“อุ๊งอิ๊ง-เศรษฐา” ยกทีมเพื่อไทยไล่ตีงูเห่าบางระกำ ประกาศทวงคืนเก้าอี้ ส.ส. ปัดฝุ่นบางระกำโมเดลมาทำใหม่ “เศรษฐา” เริ่มเข้าฝัก โชว์ลีลาปราศรัยดุดันขึ้น ลั่นต้องได้ 310 ขึ้นไปเพื่อขจัดขวากหนาม 250 ส.ว. จวก “บิ๊กตู่” เอาแต่ตะแบงมั่นคง ทำประชาชนจะอดตายกันหมดแล้ว “ประเสริฐ” ลางไม่ดีก้าวพลาดตกขอบเวที “ขิง” ช่วยลูกทีมหาเสียงบ้านเอื้ออาทร โต้ไม่ใช่พรรคนั่งร้านเฉพาะกิจ “พีระพันธุ์” ยันไม่ต้องปรับลุคเป็นตัวตน “ลุงตู่” ดีที่สุด “เสี่ยหนู” ชิงเคลมผลงานกับ อสม. “หญิงหน่อย” ชูนโยบายเพื่อคนกรุง สยบฝุ่นพิษ พีเอ็ม 2.5 ท้าชนนายทุนลดค่าไฟฟ้าช่วย ปชช. “กรณ์” ฟิตจัดว่ายข้ามทะเลสาบสงขลา “อรรถวิชช์” ซัด กกต.แบ่งเขตคล้ายตัว Salamander “พิธา” เปิดตัวผู้สมัคร 33 เขต กทม. ใจชื้น พท.เลิกจับมือ “ลุงป้อม” “สมชัย” ข้องใจ “ประยุทธ์” ใช้ทรัพยากรรัฐแฝงหาเสียงชัด ถามจะมี กกต.ไว้ทำไม

พรรคเพื่อไทยจัดกิจกรรมไล่ตีงูเห่าบางระกำ จัดเวทีปราศรัยใหญ่ ที่ จ.พิษณุโลก เปิดตัวทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก โดยมีการเสริมทีมคนใหม่ทดแทนคนเก่าที่ย้ายขั้วไปอยู่พรรคอื่น ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เริ่มเข้าฝักโชว์ลีลาปราศรัยได้ดุเดือด

...

พท.ตีงูเห่าบางระกำทวงคืน ส.ส.

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 มี.ค. วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) อ.เมืองพิษณุโลก นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายพานทองแท้ ชินวันตร นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค น.ส.ณัฐทรัชต์ ชามพูนท ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 ร่วมสักการะหลวงพ่อ พระพุทธชินราช เอาฤกษ์เอาชัยก่อนขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ ที่อาคารวังเป็ดร่วมใจ อ.บางระกำ มี น.ส.พิมพ์พิชชา ชัยศุภกิจเจริญ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก และประชาชนมารอรับ นพ.ชลน่านปราศรัยว่า การเลือกตั้งปี 62 พี่น้องเขต 4 เลือกเพื่อไทย แต่วันนี้ ส.ส.คนนี้ไม่ได้อยู่กับเราแล้ว วันนี้เราส่ง น.ส.พิมพ์พิชชามาให้ประชาชน เรามาตามหาและรับขวัญ ส.ส.คนใหม่ของพวกเรา เราต้องได้ ส.ส.ทั้งจังหวัด

ย้ำ 310 เสียงไม่งั้น “ตู่” อยู่ยาว

นพ.ชลน่านกล่าวว่า ถ้าเราไม่คิดใหญ่โอกาสของประชาชนจะไร้ทิศทาง ถ้าเพื่อไทยไม่ได้ ส.ส. 310 เสียง จะไม่มีการเลือกนายกฯในรัฐสภาฯ เพราะ ส.ว. 250 เสียง บวก ส.ส.ของเขา ขณะที่ของเราได้ 270 เสียง จะไม่มีฝ่ายไหนถึง 376 เสียง จะเป็นรัฐบาลรักษาการไปอีก 2 ปี จนถึงปีที่ ส.ว.หมดวาระ คือปี 2567 อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯอยู่ถึงปี 2567 หรือไม่ นี่คือสิ่งที่เขาวางแผนไว้ มีคนบอกว่าเตรียมจะซื้อเสียง ส.ส.บัญชีรายชื่อ 10 ล้านเสียง เสียงละ 500 บาท เป็นเงิน 5 พันล้านบาท แต่ไม่เชื่อมั่นใจว่าประชาชนซื้อไม่ได้ เพื่อไทยจึงคิดใหญ่ ป้องกันไม่ให้ พล.อ.ประยุทธ์รักษาการยาวไปอีก 2 ปี ที่ร้ายกว่านั้นถ้าเขาอยู่ยาวได้จะแก้รัฐธรรมนูญ ให้ ส.ว.ยังมีอำนาจเลือกเขาอยู่ อยู่ไปเกิน 8 ปีโดยไม่มีกำหนด ถ้าเราได้ถึง 310 เสียง เพื่อไทยจะไม่จับมือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

