึงจุดมุ่งหมาย “ยินดีต้อนรับครับ”
จากนั้นนายเศรษฐา และสมาชิกพรรคเพื่อไทยได้ร่วมเตะฟุตซอลกับเยาวชนที่มาร่วมพูดคุย