"เศรษฐา" ลุยอยุธยา ล้อมวงกินข้าวชาวบ้าน มั่นใจ เพื่อไทยทำได้แน่ ทั้งเพิ่มราคาข้าว ลดราคาปุ๋ย แย้ม เตรียมประกาศนโยบายใหญ่ รับรองฮือฮา แจงโอนหุ้นแสนสิริให้ลูกสาว เพราะอยากแสดงความบริสุทธิ์ใจ

วันที่ 10 มีนาคม 2566 ที่อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ นักวิชาการ และนายจิรทัศ ไกรเดชา ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย รวมถึงนายอัณณพ อารีย์วงศ์สกุล, นายสุรเชษฐ์ ชัยโกศล, นายองอาจ วชิรพงศ์ และนายอาทิตย์ ภาคอินทรีย์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อยุธยา พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่พบตัวแทนกลุ่มชาวนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

จากนั้น นายเศรษฐาได้ร่วมล้อมวงรับประทานอาหารกลางวันกับกลุ่มพี่น้องชาวนาที่ได้ทำข้าวหม้อแกงหม้อจากบ้าน พร้อมพูดคุยแลกเปลี่ยนระหว่างรับประทานอาหารด้วย

นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ล้อมวงกินข้าวกับชาวบ้าน ขณะลงพื้นที่อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ล้อมวงกินข้าวกับชาวบ้าน ขณะลงพื้นที่อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

...

นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่รับฟังปัญหาชาวนา จ.พระนครศรีอยุธยา ถึงเรื่องที่ชาวนาขอให้ราคาข้าวไม่ต่ำกว่าตันละ 10,000 บาท ว่า ราคาเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้น หากราคาข้าวแพง แต่ต้นทุนสูงเงินเข้ากระเป๋าจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาทต่อไร่ ซึ่งไม่มาก หน้าที่ของพรรคเพื่อไทยคือทำให้จำนวนเงินที่สุทธิที่จะเข้ากระเป๋าเพิ่มขึ้น 3 เท่าในช่วงเวลาที่เราเป็นรัฐบาล จาก 1,000 บาท ให้เป็น 3,000 บาท โดยจะต้องทั้งอัปราคาข้าว ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มผลิตผล ไปด้วยกัน ส่วนเรื่องปุ๋ย พรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่จะใช้ปุ๋ยอินทรีย์ โดยจะมีการสร้างผลผลิตในท้องถิ่นมาทดแทนปุ๋ยเคมีที่ราคาขึ้นลงตามราคาตลาดโลก และมีหลายปัจจัยมาควบคุม ซึ่งหากเราใช้ปุ๋ยอินทรีย์เราจะสามารถควบคุมอนาคตของตัวเราเองได้

เมื่อถามว่า 8 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไม่สามารถทำได้ พรรคเพื่อไทยมั่นใจใช่หรือไม่ว่าจะทำได้ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคงพูดเรื่อง 8 ปีที่ผ่านมาไม่ได้ แต่ตนทราบถึงความคับแค้น และความอัดอั้นตันใจของชาวนาที่ประสบมาตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา ว่าชาวนาไม่มีความสุข ราคาพืชผลตกต่ำ ฯลฯ ซึ่งหากถามว่า พรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วจะทำได้หรือไม่ ก็ต้องบอกว่า ตนมั่นใจว่าเราสามารถทำได้ เราแผนที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ และทำให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี

เมื่อถามว่า พื้นที่อำเภอผักไห่เป็นพื้นที่รับน้ำ ซึ่งก่อนหน้านี้ชาวบ้านจะต้องรับน้ำนานถึง 4 เดือน หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะมีวิธีการในการระบายน้ำให้เร็วขึ้นหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตรงนี้ต้องไปดูยุทธศาสตร์โดยรวม ซึ่งต้องขอไปศึกษาก่อนว่าหากตรงนี้เดือดร้อนมากเราก็ต้องมีวิธีการที่จะบรรเทาความเดือดร้อนในส่วนนี้

เมื่อถามว่า วันที่ 17 มีนาคม 2566 จะมีการประกาศนโยบายใหม่เพิ่มเติม จะสามารถเรียกคะแนนนิยมให้พรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า อันนี้ต้องรอดู เราจะมีการประกาศนโยบายใหญ่ซึ่งจะฮือฮา และกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งมโหฬาร

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยเคยประสบอุบัติเหตุเรื่องจำนำข้าว จะทำให้มีนโยบายต่างจากเดิมหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่าอย่างที่ได้เรียนไปว่าเรามุ่งที่รายได้สุทธิที่จะเข้ากระเป๋าของชาวนา แต่จำนำข้าวเป็นเรื่องที่มุ่งไปที่ราคาพืชผล นโยบายของเราวันนี้คือนโยบายภาพรวมที่จะทำให้ชาวนามีเงินในกระเป๋าสูงกว่าเดิม 3 เท่า

เมื่อถามถึงการโอนหุ้นเพื่อเข้าสู่เวทีการเมือง นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนได้โอนหุ้นให้ลูกสาวที่บรรลุนิติภาวะแล้ว ไหนๆ จะเดินเข้าสู้เวทีการเมืองแล้ว ตนก็อยากแสดงความบริสุทธิ์ใจโดยที่จะไม่เอาผลประโยชน์ส่วนตัว หรือของบริษัทที่เราอยู่มาเกี่ยวข้องด้วย และผู้ที่ได้รับไปก็ต้องทำหน้าที่เสียภาษีตามกฎหมาย