“อิ๊ง” ปัดฝุ่นบางระกำโมเดล

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ปราศรัยว่า วันนี้ท้องได้ 7 เดือนครึ่งดีใจมากที่มีโอกาสมาพิษณุโลก หวังว่าจะได้ไปจังหวัดต่างๆ จนกว่าคุณหมอจะให้พัก ตอนพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลหวังใช้งบ 480 ล้านแก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก แต่มีรัฐประหารเสียก่อน วันนี้การเลือกตั้งมาถึง พรรคเพื่อไทยพร้อมแล้วเราจะนำโมเดลดังกล่าวกลับมาทำให้ประชาชน ด้วยการขยายคลองผันน้ำจากแม่น้ำน่านไปแม่น้ำยม ทำแก้มลิงดักน้ำหลากให้ประชาชนและจะขยายอ่างเก็บน้ำชุมชนไว้ใช้ในหน้าแล้ง สำหรับผู้เป็นหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) เราจะใช้นโยบาย 3 ดี คือ ดินดี น้ำดี เมล็ดพันธุ์ดี ทำการตลาดให้ราคาพืชผล การเกษตรดียกแผง พักหนี้เกษตรกรยกแผง ใน 4 ปี จะทำให้ราคาพืชผลการเกษตรขึ้นเป็น 3 เท่า ยังจะพัฒนาสนามบินพิษณุโลก เรามีประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ถ้าเศรษฐกิจดีคนไทยหายจนแน่นอน

“เศรษฐา” ลั่น ส.ว.คือขวากหนาม

นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ปราศรัยว่า มาพร้อมหัวใจที่เต็มเปี่ยม เชื่อมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ไม่เอาเผด็จการ ไม่เอารัฐประหาร ถึงเวลาแล้วที่ต้องพิจารณาว่า 8 ปี ที่ผ่านมาเราเจอปัญหาอะไรบ้างครึ่งหนึ่ง ของพี่น้องพิษณุโลกคือเกษตรกร ผู้นำประเทศไม่ขยายตลาดทำนาแทบตายรายได้ต่อไร่สุทธิ 1,000 บาท จะกินจะอยู่อย่างไร ถ้าเราได้เข้ามาเชื่อว่ารายได้จะเพิ่ม 3 เท่า ใน 4 ปี เงินสุทธิต่อไร่อย่างน้อยต้อง 3 พัน สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นลำบากถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ได้เข้ามาบริหารแบบพรรคเดียว มี ส.ว. 250 คนเป็นขวากหนาม อย่างน้อยเราต้องได้ 310 เสียง ต้องเริ่มต้นที่นี่วันนี้ 5 เขต พิษณุโลกต้องยกหมด พอแล้ว 4 ปี อย่าปันใจพรรคพี่พรรคน้องพรรคสาขาเราไม่เคยพูด เพื่อไทยพรรคเดียวแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน

“เต้น” บ๊ายบาย ส.ส.เก่าชูคนใหม่

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย ปราศรัยว่า 4 ปีที่แล้วพี่น้องบางระกำเลือก ส.ส.เพื่อไทย วันนี้มีบางคนจากไปอยู่พรรคกัญชาแล้วก็บ๊ายบาย เพื่อไทยเรามีของดีมีคนใหม่มานำเสนอ ขอให้พี่น้องช่วยกันเลือกผู้สมัครของเราให้เป็น ส.ส. เชื่อว่าเงินซื้อพี่น้องไม่ได้ 8 ปีที่ผ่านมาพี่น้องตกระกำลำบาก เขาเอารถถังมายึดอำนาจ รัฐบาลมีแต่นโยบายที่ทำไม่ได้ วันนี้ถึงเวลาต้องแก้แค้นเอาคืน ก่อนหน้านี้มีคนของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พยายามท้าให้พรรคเพื่อไทยยกเลิกบัตรคนจน เราจะยกเลิกทำไม พี่น้องต้องเก็บไว้ประจานมันที่ทำให้คนจน ถึงต้องมาแจกบัตรคนจนแบบนี้ พรรคเพื่อไทยจะไม่ยกเลิกบัตรคนจน แต่เราจะยกเลิกให้คนไทยหายจนทั้งประเทศ วันนี้พรรคเพื่อไทยคือความหวังเดียว เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์เพื่อให้เพื่อไทยเป็นรัฐบาลพรรคเดียว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแนะนำผู้ร่วมปราศรัย ปรากฏว่านายประเสริฐได้ก้าวพลาดตกเวทีที่สูงประมาณ 1.20 เมตร ทำให้มีอาการเจ็บข้อเท้าเล็กน้อย แต่นายประเสริฐยังสามารถเดินขึ้นเวทีต่อได้ ทำให้ นพ.ชลน่านปราศรัยเป็นทีเล่นทีจริงว่า นายประเสริฐกระโดดลงไปรับ ส.ส.ใหม่

มั่นใจได้พิษณุโลกยกจังหวัด

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความมั่นใจที่จะได้ ส.ส.พิษณุโลกยกจังหวัดว่า เรามั่นใจ เรานำนโยบายมาเสนอให้ประชาชนและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เองก็ทำงานหนัก จึงมั่นใจและมีกำลังใจมาก เมื่อถามถึงกรณีนายนิยม ช่างพินิจ อดีต ส.ส.เพื่อไทย ย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย จะแลนด์สไลด์ได้หรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า ว่าที่ผู้สมัครที่ลงแทนในเขตนี้เป็นคนที่ ประชาชนรู้จักดีอยู่แล้ว แน่นอนว่าเราต้องเพิ่มเติมเรื่องการแนะนำว่าเรามาแบบนี้ ตั้งใจ เพื่อให้ ส.ส.ของเราเข้ามาทำงานในสภาฯ ผลักดันนโยบาย เพื่อพี่น้องประชาชน ฉะนั้นเรามั่นใจมากๆ

ถ้าไม่ได้ตามเป้าค่อยว่าอีกที

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการประกาศไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐว่า เพราะมีกระแสมาปิดกั้นยุทธศาสตร์แลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยที่เราประกาศไว้ หากพี่น้องสนับสนุนเราตามที่ประกาศไว้ว่าจะได้ ส.ส. 310 เสียง เราประกาศชัดไม่จับมือกับใคร โดยเฉพาะฟากฝั่งที่มาจากเผด็จการ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องพูด เพราะไม่อยากให้กระพือข่าวเอาเรื่องนี้มาทำลายพรรคเรา เมื่อถามว่าหลังเลือกตั้งยืนยันจะไม่จับมือใช่หรือไม่ นพ.ชลน่านตอบว่า หากเราได้ 310 เสียงไม่มีความจำเป็น เมื่อถามย้ำว่าหากได้ไม่ถึง 310 เสียงจะทำอย่างไร นพ.ชลน่านตอบว่า อยู่ที่ผลการเลือกตั้งของประชาชน ไม่ถึงเราก็ต้องมาดูตัวเลข และพรรคที่ประชาชนให้ความไว้วางใจลำดับถัดจากเราเป็นพรรคไหน อย่างไร เรายึดมั่นอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่สามารถทำงานร่วมกันได้

ปราศรัยได้ดุดันล้วนมาจากใจ

นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการขึ้นเวทีปราศรัยเป็นเวทีที่ 2 ว่า ตื่นเต้น และดีใจ ทราบซึ้งใจที่ประชาชาชนให้การต้อนรับที่ดี มีหัวหน้าพรรค และแกนนำพรรคคนอื่นเป็นแรงบัลดาลใจ ทุกคนให้กำลังใจและให้การช่วยเหลือเต็มที่ ผู้สื่อข่าวถามว่าเวทีที่สองวันนี้เหมือนพูดได้ดุดันขึ้น นายเศรษฐาตอบว่า คงมาจากความอัดอั้นตันใจ เมื่อถามว่าพอได้ขึ้นเวทีปราศรัยแล้วเริ่มติดใจหรือยัง นายเศรษฐาตอบว่า “มันเป็นหน้าที่ที่พรรคมอบหมายให้ เป็นหน้าที่ที่เราต้องมาขยายนโยบายให้ประชาชนทราบถึงอนาคตว่าหากเลือกเพื่อไทยมา เราจะทำอะไรให้เขาได้บ้าง”

อ้อนอย่าแบ่งใจให้พรรคอื่น

ต่อมาเวลา 17.00 น. ที่เวทีปราศรัยใหญ่สวนกลางเมือง จ.พิษณุโลก มีประชาชนร่วมรับฟังจำนวนมาก น.ส.แพทองธารกล่าวปราศรัยว่า ดีใจมีคนมาเยอะมากทำให้มีกำลังใจมากๆ วันนี้ตนและพรรคเพื่อไทยมาบอกว่าทำไมต้องเลือก ส.ส.เพื่อไทย ทำไมถึงแบ่งใจไม่ได้ เพราะถ้าแบ่งใจเพื่อไทยจะตั้งรัฐบาลไม่ได้ และจะไม่สามารถผลักดันนโยบายดีๆ สู่มือประชาชนเหมือนที่เคยทำมาได้ วันนี้ขอให้ชาวพิษณุโลกเลือกเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค รถไฟความเร็วสูงต้องผ่านพิษณุโลก การคมนาคมสี่แยกอินโดจีนที่พิษณุโลกต้องสำเร็จ อีกไม่กี่วันจะยุบสภาฯอยากให้ประชาชนกำหนดอนาคตตัวเอง เลือกรัฐบาลแบบไหนมาดูแล เลือกรัฐบาลแบบไหนให้มาผลักดันนโยบายให้สำเร็จ เข้าคูหากาเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค ให้แลนด์สไลด์ไปเลย

“เศรษฐา” จวก “ตู่” ตะแบงมั่นคง

ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน ปราศรัยว่า วันนี้ได้ก้าวเข้าการเมืองเต็มตัว สลัดคราบนักธุรกิจ 8 ปีที่ผ่านมาประเทศเราตกต่ำ นายกฯคนปัจจุบันพูดตลอดว่าเรามั่นคง แต่มั่นคงอย่างไรถ้าไม่มั่งคั่งก็ไม่มั่นคง รายได้ถดถอย ดังนั้นอย่าตะแบงพูดอยู่ได้ว่ามั่นคง 8 ปีที่ผ่านมาเยอะมากพอแล้ว ลูกหลานย้ายออกนอกประเทศเพราะไม่มั่นคงในรัฐธรรมนูญปัจจุบันที่ไม่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ สิทธิเสรีภาพเป็นเรื่องสำคัญ ทำไมยังบังคับเกณฑ์ทหารแทนที่จะให้สมัครใจ พรรคเพื่อไทยใช้นโยบายนำมาโดยตลอด นโยบายที่จะคลอดมารับรองได้ว่าโดนใจ การเลือกตั้งกำลังจะมาถึง จะรับเงินใครก็รับไป ส่วนจะกาหรือไม่เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเรามีรายได้ที่มั่นคงไม่ต้องไปแบมือขอใคร 8 ปีที่ผ่านมาผู้นำไม่ได้ไปสร้างตัวตนบนเวทีโลก เราต้องมีจุดยืนที่ชัดเจน ประเทศไทยแม้จะเล็กแต่มีศักดิ์ศรีความเป็นคนไทย โดยต้องเลือกเพื่อไทย นายกฯจะเป็นใครก็ตามทีแต่รับประกันได้ว่าศักดิ์ศรีจะถูกคืนมาให้ประชาชน อีก 2 เดือนจะมีการเลือกตั้งถ้าไม่พอใจกับ 8 ปีที่ผ่านมา ขอให้เข้าคูหากาเพื่อไทยทั้ง 2 ใบ แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน

“สมชาย” โอ่ 310 เสียงเป็นไปได้

ที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย เขตบางกะปิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่ กทม. น.ส.สกาวใจ พูนสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตสะพานสูง นายกวีวงศ์ อยู่วิจิตร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตบางนา-พระโขนง และนายพงศกร รัตนเรืองวัฒนา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตบางกะปิ ร่วมเปิดศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย เขตบางกะปิ หน้าวัดบึงทองหลาง นายสมชายกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีศักยภาพและผลงาน ดูจากโพลแล้ว 310 ที่นั่งเป็นไปได้ อยากให้ กทม.แลนด์สไลด์ด้วยการเข้าร่วมพรรคเพื่อไทยของนายเศรษฐา ทวีสิน มั่นใจจะเข้ามาช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจให้ประชาชนได้ แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จะดูแคลนเพราะขาดความเข้าใจด้านนี้ พรรคเพื่อไทยไม่อยากสีซอให้ใครฟัง ขอมุ่งมั่นสร้างความเข้าใจให้ประชาชนในนโยบายของพรรค

“ขิง” ช่วยลูกทีมหาเสียงบ้านเอื้อฯ

ที่บ้านเอื้ออาทรหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ยกทีมช่วย น.ส.ฐิติพัฒน์ โชติเดชาชัยนันต์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตบางกะปิ-วังทองหลาง หาเสียง โดยมีชาวบ้านร่วมรับฟังจำนวนมาก นายเอกนัฏกล่าวว่า พรรคออกนโยบายหลายข้อเพื่อสานต่อนโยบาย “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” ของนายกฯ นโยบายของพรรคเราทำต่อเนื่องมา 8 ปี รู้ว่าจะมีงบประมาณมาดำเนินการหรือไม่ ทุกนโยบายพิจารณาดีแล้วว่าทำได้จริงและมีงบประมาณ ใกล้ช่วงเลือกตั้งมีหลายพรรคนำเสนอนโยบายทั้งที่ไม่รู้ว่าจะทำได้จริงหรือไม่ อาจดูสวยหรู แต่ไม่มีงบฯ ยิ่งเลือกตั้งเสร็จ พอไม่ได้เป็นรัฐบาลนโยบายที่ว่าก็ไร้ประโยชน์
โต้ไม่ใช่พรรคนั่งร้านเฉพาะกิจ

นายเอกนัฏกล่าวว่า พรรค รทสช.เลือกคนมีคุณภาพ คนที่มีจิตวิญญาณ หลังเลือกตั้งถ้าได้ ส.ส.น้อย “ลุงตู่” ก็ไม่ได้เป็นนายกฯ การทำงานจะขาดตอน การพัฒนาไม่ต่อเนื่อง ขอย้ำว่าพรรค รทสช.เราไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ หรือเป็นนั่งร้านให้พรรคการเมืองอื่น แต่เราเป็นพรรคที่มีจุดยืนเป็นของตัวเอง เชื่อมั่นในการสร้างความปรองดอง พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้นำที่สร้างความปรองดองทำให้ประเทศชาติเกิดความสงบสุข คนไทยทุกฝ่ายต้องมาช่วยกัน น่าเสียดายที่ พล.อ.ประยุทธ์ใกล้หมดวาระ ถ้าอยู่ต่ออีก 1 ปี เศรษฐกิจจะดีกว่านี้มาก

“พีระพันธุ์” ยันไม่ปรับลุค “ลุงตู่”

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช. กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำนโยบายพรรคว่า เราเปิดนโยบายนำร่องไป 5 เรื่องแล้วจากนี้ จะทยอยเปิดนโยบายออกมาเป็นระยะ ทุกนโยบายก่อนจะเปิดต้องหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคทั้งหมด ที่ผ่านมามีการพูดคุยกันตลอด ส่วนการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันว่ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แม้อยู่ระหว่างรักษาอาการมือบวม ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว เมื่อถามว่าการลงพื้นที่ตรวจราชการของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเพิ่มความระมัดระวังอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ ป้องกันการได้เปรียบเสียเปรียบกับพรรคอื่น นายพีระพันธุ์ตอบว่า เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้ว ต้องเพิ่มความระมัดระวัง แต่ตอนนี้ยังไม่มี ดังนั้นการลงพื้นที่ตรวจราชการยังคงเป็นไปตามปกติ ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องปกติ ที่พรรคต่างๆจะเริ่มโจมตีนโยบายของพรรคคู่แข่ง เมื่อถามว่าต้องปรับภาพลักษณ์ พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ นายพีระพันธุ์ตอบว่า ไม่จำเป็นต้องปรับภาพลักษณ์ ปล่อยให้เป็นตัวตนของ พล.อ.ประยุทธ์ดีที่สุด

รับมีการทาบทาม “ศรัณย์วุฒิ”

เมื่อถามถึงกระแสข่าวนายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรค พปชร. และนายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อชาติ จะมาร่วมงานกับ รทสช. นายพีระพันธ์ุตอบว่า กรณีนายนิโรธมีความชัดเจนมากแล้ว ส่วนกรณีนายศรัณย์วุฒิ มีความชัดเจนระดับหนึ่ง มีการพูดคุยกันจริง แต่ยังต้องรอความชัดเจนในรายละเอียด ขณะนี้ยังไม่ได้สมัครเป็นสมาชิก รทสช.

ฟุ้ง “ลุงตู่สู้ๆ” ไม่ใช่ได้มาง่ายๆ

นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง พรรค รทสช. กำกับดูแลการเลือกตั้งพื้นที่ภาคใต้ กล่าวว่า การลงพื้นที่ จ.สงขลา ของนายกฯ ที่มีประชาชนมารอรับและกำลังใจจำนวนมาก สะท้อนกระแสความนิยมได้ชัดเจน ได้ยินเสียงเชียร์เพราะเห็นความตั้งใจและมุ่งมั่นของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยพรรคเตรียมเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ต้นเดือน เม.ย. พร้อมประกาศนโยบายพรรคทั้งหมด เป็นนโยบายที่ประชาชนจับต้องได้ ทำได้จริง หลังจากนี้บรรยากาศการหาเสียงจะดุเดือดยิ่งขึ้น ในฐานะดูแลพื้นที่ภาคใต้ตั้งใจว่าจะทำให้ชาวบ้านได้เห็นถึงความตั้งใจของพรรค คำว่า “ลุงตู่สู้ๆ” ไม่ได้ได้มาง่ายๆ แต่เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ให้ใจชาวบ้านไปแล้ว ชาวบ้านจึงให้ใจกลับมา

“กรณ์” ฟิตจัดว่ายข้ามทะเลสาบ

ที่บริเวณท่าเรือหับโห้หิ้น “โรงสีแดง” ย่านเมืองเก่าสงขลา อ.เมืองสงขลา นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) เข้าร่วมกิจกรรม Singora Lake Swim 2023 ว่ายน้ำข้ามทะเลสาบสงขลา ใช้เส้นทางจากโรงสีแดง (หับ โห้ หิ้น) ไปยังเส้นชัยที่ Songkhla Pier ฝั่งหัวเขา อ.สิงหนคร รวมระยะทาง 2 กิโลเมตร โดยมีทีมรักษาความปลอดภัยเตรียมความพร้อมเป็นอย่างดี ปีนี้มีนักว่ายน้ำทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้าร่วมกิจกรรมเกือบ 210 คน ขณะที่นายกรณ์สามารถว่ายน้ำทำลายสถิติของตัวเอง จากเดิมใช้เวลา 1 ชั่วโมงเศษ ปีนี้สามารถว่ายเข้าถึงเส้นชัยโดยใช้เวลาเพียง 54 นาที โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สงขลาของพรรคเข้าร่วมกิจกรรมด้วย

โปรโมตท่องเที่ยววิถีชุมชนสงขลา

นายกรณ์กล่าวว่า เข้าร่วมกิจกรรม Singora Lake Swim 2023 เป็นปีที่ 2 แล้ว เพื่อช่วยโปรโมตการท่องเที่ยววิถีชุมชน ตลอดจนอาหารพื้นเมือง ถือเป็นมนต์เสน่ห์ และอัตลักษณ์ที่สำคัญของ จ.สงขลา สามารถผลักดันเป็นซอฟต์เพาเวอร์ของจังหวัดได้ นอกจากนี้ยังเป็นการรณรงค์ ลด เลิก ทิ้งขยะลงในทะเล อนุรักษ์สิ่งมีชีวิตใต้ทะเล เพื่อรักษาระบบนิเวศปลูกจิตสำนึกให้รักท้องทะเลสาบที่มีแห่งเดียวในประเทศไทย ปีนี้พิเศษกว่าทุกปีตรงที่ผู้จัดงานร่วมระดมทุนจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ให้กับ รพ.สต.หัวเขา สำหรับตัวผู้สมัครของพรรคทั้ง 4 คน ตนมั่นใจว่าจะทำหน้าที่ผู้แทนที่ดีให้กับชาวสงขลาได้ ขึ้นอยู่กับประชาชนว่าอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ๆหรือไม่ ที่ผ่านมาได้รับเสียงตอบรับดีมาก

“อรรถวิชช์” ติง กกต.ระวังผิด ก.ม.

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชพก. กล่าวถึงการแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส.กทม.ว่า การแบ่งเขตที่ กกต.กทม.นำเสนอมา 4 รูปแบบ พบว่ารูปแบบที่ 1 และ 2 เข้าข่ายผิดกฎหมาย ขัด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 27 เพราะกฎหมายกำหนดหลักเกณฑ์ “ให้รวมอำเภอต่างๆเป็นเขตเลือกตั้ง” และการที่เคยอยู่ในเขตเลือกตั้งเดียวกันเป็นเรื่องหลักในการแบ่งเขต แต่รูปแบบที่ 1 และ 2 กลับใช้วิธีรวมตำบล (แขวง)ต่างๆ มาประกอบเป็นเขตเลือกตั้งใหม่ โดยเขตเลือกตั้ง กทม.ทั้งหมด 33 เขต รูปแบบที่ 1 มีการแบ่งแขวงต่างๆมาเป็นเขตเลือกตั้งใหม่ถึง 27 เขต รูปแบบที่ 2 มีการรวมแขวงต่างๆมาเป็นเขตเลือกตั้งใหม่ถึง 30 เขต นอกจากผิดกฎหมายชัดเจน ยังสร้างความสับสนให้ประชาชนที่คุ้นเคยกับเขตเลือกตั้งเดิม ขณะที่รูปแบบที่ 3 และ 4 เป็นรูปแบบที่สอดคล้องกับกฎหมายมากที่สุด เพราะมีเขตเลือกตั้งที่ถูกแยกแขวงเพียง 8 เขต โดยเฉพาะรูปแบบที่ 3 มีเขตที่เคยเป็นเขตเลือกตั้งเดิมที่คุ้นเคยมาก่อนถึง 17 เขต

ฉะแบ่งเขตคล้าย Salamander

นายอรรถวิชช์กล่าวต่อว่า การรวมแขวงจากเขตต่างๆมาเป็นเขตเลือกตั้งใหม่ เป็นหลักการพิสดาร นอกจากไม่สอดคล้องกับกฎหมายแล้ว ยังพบรูปร่างของเขตที่ประหลาด หลักวิชาการเรียกการแบ่งเขตที่รูปร่างคล้ายตัว Salamander เป็นการแบ่งเขตเพื่อความได้เปรียบ-เสียเปรียบ แบ่งเขตเพื่อกำหนดผลการเลือกตั้งไว้แล้ว ที่เรียกว่า Gerrymandering ตามรูปแบบที่ 1 และ 2 เข้าใจว่า กกต.กทม.พยายามยึดระเบียบ กกต. ที่กำหนดให้ส่วนต่างระหว่างจำนวนราษฎรต่อ ส.ส. ไม่ควรเกินร้อยละ 10 แต่หลักการนี้เป็นเพียงระเบียบที่มีสถานะต่ำกว่า พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. ที่กำหนดให้ยึดหลักการรวมอำเภอเป็นเขตเลือกตั้ง และการเคยเป็นเขตเลือกตั้งเดียวกันมาก่อน จึงขอให้ กกต.ที่กำลังจะพิจารณาเคาะเขต ยึด พ.ร.ป.เป็นหลัง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง หากตัดสินใจเลือกรูปแบบที่เข้าข่ายผิดกฎหมายจะกระทบต่อการเลือกตั้ง

“ธนาธร” เปิดตัวผู้สมัครสระบุรี

ที่ตลาดน้ำต้นตาล อ.เสาไห้ จ.สระบุรี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ร่วมแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สระบุรี 4 คน ได้รับความสนใจจากบรรดาพ่อค้า แม่ค้า และจากประชาชนที่มาเดินเลือกซื้อของภายในตลาดน้ำเป็นอย่างมาก ส่วนใหญ่จะเข้ามาพูดคุย และขอถ่ายรูปด้วย นายธนาธรกล่าวว่า มารณรงค์ให้ผู้คนรู้จักกับนโยบายพรรคก้าวไกล และทำความรู้จักกับว่าที่ผู้สมัครทั้ง 4 เขต เราจะทำงานให้เต็มที่ เราอยากเห็นการเมืองที่ดี ที่เป็นประชาธิปไตย จะทำให้ประชาชนเข้าถึงอำนาจ เข้าถึงทรัพยากร เมื่ออำนาจและทรัพยากรถูกกระจายตัวอย่างเป็นธรรม ประชาชนจะมีความมั่งคั่ง เริ่มต้นด้วยการหยุดพรรคทหารจำแลงพวกนี้ สำหรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สระบุรี ทั้ง 4 เขต ประกอบด้วย นายสรพัช ศรีปราชญ์ อดีตวิศวกรในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ลงเขต 1 นายทรงวุฒิ สารจันทึก เภสัชกรโรงพยาบาลชุมชน ลงเขต 2 น.ส.นันทิตา สงห์พราหมณ์ พนักงานบริษัทเอกชน ลงเขต 3 และนายพิทาน ทรงกัมพล “แป๊ะ บางสนาน” อดีตนักร้องนักแต่งเพลง ลงเขต 4

“ก้าวไกล” เปิดตัว 33 เขต กทม.

ช่วงเย็นที่สามย่านมิตรทาวน์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) พร้อมแกนนำพรรค ร่วมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ทั้ง 33 เขต มีประชาชนเข้าร่วมงานคึกคัก ทั้งนี้ก่อนเริ่มงานกลุ่มคน 3-4 คน เข้ามาสร้างความปั่นป่วน ก่อนจะเชิญตัวออกโดยไม่มีเหตุบานปลาย สำหรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขต ที่น่าสนใจ อาทิ นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร เขตธนบุรี นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ เขตบางขุนเทียน นายปิยรัฐ จงเทพ เขตพระโขนง-บางนา น.ส.สิริลภัส กองตระการ หรือหมิว นักแสดงชื่อดัง เขตบางกะปิ เป็นต้น นายพิธากล่าวปราศรัยบนเวทีว่า วันนี้ไม่สามารถปราศรัยแบบดุเดือดเหมือนทุกครั้งแล้ว เพราะเป็นเหยื่อของฝุ่น PM 2.5 คุณหมอให้งดใช้เสียง วันนี้ถอดสายน้ำเกลือออกมาพบปะกับประชาชน การเลือกตั้งครั้งนี้คือเดิมพัน เป็นการเลือกตั้งเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศ ฉะนั้นต้องกาเลือกก้าวไกล

“โพลขึ้นไม่หลง โพลลงไม่ท้อ”

นายพิธาให้สัมภาษณ์ว่า กทม.เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของ ก.ก. เลือกตั้งเมื่อปี 2562 ได้คะแนนป๊อปปูลาร์โหวตใน กทม. 8 แสนคะแนน ดังนั้นทั้ง 33 เขตใน กทม. จึงเป็นพื้นที่ที่เราหวังผลทั้งหมด เป็นเขตที่เราหวังรักษาเขตเดิมและเพิ่มเติมเขตใหม่ เมื่อถามว่าจุดเด่นในพื้นที่ กทม.ของพรรคก้าวไกลคืออะไร นายพิธาตอบว่า จุดเด่นก็คือแคนดิเดตนายกฯและนโยบายที่จับต้องได้ เมื่อถามถึงผลสำรวจนิด้าโพล ที่พื้นที่ จ.อุดรธานี พรรคก้าวไกล มาเป็นอันดับ 2 รองจากเพื่อไทย นายพิธาตอบว่า ไม่หวั่นไหว ตั้งใจทำงานต่อเต็มที่ สำหรับตนโพลขึ้นไม่หลง โพลลงไม่ท้อ เมื่อถามว่าล่าสุดเพื่อไทยประกาศความชัดเจนว่าจะไม่จับมือกับ พปชร. และ รทสช. นายพิธาตอบว่า นับว่าเป็นจุดยืนที่ใกล้เคียงกับก้าวไกล แต่ไม่ได้ทำให้จุดยืนของพรรคหวั่นไหวหรือสับสน จุดยืนของเราที่พูดมาตลอดคือพรรคร่วมฝ่ายค้าน ถ้ารวมพลังขั้วประชาธิปไตย สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ประเทศได้มากที่สุด

“เสี่ยหนู” ชิงเคลมผลงานกับ อสม.

เวลา 16.00 น. ที่สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ (สวน ร.5) อ.เมืองนราธิวาส พรรคภูมิใจไทย นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมแกนนำพรรค อาทิ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา รองหัวหน้า พรรค นายนัดมุดดีน อูมา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ จัดเวทีปราศรัยเปิดตัวว่า ที่ผู้สมัคร ส.ส. 3 จังหวัดชายแดนใต้ 12 เขต นายอนุทินปราศรัยว่า เราขอมาทำหน้าที่ดูแลรับใช้คนนราธิวาส ปัตตานี และยะลา ให้รักพรรคภูมิใจไทยมากขึ้น ขอมาเป็นครอบครัวเดียวกัน 4 ปีที่แล้วเรามาคนเบะปากใส่ แต่วันนี้ทุกคนฉีกยิ้มให้หมด ขออย่างเดียวให้กาทั้งพรรคทั้งคน เราจะทำให้ด้ามขวานไทยเป็นด้ามขวานทองคำทั้งดุ้น ด้วยท่าเรือสองฝั่งเชื่อมตะวันตกกับตะวันออก ขอแสดงความยินดีกับพี่น้อง อสม.ที่จะได้ 2,000 บาท ในเดือน ต.ค. ยังไม่ได้เลือกก็ทำให้แล้ว “ผมอยู่มา 4 ปี ไม่มีใครรักไม่มีใครจริงใจและรักพี่น้อง อสม. เท่ากับ อนท. (อนุทิน) คนอื่นไม่ต้องให้ใครมาเคลมใดๆทั้งสิ้น”

ทสท.ดันแก้ฝุ่นพิษวาระแห่งชาติ

ช่วงเวลาเดียวกันที่ชุมชนปิ่นเจริญ 2 เขตดอนเมือง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวปราศรัยเวที“แก้ทุกข์ มหานคร กทม.” ว่า ผูกพันกับชาวดอนเมืองเพราะเป็น ส.ส.ครั้งแรกที่นี่ มีอีกหลายปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไขจริงจัง เช่น ฝุ่นพิษ PM 2.5 ปัญหาหนักหน่วงขึ้นทุกปี กระทบสุขภาพประชาชนเป็นเมืองที่มีคุณภาพอากาศแย่ติดท็อปของโลกทุกปี พรรคไทยสร้างไทยขอประกาศว่าการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษต้องเป็นวาระแห่งชาติ หากไทยสร้างไทยเป็นรัฐบาล จะห้ามรถมีควันดำวิ่งในถนน เขต กทม. โดยเฉพาะรถขนส่งสาธารณะ รถบรรทุก การขนถ่ายสินค้าทำได้เฉพาะเขตที่อยู่นอกเมืองเท่านั้น จะเข้มงวดการตรวจสภาพรถก่อนอนุญาตให้ต่อภาษีประจำปี การใช้มาตรการเหลื่อมเวลาการทำงานและเวลาเรียน การ Work from home และ Learn from home เข้มงวดการก่อสร้างรถไฟฟ้า การก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ที่ละเลยให้เกิดฝุ่นพิษ ส่วนมาตรการระยะยาวจะปรับเปลี่ยนรถสาธารณะ รถมอเตอร์ไซค์ รถยนต์สภาพเก่าให้เป็น EV มีภาครัฐเป็นผู้สนับสนุน ส่วนปัญหาน้ำท่วมที่ “กรีนพีซ” ระบุอีก 10 ปีข้างหน้า กทม.มีโอกาสถูกน้ำท่วม เนื่องจากสภาวะโลกร้อนนั้น พรรคไทยสร้างไทยเตรียมศึกษาการสร้างเขื่อนกั้นอ่าวไทย ไม่ให้กระทบเศรษฐกิจประเทศ ความเป็นอยู่ของชาวกรุงเทพฯ ต้องเร่งศึกษาตั้งแต่วันนี้

ท้าชนนายทุนประกาศลดค่าไฟ

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ผอ.สำนักงานปราบโกง พรรคไทยสร้างไทย ปราศรัยว่า พรรคไทยสร้างไทยหากได้เป็นรัฐบาล จะประกาศลดค่าไฟฟ้าทันที เหลือไม่เกิน 3.5 บาท/หน่วย ประเทศถูกปล้นค่าไฟฟ้าไปสร้างความร่ำรวยให้นายทุน คนไทยจ่ายค่าไฟแพงกว่าความเป็นจริง โดยรัฐเอื้อนายทุนโรงไฟฟ้า ทำสัญญาผลิตไฟล่วงหน้าเกินจำเป็นถึง 53,000 กิโลวัตต์/ชั่วโมง แต่ประชาชนใช้ไฟฟ้าจริงๆ ไม่เกิน 33,000 กิโลวัตต์/ชั่วโมง สำรองไฟฟ้าเกินความต้องการใช้จริงถึง 20,000 กิโลวัตต์/ชั่วโมง หรือ 60% ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟที่ไม่ได้ใช้ให้นายทุนฟรีๆปีละ 26,000 ล้านบาท ทั้งที่โรงไฟฟ้าของนายทุนใหญ่ไม่ได้เดินเครื่องผลิตจริงแม้แต่เมกะวัตต์เดียว

“สมชัย” ถามจะมี กกต.ไว้ทำไม

วันเดียวกัน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทยโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ตรวจราชการแฝงหาเสียงเอาเปรียบทางการเมือง วันที่ 11 มี.ค.2566 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าไปตรวจราชการ ใช้ทรัพยากรของรัฐดังนี้ 09.00 น. ใช้เครื่องบินหลวงกองทัพอากาศ บล.15 ก. (Airbus ACJ320) จากดอนเมืองไปหาดใหญ่ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที เวลา 10.45 น. ใช้เฮลิคอปเตอร์จากสนามบินหาดใหญ่ไป อ.เมืองสงขลา ใช้เวลาบิน 20 นาที เวลา 11.05 น. ใช้ขบวนรถยนต์ไปศาลหลักเมือง แพขนานยนต์ ตรวจการก่อสร้างสะพานที่สงขลา พูดตรวจราชการพอเป็นพิธี และไปตลาดกิมหยง ตลาดสันติสุข พบประชาชน เวลา 15.00 น. ใช้เฮลิคอปเตอร์ไป อ.เมือง ยะลา นั่งขบวนรถต่อไปมัสยิดอันนูร พบปะผู้นำดะวะห์ และประชาชน เวลา 16.30 น. บินเฮลิคอปเตอร์กลับสงขลา ใช้เวลา 35 นาที เวลา 17.15 น. บิน Airbus บล.15 ก. กองทัพอากาศกลับ กทม. ใช้เวลา 1 ชม. 30 นาที ไหนบอกคนดี ไม่เอาเปรียบใคร ใช้เครื่องบินหลวง เฮลิคอปเตอร์หลวง รถหลวง ข้าราชทหารตำรวจร่วมพัน ตรวจราชการไม่กี่นาที ได้เนื้องานไม่กี่กรัม แต่หาเสียงเป็นตันๆ ส่วน กกต.ไม่ต้องถามว่า มีไว้ทำไม หรือประยุทธ์เป็นคนดี ทำอะไรก็ไม่ผิดกติกา”

“เรืองไกร” จี้ ครม.สอบสายสีเขียว

ด้านนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ได้ส่งหนังสือด่วนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ผ่านทางไปรษณีย์อีเอ็มเอส ให้ตรวจสอบโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวว่าถูกต้องตามกฎหมายและหลักบริหารบ้านเมืองที่ดีหรือไม่ หลังจากปรากฏข่าวที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติแจ้งข้อกล่าวหาผู้เกี่ยวข้องโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว 13 ราย ขอให้นายกฯ และ ครม. ตรวจสอบ เนื่องจากโครงการนี้เข้าข่ายเป็นกิจการค้าขายอันเป็นสาธารณูปโภค ต้องได้รับอนุญาตหรือได้รับสัมปทานจากรัฐมนตรี และให้กระทรวงมหาดไทยมีอำนาจเกี่ยวกับกิจการรถรางด้วย แต่การตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า โครงการดังกล่าวอาจไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ควรตรวจสอบว่าโครงการนี้ทำสัญญาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ มีผลให้สัญญานิติกรรมใดๆ รวมทั้งสิทธิต่างๆเป็นโมฆะหรือไม่ และมีเจ้าหน้าที่รัฐ เอกชนรายใดร่วมกระทำหรือสนับสนุนการกระทำไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ ขัดวินัยการเงินการคลังของรัฐหรือไม่

“อุ๊งอิ๊ง”-พท.ยังครองใจชาวอุดร

อีกเรื่อง นิด้าโพลเปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปและมีสิทธิเลือกตั้งใน จ.อุดรธานี จำนวน 1,020 หน่วยตัวอย่าง เรื่อง “คนอุดรธานีเลือกพรรคไหน” ระหว่างวันที่ 24 ก.พ.-2 มี.ค. พบว่า บุคคลที่คนอุดรธานีจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯในวันนี้ อันดับ 1 ร้อยละ 48.24 เป็นน.ส.แพทองธาร ชินวัตร พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 11.96 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล อันดับ 3 ร้อยละ 10.29 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับ 4 ร้อยละ 7.84 ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 5 ร้อยละ 7.55 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคไทยสร้างไทย ตามด้วย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส พรรคเสรีรวมไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรณ์ จาติกวณิช นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส่วนแนวโน้มการเลือก ส.ส.แบ่งเขต อันดับ 1 ยังคงเป็นพรรคเพื่อไทย ที่ร้อยละ 61.27 อันดับ 2 พรรคก้าวไกล ร้อยละ 14.41 อันดับ 3 พรรครวมไทยสร้างชาติ ร้อยละ 7.16 อันดับ 4 พรรคไทยสร้างไทย ร้อยละ 4.90 อันดับ 5 พรรคเสรีรวมไทย ร้อยละ 2.84 ตามด้วยพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐเช่นเดียวกับการเลือก ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่มีสัดส่วนใกล้เคียงกัน